จวกจับแพะไทยบังช้างจีน โจ๊กขึงขังฟันตม.เอี่ยววีซ่า

พิษ "ตู้ห่าว" เขย่า 2 บิ๊กสีกากีแบ่งทีมประสานงา! "ชูวิทย์" โยนระเบิดตูมใหญ่ใส่ผับจินหลิง จับแพะไทยบังช้างจีนทั้งตัว ปั้นเรื่องให้เจ้าพ่อมาเฟียจีนรอดคดียาเสพติด จี้กระบวนการยุติธรรมต้องมีอัยการร่วมทีมสอบสวน "บิ๊กโจ๊ก” กระโดดรายงาน “ผบ.ตร.” ปักธงฟอกเงิน จ่อดำเนินคดีตำรวจ ตม.ตั้งแต่นายพล-ประทวน เอี่ยวให้วีซ่า 

เมื่อวันจันทร์ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ อดีตนักการเมือง  โพสต์เฟซบุ๊กระบุใจความว่า "ตำรวจจับแพะ บูชายัญ 'จินหลิง' หลังจากคลำทาง ทั้งทีมรองบิ๊กโจ๊ก สืบ ทีม บช.น.  บิ๊กจ้าว สอบ แบ่งทีมกันวุ่นวาย ไม่ประสานงาน แต่ประสานงาแทน หลักฐานที่ผมเอาไปให้ตำรวจ แท้จริงไปไม่ถึง ไม่ได้เอาไปใช้สักนิด จะด้วยสาเหตุใดก็แล้วแต่    กลายเป็นทำท่ารับเรื่องถ่ายรูปแล้วโยนทิ้ง ต่างคนต่างเก่ง ต่างคนต่างไปคนละทาง คนหนึ่งเก่งออกจอ อีกคนก็เก่งแบบข้ามาคนเดียว ข้อมูลในสำนวนรั่วไหลมาถึงมือผม   จากเรื่องแปลกทั้งหมดของคดี 'ตู้ห่าว' คือ นอกจากเหลือผู้ต้องหาคดีนี้ เพียง 6 คน (ขอย้ำ 'ผู้ต้องหา 6 คน' ไม่ใช่เหลือฉี่สีม่วง 6 คน !)"

 “หนึ่งในนั้น คือ การเอา 'รปภ.ที่เฝ้าอยู่หน้าจินหลิง'  ที่สมควรเป็น 'พยาน' มาเป็น 'เจ้าของสถานที่' โดนข้อหา  'เปิดสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต' แถมยังยัดเข้าคุกเสียด้วย แม้ว่าจะปล่อยออกมาในภายหลัง นั่นหมายความว่า แทนที่จะได้พยานกลับจับคนบริสุทธิ์เข้าคุก ตั้งข้อหาโง่ๆ บังความผิดให้กับตัวใหญ่ สถานที่นี้เป็น 'สถานที่มั่วสุมเสพยา' ไม่ใช่ 'สถานบริการ' อย่างที่พยายามปั้นเรื่องในสำนวนให้ตู้ห่าวรอดคดียาเสพติด สรุปง่ายๆ แต่ฟังยากระคายหู คือ คดีนี้ 'ไม่มีพยาน' แม้แต่คนเดียว อย่างนี้  'ตู้ห่าว' เจ้าพ่อมาเฟียจีนเทาจะไม่หลุดได้อย่างไร” นายชูวิทย์ระบุ

นายชูวิทย์ระบุด้วยว่า "เรื่องแปลกจะแฉไม่หยุด หากทิศทางคดีไปในทางที่ไม่ชอบ เพื่อให้สังคมตระหนักว่า การต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรม แค่เพียง 'ต้นน้ำ' ยังยากลำบากถึงปานนี้ แล้วหากไปถึง 'กลางน้ำ' (อัยการ) ยัน  'ปลายน้ำ' (ศาล) จะเบาหวิวแค่ไหน? ขอย้ำให้คดีนี้ไปถึงระดับ 'อธิบดีอัยการ' ที่ประวัติขาวสะอาด ไม่เอาเทาๆ  หารือว่าเป็นคดีอาชญากรรมข้ามชาติหรือไม่? เรื่องนี้เอาให้ชัด ไม่งั้นตำรวจไม่มีสิทธิ์ทำสำนวนก็ยกฟ้อง จึงต้องมีอัยการเข้าร่วมเป็นพนักงานสอบสวนด้วย เพราะถือว่าเป็น  'คดีนอกราชอาณาจักร' เป็นอาชญากรรมข้ามชาติชัดๆ  ช่วยตอบสังคมทีท่าน ผบ.ตร. ที่วันนี้ท่านลุกขึ้นมาเป็น 'ยักษ์ตื่น' ตอบสังคมทีว่า 'จับแพะคนไทย' มาทำไม? ยุคนี้น่าจะเลิกได้แล้ว ยิ่งคดีใหญ่สังคมจับจ้องแบบนี้ยังเอา  'แพะไทยมาบังช้างจีนทั้งตัว' "

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.เข้ารายงานความคืบหน้าการดำเนินคดีกับนายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือตู้ห่าว นายทุนจีนสีเทาต่อ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. โดย  พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ระบุว่า วันนี้ได้รายงานความคืบหน้าของคดีและมีข้อสั่งการของ ผบ.ตร. ซึ่งต้องการทราบข้อมูลทั้งหมดทุกประเด็นเพื่อนัดประชุมสั่งการวันศุกร์ที่จะถึงนี้ ซึ่งในคดีนี้สำนวนบางสำนวนใกล้รวบรวมส่งอัยการได้แล้ว

"คดีนี้ยังเดินหน้าปกติเป็นไปตามกรอบเวลา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการดำเนินคดีอาญาข้อหาฟอกเงินเราทำอยู่แล้ว  ที่นายชูวิทย์พูดมาเรารับไว้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินคดีอาญาข้อหาฟอกเงิน การที่จะดำเนินคดีอาญาฐานฟอกเงิน เราต้องรอเส้นเงิน รวบรวมเส้นเงินทั้งหมด รวมถึงบัญชีธนาคารที่เป็นลายลักษณ์อักษร เพราะต้องให้ธนาคารเซ็นรับรองอยู่ระหว่างการเร่งรัด เราจะไปทำเลยทันทีไม่ได้  ที่ผ่านมาก็มีการหารือกับ พล.ต.ท.ธิติ ผบช.น.อยู่ตลอด"  พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ระบุ

ผู้สื่อข่าวถามว่า การเข้าจับกุมผับจินหลิง ตำรวจนครบาลจับ รปภ.ที่อ้างว่าเป็นเจ้าของผับ ข้อเท็จจริงเป็นไปตามที่นายชูวิทย์ระบุหรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ตอบว่า  จริง ขอแจงว่าเรื่องผับจินหลิง ผบช.น.เข้าไปในที่เกิดเหตุตั้งแต่วันแรก คนที่จับมาคือนายธนบดี เป็น รปภ. ไม่ใช่เป็นผู้ดูแลสถานบริการ เป็นไปตามข้อมูล ส่วนจะเกี่ยวข้องอย่างไรทำไมถึงจับ รปภ.มา ให้ไปถาม พล.ต.ท.ธิติ  ผบช.น. ถ้าตนตอบไปจะไม่ตรง เรื่องนี้มีการเกี่ยวกันกับผับท็อปวัน เริ่มแรกตนเข้าตรวจที่ท็อปวันก็มาเกิดประเด็นที่ผับจินหลิง ต่อมาจึงมีคำสั่งแต่งตั้งพนักงานสอบสวนสืบสวน โดยมีตนเป็นผู้กำกับ วันแรกการรวบรวมพยานหลักฐานที่เกิดเหตุที่จินหลิงเป็นหน้าที่ของ น.1 อยากให้ไปถาม น.1 ทำไมไปแจ้งข้อหา รปภ. คดีนี้เรามีการออกเลขสำนวนแล้ว 3-4 คดี บางคดีประมาณ 2 สำนวน เราสรุปสำนวนการสอบสวนส่งอัยการตามที่แจ้งไปแล้วว่า 3 สัปดาห์ ส่วนสำนวนที่ส่งไม่ได้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อไล่เส้นเงินไปมากกว่านั้น

เมื่อถามว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจะตั้งข้อหาฟอกเงินกับนายตู้ห่าวหรือไม่ รอง ผบ.ตร.ตอบว่า ต้องตั้งอยู่แล้ว ผบ.ตร.ก็กำชับมา ที่ยังตั้งไม่เร็วเพราะการตั้งข้อหาอาญาฐานฟอกเงินต้องรอหลักฐาน การสืบสวนเรารู้แล้วว่าผิดจริง แต่พอจะนำเข้าสำนวนส่งศาลเราต้องให้เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องรับรองเอกสาร เช่น บัญชีธนาคาร เส้นทางการเงินจาก ปปง. ส่วนคดีนอกราชอาณาจักรไม่ใช่ประเด็นที่น่ากังวล

 “คดีนี้ยังไม่พบการโอนเงินออกไปต่างประเทศ ถ้าเมื่อไหร่พบเส้นเงินโอนเงินเข้าออกถึงจะเรียกว่าความผิดนอกราชอาณาจักร แต่วันนี้เรากำลังไล่เส้นเงินอยู่ ความผิดฐานนอกราชอาณาจักรไม่ต่างอะไรมาก เพียงแต่ความผิดฐานนอกราชฯ ต้องเสนอให้อัยการอนุมัติ ให้ใครเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน บางครั้งอัยการสูงสุดก็มอบให้ตำรวจเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน" พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ระบุ

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ภายในสัปดาห์นี้นายชูวิทย์จะแถลงหลักฐานเด็ดกลุ่มนายทุนจีนสีเทาจะสามารถนำไปเป็นหลักฐานได้หรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ตอบว่า ถ้ามีหลักฐานที่เราทำงานได้ทำงานเลย ถ้าเป็นคดีนอกราชอาณาจักรเราทำอยู่แล้ว ไม่มีเหตุผลอะไรที่เราจะไม่ทำ  และที่กังวลกันว่าตู้ห่าวจะพ้นเรื่องยาเสพติด ยืนยันไม่พ้นแน่ เรามีหลักฐานทั้งกล้องวงจรปิด การเข้ามาสถานที่บริการก็หลายครั้ง เอาเป็นว่าเรื่องตู้ห่าวยังไงหลักฐานก็ชัดเจน ไม่งั้นศาลไม่ออกหมายจับให้

ผู้สื่อข่าวถามถึงการออกหมายเรียกตำรวจระดับนายพลที่เป็นเพื่อนร่วมรุ่น นรต.47 มาให้ปากคำเรื่องการแปลงวีซ่าให้คนจีน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวว่า เรื่อง ตม.ไม่ต้องกังวล เรามีพยานหลักฐานชัดเจน สอบมา 2 สัปดาห์แล้วและได้รายงานให้ ผบ.ตร.ทราบ และ ผบ.ตร.สั่งถึงใครก็ต้องดำเนินคดีหมด ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนตนก็ต้องดำเนินคดีเหมือนกันละเว้นไม่ได้

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า แสดงว่า ตม.ก็มีความสัมพันธ์จริงกับมูลนิธิ รอง ผบ.ตร.ตอบว่าถูกต้อง ถามอีกว่าตำรวจ  ตม.มีความสัมพันธ์กับมูลนิธิ 27 รายใช่หรือไม่ รอง ผบ.ตร.เผยว่าเกินนั้น 27 คนนั้นเป็นแค่หัวหน้าสถานี ต้องมีตัวเจ้าหน้าที่อีก ใครเซ็นก็ว่าไปตามนั้น ว่าไปตามเอกสาร   เอกสารถึงไหนก็ถึงนั้น

เมื่อถามว่า ที่สอบไปแล้ว 27 คนให้การเป็นประโยชน์หรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวว่า บางรายก็ร้องไห้ ว่าไปตามเอกสาร ถึงใครดำเนินคดีหมด ต้องเลิกเสียทีที่จะเอาคนร้ายเข้าประเทศเพื่อเป็นภาระกับผู้กำกับการท้องที่.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง