เกิดเหตุระเบิดซ้ำสองรางรถไฟสงขลา ห่างจากจุดแรก 250 ม. เจ้าหน้าที่เสียชีวิต 3 เจ็บ 4 ราย จนท.รัฐเผยคนร้ายวางแผนมา ยันไม่ใช่ความบกพร่องชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด ขณะที่แม่ทัพภาคที่ 4 ชี้โจรใต้เหิมหนักก่อเหตุร้ายนอกพื้นที่ แนะคุมเข้มหัวเมืองใหญ่ ขณะที่ รฟท.เร่งเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บโดยด่วน
เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.65 เวลา 06.30 น. เกิดเหตุระเบิดซ้ำลูกที่สองบริเวณเส้นทางรถไฟจุดเดิมที่คนร้ายลอบวางระเบิดรถไฟขบวนสินค้าในพื้นที่ ต.ท่าโพธิ์ อ.สะเดา จ.สงขลา วันที่ 3 ธ.ค.ที่ผ่านมา เบื้องต้นมีรายงานว่าคนงานของการรถไฟฯ ที่กำลังเข้าไปกู้ซากรถไฟและซ่อมแซมรางเสียชีวิตแล้ว 3 ราย และมีบาดเจ็บอีก 4 คนโดยเหตุการณ์นี้ได้สร้างความตื่นตระหนกให้กับชาวบ้านที่อาศัยอยู่ใกล้กับจุดเกิดเหตุเป็นอย่างมาก พร้อมกับฝากไปยังผู้ก่อเหตุว่าอย่าทำกับผู้บริสุทธิ์ โดยเฉพาะชาวบ้านในพื้นที่บ้านท่าโพธิ์ตอนนี้กลัวมาก หลังจากที่เกิดระเบิดซ้ำสองชาวบ้านที่ไปกรีดยางหลายคนไม่กล้าเข้าไปเก็บน้ำยางเพราะกลัว และมีการปิดกั้นพื้นที่เกิดเหตุด้วย
ส่วนสถานการณ์ในพื้นที่ ขณะนี้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงทั้งทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิดกำลังอยู่ระหว่างการเข้าเคลียร์พื้นที่ และนำร่างผู้เสียชีวิตทั้ง 3 รายออกจากจุดเกิดเหตุ ส่วนคนเจ็บ 4 ราย หน่วยกู้ชีพและกู้ภัยในพื้นที่ได้นำตัวส่งโรงพยาบาลสะเดาแล้ว สำหรับพนักงานรถไฟที่เสียชีวิตทั้ง 3 ราย ประกอบด้วย นายยิ่งศักดิ์ ชุมตรี ลูกจ้าง สรจ.หาดใหญ่, นายภูมิพันธ์ เพชรสุข ผู้ช่วยสารวัตรแขวงรถจักรหาดใหญ่ และนายนวฤทธิ์ สุวรรณชาตรี ลูกจ้างแขวงรถจักรหาดใหญ่
ส่วนผู้บาดเจ็บอีก 4 คน ประกอบด้วย นายนพดล ปานมา หัวหน้าช่างแขวงสารวัตรโรงงานทุ่งสง, นายดีเด่น คงสม หัวหน้าช่างแขวงรถจักรหาดใหญ่ ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย, นายฉัตรชัย นิตรจลานนท์ ลูกจ้างแขวงรถจักรหาดใหญ่ และนายธีรพงศ์ หนูคง ลูกจ้าง สรจ.หาดใหญ่ ทั้งหมดปลอดภัยแล้ว
ขณะที่นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา, พล.ต.ไพศาล หนูสังข์ รองแม่ทัพภาคที่ 4, พล.ต.ต.วรา เวชชาภินันท์ ผบก.ภ.จว.สงขลา และนายภานุมาศ พรหมโชติ วิศวกรกำกับการกองบำรุงทางเขตหาดใหญ่ ได้แถลงข่าวสรุปเหตุการณ์ระเบิดลูกสอง โดยผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลากล่าวว่า จุดที่เกิดระเบิดซ้ำลูกที่สองอยู่ห่างจากจุดเดิมออกไปราว 250 เมตร ซึ่งคนร้ายน่าจะวางแผนมาแล้วเพื่อไม่ให้ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดที่เข้าไปเก็บกู้และเคลียร์พื้นที่ระเบิดลูกแรกตรวจพบ จึงมีการเปิดพื้นที่ให้เจ้าหน้าที่รถไฟเข้าไปกู้ซากรถไฟและซ่อมแซมรางตั้งแต่วันที่ 3 ธันวาคมที่ผ่านมา และมีกำหนดให้แล้วเสร็จเปิดทางในวันที่ 9 ธันวาคม
ทั้งนี้ ในวันที่ 7 ธ.ค. จะประชุมฝ่ายความมั่นคงทุกหน่วยเพื่อวางแผนดูแลความปลอดภัยพื้นที่จังหวัดสงขลาทั้งหมด รวมถึงจะขยายพื้นที่ด้านความมั่นคงมายังอำเภอสะเดา เพราะที่ผ่านมาอยู่นอกเขตพื้นที่สีแดง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และ 4 อำเภอของสงขลา นอกจากนี้ได้ประสานไปยังสถานกงสุลมาเลเซียประจำ จ.สงขลา เพื่อให้ทราบข้อเท็จจริงของเหตุระเบิดที่เกิดขึ้น และแนวทางการยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่เพื่อให้นักท่องเที่ยวมาเลเซียได้รับทราบ
พล.ต.ต.วรา เวชชาภินันท์ ผบก.ภ.จว.สงขลา เปิดเผยว่า เหตุระเบิดลูกสองไม่ใช่ความบกพร่องของชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด มาจากหลายปัจจัย ทั้งสภาพพื้นที่เกิดเหตุรวมทั้งฝนที่ตกลงมาอาจทำให้การทำงานของเครื่องมือบกพร่อง และการเข้าเคลียร์พื้นที่ระเบิดลูกแรกก็มีการกำหนดจุดพื้นที่ปลอดภัยในระยะ 100-200 เมตรเอาไว้แล้ว ส่วนลูกสองเกิดขึ้นได้อย่างไรนั้น ต้องตรวจสอบก่อน
ด้านนายภานุมาศ พรหมโชติ วิศวกรกำกับการกองบำรุงทางเขตหาดใหญ่ เปิดเผยว่า การเข้าไปกู้ซากรถไฟและซ่อมรางนั้น เจ้าหน้าที่เข้าไปหลังจากชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดตรวจสอบพื้นที่เรียบร้อยแล้ว และได้รับอนุญาตให้เข้าไป ไม่ได้เข้าไปโดยพลการ โดยมีเจ้าหน้าที่รถไฟสองหน่วยที่เข้าไปจุดเกิดเหตุ คือหน่วยซ่อมบำรุงทาง หน่วยยกรถ และทำกันทั้งวันทั้งคืน และสามารถยกโบกี้รถไฟที่ตกรางออกมาได้แล้ว 6 คัน เตรียมเข้าไปซ่อมแซมราง ตอนเกิดเหตุระเบิดลูกสองเมื่อเช้านี้มีเจ้าหน้าที่รถไฟ 7 นายเดินออกมาเอาเครื่องมือใกล้กับที่ตั้งของศูนย์อำนวยการ และขากลับเข้าไประหว่างทางจึงเกิดระเบิดขึ้น
นายสมบูรณ์ ยิ้วเหี้ยง สารวัตรแขวงรถจักรหาดใหญ่ เปิดเผยว่า หลังจากที่เกิดเหตุระเบิดรถไฟลูกแรกเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่หน่วยซ่อมบำรุงทางหาดใหญ่ได้เริ่มลงพื้นซ่อมแซมรางรถไฟทันที โดยมีกำหนดให้แล้วเสร็จในวันที่ 10 ธันวาคมนี้ โดยในวันนี้ตอนเกิดเหตุมีเจ้าหน้าที่ของการรถไฟฯ เข้าไปซ่อมรางตรงจุดที่เกิดระเบิด 7 คน และมีการยืนยันชัดเจนแล้วว่าเสียชีวิต 3 ราย และบาดเจ็บอีก 4 ราย ซึ่งถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลสะเดา มีทั้งที่หูอื้อและโดนสะเก็ดระเบิดตามร่างกาย ส่วนผู้เสียชีวิตทั้ง 3 รายได้แจ้งให้ครอบครัวทราบแล้ว และจากเหตุระเบิดลูกสอง ทำให้แผนการกู้รถไฟที่ตกรางและซ่อมแซมทางต้องหยุดก่อน เพราะต้องรอให้เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดเข้าเคลียร์พื้นที่ทั้งหมด และยืนยันในความปลอดภัย ถึงจะเริ่มเข้าไปซ่อมแซมรางได้
ต่อมา พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 ซึ่งลงพื้นที่เกิดเหตุดังกล่าว เปิดเผยว่า เบื้องต้นมีการคุยกับผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องถึงสถานการณ์ในปัจจุบัน ซึ่งขณะนี้การทำงานของกลุ่มก่อความไม่สงบเลือกก่อเหตุนอกพื้นที่เฝ้าระวัง เดิมมีการก่อเหตุแค่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ และ 4 อำเภอของ จ.สงขลาเท่านั้น
แต่หลังจากนี้ทุกฝ่ายต้องวางมาตรการคุมเข้มเพิ่ม โดยเฉพาะเมืองใหญ่ที่เป็นพื้นที่หลักของการท่องเที่ยว พื้นที่สำคัญทางด้านเศรษฐกิจ สถานที่ราชการ ที่มีความล่อแหลมในการก่อเหตุ แต่ต้องเฝ้าระวังในพื้นที่เป้าหมายเดิมด้วย เพื่อความไม่ประมาท ลดความสูญเสียและขอความร่วมมือภาคจากประชาชน ผู้นำท้องถิ่น คนในชุมชน ช่วยกันสอดส่องเป็นหูเป็นตาแทนเจ้าหน้าที่ด้วยอีกทาง โดยเฉพาะช่วงนี้ใกล้เทศกาลวันคริสต์มาส เทศกาลปีใหม่ ยิ่งต้องคุมเข้มทุกพื้นที่กันอย่างเข้มงวด
แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวเพิ่มเติมว่า พฤติกรรมของผู้ก่อเหตุทิ้งระยะเวลาการก่อเหตุนานถึง 10 เดือน ทำให้เจ้าหน้าที่ชะล่าใจ ประมาท ไม่คุมเข้มเท่าที่ควร แต่หลังจากเกิดเหตุระเบิดในครั้งนี้ และยังปล่อยให้มีการระเบิดซ้ำจนทำให้มีคนเจ็บและเสียชีวิต ซึ่งทิ้งระยะเวลาห่างกันถึง 3 วัน ทุกภาคส่วนต้องกลับมาทบทวนและจริงจังในการบูรณาการการทำงานร่วมกันใหม่เพื่อความไม่ประมาท และเว้นช่องว่างให้ผู้ก่อเหตุและในส่วนของกองทัพภาคที่ 4 ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของทางเจ้าหน้าที่การรถไฟฯ ที่มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ หลังจากนี้หากมีอะไรให้ทางกองทัพภาคที่ 4 ช่วยเหลือ ก็ยินดีช่วยเหลือทุกช่องทาง
นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า รฟท. ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อพนักงาน รวมถึงครอบครัวผู้ปฏิบัติหน้าที่ในเหตุครั้งนี้ โดย รฟท.พร้อมให้ความช่วยเหลือ เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบอย่างเต็มกำลังตามระเบียบของ รฟท. เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่ครอบครัวผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ซึ่งเบื้องต้นตนได้มอบเงินช่วยเหลือเป็นการส่วนตัวให้แก่เจ้าหน้าที่และครอบครัวผู้ปฏิบัติหน้าที่ พร้อมทั้งสั่งการให้กองพนักงานสัมพันธ์และสวัสดิการ ฝ่ายทรัพยากรบุคคล และฝ่ายการช่างโยธา ติดต่อให้ความช่วยเหลือกับครอบครัวเป็นการเร่งด่วน
นอกจากนี้ รฟท.ได้ประสานขอความร่วมมือกับหน่วยงานฝ่ายความมั่นคง ในการเข้าเร่งตรวจสอบพื้นที่เพื่อหาสาเหตุจากการเกิดเหตุครั้งนี้ ตลอดจนเพิ่มความเข้มงวดการดูแลรักษาความปลอดภัยต่อพนักงานผู้ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ ตลอดจนประชาชนผู้โดยสารที่เข้ามาใช้บริการ เพื่อให้เกิดความปลอดภัย และความเชื่อมั่นสูงสุดในการเดินทาง.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ฉายาสภาเหลี่ยม(จน)ชิน
ถึงคิวสื่อสภา ตั้งฉายา สส. "เหลี่ยม (จน) ชิน" จากการพลิกขั้วรัฐบาลเขี่ย
ตอกฝาโลงกิตติรัตน์ ‘กฤษฎีกา’ชี้ขาดคุณสมบัติ เหตุมีส่วนกำหนดนโยบาย
"กฤษฎีกา" ชี้ชัดสมัย "นายกฯ เศรษฐา" ตั้ง "กิตติรัตน์" เป็นประธานที่ปรึกษาของนายกฯ
‘เท้งเต้ง’ไม่ทน! ชงแก้ข้อบังคับ รมต.ตอบกระทู้
ทนไม่ไหว! “หัวหน้าเท้ง” หารือประธานสภาฯ ขอให้แก้ข้อบังคับการประชุม
แม้วพบอันวาร์กลางทะเล เตือนเสือกทุกเรื่องทำพัง!
ปชน.จี้ถามรัฐบาล “ทักษิณ” มีอำนาจจริงปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือไม่
ให้กำลังใจจนท.ดูแลปีใหม่ เข้มงวด‘ความปลอดภัย’
นายกฯ ให้กำลังใจตำรวจ-กรมทางหลวง ทำงานหนักช่วงปีใหม่
กฤษฎีกาเอกฉันท์โต้งหมดสิทธิ์
กฤษฎีกามติเอกฉันท์ "กิตติรัตน์" ขาดคุณสมบัติ หมดสิทธิ์นั่ง "ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ"