ก้าวไกลเขย่าสีกากี! ชงปฏิรูปใหญ่‘ขรก.-ตร.’ ปูดป้อมส่งซิกยุบสภาปีนี้

ส.ส.พปชร.หยันนโยบายค่าแรง พท. ปี 90 ก็ทำไม่ได้ ด้าน “ก้าวไกล” ไม่ขัด แต่บลัฟวิธีการต่างกัน “สมบูรณ์” ทิ้ง ปชป.ซบ รทสช.แล้ว “หญิงหน่อย” รับ เจรจาควบรวม สอท.อยู่ หึ่งเคาะตำแหน่งสำคัญกันไม่ลง “สายัณห์” ป้อง “นิโรธ” โยนฝ่ายค้านทำสภาล่ม พรรคปัดเศษ วอน “บิ๊กตู่” ยุบสภาก่อนปีใหม่ 

เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. ยังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กรณีพรรคเพื่อไทย (พท.) เสนอนโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทต่อวัน และเงินเดือนขั้นต่ำปริญญาตรี 25,000 บาทขึ้นไป โดยนายสายัณห์ ยุติธรรม ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี พท.เสนอนโยบายค่าแรงขั้นตํ่า 600 บาท ภายในปี 70 ว่า คิดว่าปี 90 ก็ทําไม่ได้ เพราะค่าแรง 600 บาทเป็นเรื่องเกินความจริง พวกแม่ค้าและร้านอาหารจะอยู่ไม่ได้ จะทําได้ต่อเมื่อผู้ประกอบการจ่าย 300 รัฐบาลจ่าย 300 มองว่าเป็นการหาเสียงกับคนจนมากกว่า เหมือนกับนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค คือพูดแล้วมันดัง แต่ไม่พูดเรื่องความเป็นจริง เพราะเรื่องนี้ต้องดูจีดีพี ความมั่นคงทางการเงินการคลังและเงินสํารองของประเทศ แล้วถ้าเกิดพรรคหนึ่งเสนอ 600 พรรคหนึ่ง 700 พรรคหนึ่ง 800 มันก็ไม่สิ้นสุด ต้องเอาความจริงเป็นเกณฑ์ เอาตามธรรมชาติดีกว่า

ขณะที่ น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษก พท. ได้ออกมาตอบโต้กรณี น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า พท.จะซ้ำรอยอดีต คิดใหญ่ โกงเป็น ว่าข้อความที่ปรากฏเป็นการเจตนาจงใจใส่ร้าย ใส่ความให้วิญญูชนทั่วไปให้เข้าใจผิดต่อ พท. ทั้งนี้ พท.ยินดีหากสังคมจะวิพากษ์วิจารณ์แนวนโยบายอย่างสร้างสรรค์ เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ เพื่อประชาชนเราทนได้ แต่สิ่งที่ น.ส.ทิพานันกล่าวหาในครั้งนี้เป็นการเจตนาใส่ร้าย พูดโกหก หมิ่นประมาท พท. นำความเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ที่สำคัญใช้สื่อรัฐเป็นเครื่องมือกระทำความผิด ถือว่าครบองค์ประกอบแห่งความผิด ทางฝ่ายกฎหมายของพรรคจึงจะพิจารณาดำเนินคดีเอาผิดกับ น.ส.ทิพานัน เพื่อไม่ให้เป็นตัวอย่างที่ไม่ดี และเพื่อไม่ให้กระทำการย่ามใจไปมากกว่านี้ และเพื่อเป็นการปกป้องสิทธิอันชอบธรรมของ พท.

น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงนโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทต่อวัน และเงินเดือนขั้นต่ำปริญญาตรี 25,000 บาทขึ้นไปว่า หลังจากได้ฟังคำอธิบายของผู้เสนอนโยบายคือ พท. ทำให้ทราบว่านโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท และเงินเดือนเริ่มต้นสำหรับปริญญาตรีที่ 25,000 บาท เป็นเป้าหมายที่ผู้เสนอนโยบายต้องการทำให้ได้ภายในปี 70 โดยมีสภาวะการเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นปัจจัยประกอบ ถือว่าเป็นไปในแนวทางเดียวกันกับพรรคก้าวไกล ที่สนับสนุนการเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ เพียงแต่วิธีการที่ใช้แตกต่างกัน

น.ส.ศิริกัญญากล่าวว่า วิธีการที่พรรคก้าวไกลเสนอไปก่อนหน้านี้ คือให้แก้ที่ระบบการกำหนดค่าแรงขั้นต่ำ เนื่องจากปัจจุบันไม่มีฐานให้พูดคุยกันในคณะกรรมการค่าจ้างเพื่อกำหนดเลยว่าค่าแรงขั้นต่ำควรจะเป็นเท่าไหร่ เราจึงเสนอให้แก้กฎหมายคุ้มครองแรงงานว่าด้วยค่าแรงขั้นต่ำ ว่าต้องปรับขึ้นอัตโนมัติและปรับขึ้นทุกปี โดยคำนึงถึงสภาพเศรษฐกิจ คือจีดีพีโตเท่าไหร่ และคำนึงถึงค่าครองชีพหรือเงินเฟ้อว่าเพิ่มขึ้นเท่าไหร่ ปัจจัยอะไรเพิ่มขึ้นมากกว่าก็นำปัจจัยนั้นมาเป็นฐานในการคำนวณปรับเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำขั้นต้นในแต่ละปี ที่จะพูดคุยบนโต๊ะของบอร์ดค่าจ้าง ก่อนให้บอร์ดตัดสินใจอีกครั้ง เพื่อให้การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามสภาวะเศรษฐกิจ ตามค่าครองชีพ และปรับขึ้นทุกปี เพราะหากปรับขึ้นคราวละมากๆ ภายในครั้งเดียว เราก็เข้าใจความรู้สึกของฝั่งผู้ประกอบการ

ก้าวไกลอวดกึ๋นขึ้นค่าแรง

 “เราเห็นใจทั้ง 2 ฝ่าย แต่เห็นใจฝั่งลูกจ้างมากกว่า เพราะต้องยอมรับว่ามีอำนาจต่อรองน้อยกว่า ยังไม่นับว่าองค์ประกอบภายในบอร์ดค่าจ้างซึ่งเป็นองค์กรไตรภาคี ประกอบด้วย ฝ่ายรัฐ ฝ่ายนายจ้าง ฝ่ายลูกจ้าง ตัวแทนฝั่งลูกจ้าง 5 คน มาจากการคัดเลือกกันเองภายในองค์กร คือมาจากสหภาพ และในประเทศไทย ก็มีจังหวัดเพียงครึ่งเดียวเท่านั้นที่มีสหภาพ ดังนั้น จึงต้องเพิ่มอำนาจการต่อรองของลูกจ้าง ด้วยการกำหนดในกฎหมายคือพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานที่พรรคก้าวไกลเสนอ ว่าค่าจ้างต้องปรับอัตโนมัติขึ้นไปทุกปี” น.ส.ศิริกัญญา ระบุ

รองหัวหน้าพรรคก้าวไกลยังพูดถึงการปรับเงินเดือนเริ่มต้นระดับปริญญาตรี จาก 15,000 เป็น 25,000 บาท ว่าเงินเดือนของคนจบปริญญาตรีไม่ได้ปรับเพิ่มขึ้นมานานมาก แต่เราไม่ต้องการให้มีการปรับเงินเดือนทุกครั้งที่มีการเลือกตั้ง เพราะต้องการให้ค่าแรงปรับขึ้นตามกลไกตลาดมากกว่า สำหรับพรรคก้าวไกลเราไม่ได้กำหนดเงินเดือนเป้าหมาย โดยเมื่อปี 54 รัฐบาล พท.ใช้วิธีปรับเงินเดือนของข้าราชการระดับปริญญาตรีเป็น 15,000 บาท ดังนั้น หากจะเพิ่มเงินเดือนเริ่มต้นเป็น 25,000 บาท ในอีก 5 ปีข้างหน้า แม้เรามีความกังวลเรื่องภาระทางการคลัง แต่หากจะทำเรื่องนี้ต้องทำควบคู่กับการรีดประสิทธิภาพของระบบราชการให้มากกว่านี้ ไม่ได้หมายความว่าข้าราชการที่จบใหม่ทำงานไม่ได้ แต่ปัญหาอยู่ที่ระบบ ทำให้เมื่อเข้าไปแล้วไม่สามารถทำงานได้เต็มที่ นี่คือความจำเป็นที่ต้องปฏิรูประบบราชการก่อน

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) กล่าวถึงเรื่องเดียวกันว่า ทสท.มีเป้าหมายเดียวกัน คือ การเพิ่มรายได้ให้กับประชาชน แต่วิธีอาจจะแตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นผู้ใช้แรงงาน พนักงานบริษัท เด็กจบใหม่ และเกษตรกร วิธีของพรรค คือการสร้างรายได้ ค่าแรงจะขึ้นรายได้ก็จะขึ้น โดยใน 3 ปีจะทำให้คนยากจน 25 ล้านคนหมดไป

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลมีนโยบายยกระดับรายได้หรือค่าแรงขั้นต่ำให้สอดคล้องกับการพัฒนาทักษะฝีมือแรงงาน รวมถึงสนับสนุนการปรับเปลี่ยนทักษะและเปลี่ยนสายอาชีพให้ตรงกับความต้องการของตลาดแรงงานอุตสาหกรรมเป้าหมายและความก้าวหน้าของเทคโนโลยี เช่น ดำเนินโครงการฝึกอบรมความเป็นเลิศด้านเทคโนโลยีชั้นสูง เพื่อพัฒนากำลังแรงงานหรือพัฒนาผู้ประกอบการให้มีความรู้และทักษะฝีมือสอดคล้องกับอุตสาหกรรม 6 กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ ดิจิทัล ระบบอัตโนมัติ อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ ชีวภาพ ปัญญาประดิษฐ์ และหุ่นยนต์ สามารถใช้เทคโนโลยีมาพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการต่อยอดด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม

รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า สำหรับอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือแรงงานที่มีผลบังคับใช้แล้วรวม 112 สาขาอาชีพ โดยในแต่ละสาขาที่มีอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ ต่ำสุดวันละ 350 บาท ในกลุ่มอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ พนักงานเตรียมวัตถุดิบสำหรับอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ไม้จริง ระดับ 1 ส่วนอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือสูงสุดในสาขานักส่งเสริมสุขภาพแบบองค์รวมสปาตะวันตก โภชนบำบัด ระดับ 2 อัตราค่างจ้างวันละไม่ต่ำกว่า 900 บาท ทั้งนี้ ยังมีสาขาอาชีพที่ประชาชนคุ้นเคย เช่น ช่างไฟฟ้าภายในอาคาร ช่างแอร์ ผู้ที่ผ่านมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ ระดับ 1 จะได้รับอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือไม่ต่ำกว่าวันละ 440 บาท, ระดับ 2 อัตราวันละ 550 บาท และระดับ 3 อัตราวันละ 660 บาท ส่วนสาขาช่างสีรถยนต์ ระดับ 1 ถึงระดับ 3 จะได้รับอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือไม่ต่ำกว่า 440 บาท, 515 บาท และ 585 บาท ซึ่งทุกสาขาที่ประกาศอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ มีอัตราค่าจ้างที่สูงกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำทั้งสิ้น

 “แรงงานจะได้รับอัตราค่าจ้างสูงเมื่อสามารถพัฒนาทักษะฝีมือของตนเองให้ผ่านเกณฑ์มาตรฐานดังกล่าว นำใบรับรองที่กรมพัฒนาฝีมือแรงงานออกให้ไปแนบยื่นเป็นหลักฐานในการขอรับอัตราค่าจ้างได้” น.ส.รัชดาระบุ

ขณะที่ความเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เมื่อวันศุกร์ ในช่วงบ่ายได้เป็นประธานประชุมคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2565 โดยผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามถึงความคืบหน้าร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง (ฉบับที่...) พ.ศ.... และร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. (ฉบับที่...) พ.ศ.... ถึงมือรัฐบาลแล้วหรือไม่ เพราะนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ระบุว่าส่งมาให้รัฐบาลตั้งแต่วันที่ 2 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดย พล.อ.ประยุทธ์ได้หันไปสอบถามคณะทำงาน ก่อนจะถามผู้สื่อข่าวว่า มีปัญหาอะไรหรือ โดยผู้สื่อข่าวได้ตอบว่า เป็นการสอบถามความคืบหน้า ไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้ตอบคำถามดังกล่าว

จากนั้นผู้สื่อข่าวจึงถามถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ระบุว่าจะฟังเสียงประชาชนต่อการตัดสินใจในทางการเมือง จะใช้ช่องทางใด พล.อ.ประยุทธ์พยักหน้าพร้อมเอามือชี้ไปที่หู แต่ไม่ได้ตอบอะไร ก่อนที่จะเดินขึ้นไปยังห้องทำงานบนตึกไทยคู่ฟ้า

วันเดียวกัน นายธนกร วังบุญคงชนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมติดตามสถานการณ์น้ำท่วมที่ อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช โดยพบว่ามี ส.ส.จำนวนหนึ่งที่มีข่าวจะย้ายมาอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ร่วมลงพื้นที่ด้วย ประกอบด้วย นายสายัณห์ ยุติธรรม ส.ส.นครศรีธรรมราช,  นายอาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ ส.ส.นครศรีธรรมราช, นายศาสตรา ศรีปาน ส.ส.สงขลา พปชร. รวมถึง น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)

ก.ก.เปิดนโยบายข้าราชการ

โดยนายธนกรกล่าวถึงความชัดเจนทางการเมืองว่า ขณะนี้ยังคงมีเวลาอยู่ ในส่วนของการเลือกตั้งว่ากันไป แต่อยากให้โฟกัสไปในเรื่องของการทำงานเพื่อช่วยเหลือประชาชนในช่วงเวลาที่เหลืออยู่ให้ได้มากที่สุด ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ได้เน้นย้ำในเรื่องดังกล่าวเป็นสำคัญ ทั้งนี้ ตนยังเป็นคงเป็น ส.ส.ของ พปชร. และทำงานกับ พล.อ.ประยุทธ์มาโดยตลอด ไม่เคยไปไหน และขอย้ำชัดๆ ว่าอยู่กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา 

ส่วนที่อาคารอนาคตใหม่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) แถลงนโยบายราชการไทยก้าวหน้า ว่าครอบคลุมทั้งนโยบายต้านโกง เพิ่มประสิทธิภาพราชการ และปฏิรูปตำรวจ ซึ่งนับเป็นชุดนโยบายที่ 4 จากทั้งหมด 9 ชุด โดยสิ่งที่ทำได้ทันทีหากเป็นรัฐบาลและนายกฯ คือ เปิดเผยงบประมาณทุกบาทให้ละเอียดในรูปแบบที่วิเคราะห์ต่อได้ รวมถึงเปิดข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างตามมาตรฐานสากล และมี 2 โครงการต้านโกง คือ 1.โครงการคนโกงวงแตก และ 2.โครงการแฉโกงปลอดภัยได้เงิน

นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงนโยบายปฏิรูปตำรวจว่า ปัจจุบันมีการสร้างระบบเส้นสาย ตั๋วตำรวจ ตั๋วช้าง ทำให้ตำรวจไม่สนใจการสืบสวนคดีหรือทำงานที่เป็นของตำรวจจริงๆ แต่กลับไปรีดไถ รับสินบน ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด บ่อนการพนัน และการค้ามนุษย์ แม้ว่ารัฐสภาเพิ่งจะผ่าน พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติฉบับใหม่ แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งระบบเดิมๆ ที่เอื้อให้กลับสู่การทุจริตอีกครั้ง พรรคจึงเสนอนโยบายตำรวจของประชาชน โดยปรับโครงสร้างให้ยึดโยงกับประชาชน

ทั้งนี้ นโยบายราชการไทยก้าวหน้ามี 3 ด้าน รวม 23 นโยบาย ได้แก่ 1.เปิดข้อมูลรัฐทันที ประชาชนเป็นเจ้าของ 2.ระบบจับโกงอัจฉริยะ 3.โครงการคนโกงวงแตก 4.โครงการแฉโกงปลอดภัยได้เงิน 5.ตัวแทนจับโกงจากประชาชน 6.ห้ามใช้เงินหลวง โปรโมตตัวเอง และ 7.ป.ป.ช. ยึดโยงประชาชน 8.ทุกบริการภาครัฐผ่านมือถือ 9.ร้องเรียนไปต้องไม่เงียบ 10.สวัสดิการโอนเข้าอัตโนมัติไม่ต้องรอไม่ต้องลงทะเบียน 11.ยกเลิกใบอนุญาต 50% ยกเลิกทุกกฎหมายที่เป็นอุปสรรค 12.รู้ผลใบอนุญาตใน 15 วัน 13.ยกเครื่องประเมินข้าราชการ ทำงานดี 14.ปลดล็อกส่วนกลาง 15.งบประมาณปรับทันใจ จัดทำใหม่จากศูนย์ในทุกๆ ปี 16.ผบ.ตร.ยึดโยงประชาชนผ่านสภาผู้แทนราษฎร 17.ผู้ตรวจการตำรวจ ประชาชนมีช่องทางร้องเรียน 18.จังหวัด-ตำรวจ ร่วมรับใช้ประชาชน 19.เติบโต-โยกย้ายเป็นธรรมปราศจากตั๋ว-เส้นสาย 20.ลดภาระพนักงานสอบสวน 21.ตำรวจหญิงทุกสถานี เติบโตเป็น ผบ.ตร.ได้ 22.คืนผมให้ตำรวจไม่บังคับเกรียน และ 23.คุ้มครองสิทธิและศักดิ์ศรีตำรวจทุกระดับ

ส่วนความเคลื่อนไหวของพรรคการเมืองต่างๆ ที่ที่ทำการพรรค รทสช. ซ.อารีย์ 5 นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล เลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร และอดีต ส.ส.ตรัง ปชป. ได้เดินทางมาสมัครเป็นสมาชิกพรรค โดยเมื่อมาถึงนายสมบูรณ์ได้เขียนใบสมัครต่อหน้านายทะเบียน และดำเนินการตามขั้นตอนของพรรค ก่อนที่จะให้สัมภาษณ์ว่า ได้ลาออกจากพรรคเก่าเมื่อวันที่ 8 ธ.ค. และคิดว่าชีวิตทางการเมืองจะต้องเดินไปข้างหน้า วันนี้ถือเป็นวันฤกษ์ดี จึงได้เดินทางมาสมัครเป็นสมาชิกพรรค รทสช. โดยมีแนวคิดว่าการทำงานในที่ที่มีความสุขเป็นสิ่งที่ดีที่สุด และคิดว่าที่นี่จะเป็นที่ที่ทำให้ตนทำงานได้อย่างมีความสุข จึงตัดสินใจที่จะมาร่วมงานกับ รทสช.

ขณะที่ ม.จ.จุลเจิม ยุคล หรือท่านใหม่  ได้โพสต์รูปลงเฟซบุ๊ก เป็นรูปจับมือกับ นายเสกสกล อัตถาวงศ์ หัวหน้าพรรคเทิดไท และอดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี พร้อมระบุข้อความว่า พรรคเทิดไทกำลังเปลี่ยนเป็น ราษฎร์วิถี เพื่อค้ำยัน 3 เสาหลักของประเทศชาติ

วันเดียวกัน มีความเคลื่อนไหวของนายสนธยา คุณปลื้ม อดีตนายกเมืองพัทยา หรือในทางการเมืองที่เรียกกันว่า บ้านใหญ่เมืองชล โดยนายสนธยาได้โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า บางคนพูดโกหกโดยคิดว่าคนที่รู้ว่าโกหกมีน้อย โกหกก็คือโกหก อย่าคิดว่าพูดบ่อยๆ มันจะเป็นเรื่องจริงได้ อย่าสนุกปากจนมากเกินไป #คิดดังดัง

มีรายงานว่า โพสต์ดังกล่าวของนายสนธยา ถูกจับจ้องว่าเป็นเรื่องการเมืองภายใน จ.ชลบุรีหรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้เมื่อช่วงต้นปี 65 ที่ผ่านมา นายสนธยาและนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน และส.ส.ชลบุรี พปชร. เคยมีการตอบโต้กันผ่านโซเชียลมีเดีย และขณะที่สถานการณ์การเมืองในการเลือกตั้งครั้งหน้าที่กำลังจะมาถึง ทั้งคู่จะไม่ได้อยู่พรรคเดียวกันแล้ว

‘หน่อย’ดีลรวมพรรค

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรค ทสท. ออกมาเปิดเผยความคืบหน้าการรวมพรรคกับพรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) ว่า มีหลายคนเข้ามาคุย แต่กำลังปรับในเรื่องรายละเอียด แนวทาง ทิศทางเพื่อให้ตรงกัน โดยไม่ได้ต่อรองกันที่ตำแหน่ง ถ้าคนรุ่นนี้ยังหวังตำแหน่งทางการเมืองประเทศคงเดินต่อได้ยาก เรื่องการรวมพรรคหรือย้ายมามีแน่ แต่ต้องอยู่ภายใต้อุดมการณ์แนวทางและทิศทางเดียวกัน คงได้เห็นเร็วๆ นี้ หากลงตัวจะออกมาแถลง ถ้าไม่ลงตัว ทสท.เดินต่อ

เมื่อถามว่า การควบรวมกับ สอท. จะยอมให้นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานพรรค สอท. เป็นหนึ่งในแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีด้วยหรือไม่ คุณหญิงสุดารัตน์ ตอบว่า ยินดีที่จะมีพรรคอื่นเข้าร่วม ส่วนเรื่องตำแหน่งนั้นไม่ได้ติด แต่ต้องมาคุยกันก่อน ขณะที่การเปิดตัวแคนดิเดตนายกฯ ของ ทสท. คงต้องรอใกล้เลือกตั้ง เพราะจะมีเรื่องการประชุมใหญ่เพื่อปรับโครงสร้างช่วงต้นปี 2566 ด้วย

รายงานข่าวจาก สอท.แจ้งว่า การหารือเรื่องการควบรวมพรรคครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 ธ.ค. โดยการพูดคุยของแกนนำทั้งสองพรรคยังไม่ได้ข้อยุติ เงื่อนไขต่างๆ ยังเห็นไม่ตรงกัน โดยเฉพาะตำแหน่งสำคัญในพรรคหากมีการควบรวมกันที่ สอท.ยังเห็นว่าส่วนใหญ่ยังเป็นสัดส่วนของ ทสท.มากเกินไป

มีปฏิกิริยาของ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน หลังนายวีระกร คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์ และรองผู้อำนวยการพรรค พปชร. ออกมาโทษว่าสาเหตุที่สภาล่มบ่อย เพราะนายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ ประธานวิปรัฐบาลไม่แข็ง โดยนายสายัณห์ ยุติธรรม ส.ส.นครศรีธรรมราช พปชร. กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ขณะนี้รัฐบาลมีเสียงอยู่กว่า 240 เสียง หากฝ่ายค้านไม่แสดงตนให้ก็ล่มทุกนัด ไม่ได้เกิดจากฝ่ายรัฐบาล เพราะอยู่กันทุกคน แม้จะมีบางคนป่วยหรือไปต่างประเทศ แต่เพราะฝ่ายค้านไม่แสดงตนให้ ฉะนั้นต้องโทษฝ่ายค้าน ไม่ใช่โทษฝ่ายรัฐบาล

โทษฝ่ายค้านต้นเหตุสภาล่ม

ซักว่า ไม่เห็นด้วยกับความเห็นของนายวีระกรใช่หรือไม่ นายสายัณห์ตอบว่า  วิปแปลว่าผู้ควบคุมเสียงในสภา แต่ทุกอย่างอยู่ที่ตัว ส.ส. ต้องมีจิตสำนึกว่าถูกประชาชนเลือกมา ต้องรับผิดชอบหน้าที่ตัวเอง อย่างน้อยต้องแสดงตน เพราะมีเงินเดือนกว่าแสนบาท จะโทษคนอื่นไม่ได้ ฝ่ายรัฐบาลแสดงตนทุกครั้ง ต่อให้วิปแข็งอย่างไรถ้าไม่แสดงตนก็ทําต่อไม่ได้

เมื่อถามว่า การที่สภาล่มซํ้าซาก จะเป็นเหตุผลให้ พล.อ.ประยุทธ์ยุบสภาเร็วขึ้นหรือไม่ นายสายัณห์มองว่า ไม่เป็นเหตุ เพราะคนละส่วนกัน นายกฯ ยังสามารถประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ บริหารประเทศได้ เพราะอยู่ในฝ่ายบริหาร ส่วนฝ่ายนิติบัญญัติต้องรับผิดชอบกันเอง

ด้านนายสุรทิน พิจารณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาธิปไตยใหม่ กล่าวว่า เป็นเจตนาของ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลที่ต้องการให้สภาล่ม เพื่อผลักดันให้การยุบสภาเกิดขึ้น ซึ่งสภาชุดนี้ล่มไปแล้ว 25 ครั้ง ถือว่าเสียหายมาก และขณะนี้ ส.ส.ไม่เอาสภาแล้ว จะทำให้ร่างกฎหมายที่ค้างอยู่ไม่สามารถพิจารณาให้แล้วเสร็จได้ แม้สภาจะเลื่อนร่างกฎหมายกัญชา กัญชงมาพิจารณาสัปดาห์หน้า แต่เชื่อว่าจะไม่ผ่าน และเชื่อว่าเป็นสัญญาณของ ส.ส.ที่ต้องการให้นายกฯ ยุบสภา

 “ได้พูดคุยกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรค พปชร. ถึงปฏิทินการยุบสภา ซึ่ง พล.อ.ประวิตรระบุว่าก่อนปีใหม่ ผมเชื่อในคำพูด พล.อ.ประวิตร แต่อำนาจยุบสภานั้นเป็นของ พล.อ.ประยุทธ์ ดังนั้นในฐานะคนที่รักกัน แต่เพื่อให้วิถีการเมืองเดินหน้า พล.อ.ประยุทธ์ควรยุบสภาก่อนปีใหม่ เพื่อให้มีการเลือกตั้งในช่วง ก.พ.2566”นายสุรทินระบุ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง