คาดโจรใต้สางแค้นจนท. สั่งเข้มจุดสำคัญใน14จว.

หน่วยข่าวชี้มือวางบึ้ม! รถไฟสายหาดใหญ่-ปาดังฯ เพื่อตอบโต้เหตุคนร้ายถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญฯ ต่อเนื่อง คาดฝีมือกลุ่ม “อัซมัน เปาะเล๊าะ” เพราะมาดูลาดเลาก่อนหน้า รอง ผบช.ภ.9 ระบุต้องมีคนในและนอกร่วมมือ แม่ทัพภาค 4 สั่งคุมเข้มสถานที่สำคัญ โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่ด้ามขวาน

เมื่อวันอาทิตย์ ยังคงมีความต่อเนื่องจากเหตุการณ์ลอบวางระเบิดรถไฟ 717 หาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ซึ่งเป็นขบวนรถสินค้าคอนเทนเนอร์บรรทุกยางพาราไปประเทศมาเลเซีย ในพื้นที่ตำบลท่าโพธิ์  อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา จนตู้รถไฟตกราง 10 ตู้จาก 15 ตู้ เมื่อวันเสาร์ที่ 3 ธ.ค. 

โดยในช่วงเช้า เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด (อีโอดี) ยังคงเข้าเคลียร์พื้นที่บริเวณจุดที่รถไฟตกรางอย่างละเอียดอีกครั้ง และกันพื้นที่บริเวณจุดที่รถไฟตกรางจนกว่าเคลียร์พื้นที่และทุกอย่างปลอดภัย  ซึ่งเจ้าหน้าที่รถไฟยังไม่สามารถเข้ากู้โบกี้รถไฟ ตู้คอนเทนเนอร์ และซ่อมแซมรางได้ รวมทั้งต้องปิดเดินรถไฟเส้นทางสายหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ทุกขบวน แต่ไม่กระทบกับรถไฟสายใต้ทั้งเส้นทางขึ้นล่องกรุงเทพฯ และ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะอยู่คนละเส้นทางกัน

สำหรับเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นในทางการข่าวพบว่าเชื่อมโยงกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัด 4 อำเภอของ จ.สงขลา ซึ่งคาดว่าเป็นการตอบโต้จากกรณีเจ้าหน้าที่วิสามัญฯ กลุ่มก่อความไม่สงบหลายเหตุการณ์ เช่น วิสามัญมาตกรรมนายอับดุล สอเหร็ม อายุ 32 ปี ชาว อ.เทพา จ.สงขลา เมื่อวันที่ 25 ต.ค.2565   วิสามัญฯ คนร้าย 3 ราย ในพื้นที่หมู่ 6 ต.บ้านนา อ.จะนะ จ.สงขลา และจับได้ 1 ราย เนื่องจากพบความเคลื่อนไหวของนายอัซมัน เปาะเล๊าะ แกนนำก่อความไม่สงบชายแดนภาคใต้คนสำคัญคนหนึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ ที่เข้าไปสำรวจดูเส้นทางรถไฟสายหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ก่อนเกิดระเบิดขึ้น

ต่อมา พล.ต.ต.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 และรองผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจส่วนหน้า พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงทั้งทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่ของการรถไฟฯ ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าและตรวจพื้นที่เพื่อวางแผนติดตามหาเบาะแสของกลุ่มผู้ก่อเหตุ

พล.ต.ต.ปิยะวัฒน์กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้เคลียร์พื้นที่เส้นทางรถไฟบริเวณจุดเกิดเหตุทั้งหมดแล้ว ไม่พบระเบิดเพิ่มเติม  และยืนยันว่ามีระเบิดขนาดใหญ่เพียงลูกเดียว ซึ่งฝังไว้ใต้รางรถไฟ และเป็นการบังคับจุด ซึ่งหมายความว่าตอนเกิดเหตุมีคนร้ายอยู่ในบริเวณจุดเกิดเหตุด้วย และเป้าหมายต้องการที่จะจุดระเบิดหัวรถจักรโบกี้ที่อยู่หน้าขบวนเพื่อให้รถไฟตกรางทั้งขบวน ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้เข้าเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุทั้งหมดแล้ว หลังจากนี้ก็จะเริ่มแผนงานกู้รถไฟ ตู้สินค้า และซ่อมแซมราง

พล.ต.ต.ปิยะวัฒน์กล่าวต่อว่า ในส่วนของการสืบสวนหาตัวผู้ก่อเหตุ เชื่อว่าน่าจะมีทั้งคนในและคนนอกพื้นที่ร่วมก่อเหตุ ทั้งคนที่มาดูเส้นทางและคนลงมือ โดยจะมีการเรียกประชุมชุดสืบสวนทั้งหมดในภาค 9 ฝ่ายทหารและชุดการข่าวในพื้นที่เพื่อรวบรวมพยานหลักฐาน และไล่กล้องวงจรปิดหาตัวผู้ต้องสงสัย เริ่มตั้งแต่เส้นทางที่เชื่อมต่อกันตั้งแต่ อ.เทพา อ.จะนะ และ อ.นาทวี จนมาถึงที่เกิดเหตุ ซึ่งเบื้องต้นเจ้าหน้าที่มีฐานข้อมูลของกลุ่มผู้ก่อเหตุอยู่แล้ว เพียงแต่รอความชัดเจนจากพยานหลักฐานว่าน่าจะเป็นกลุ่มใด และการก่อเหตุวางระเบิดรถไฟในครั้งนี้ในทางการข่าวก็ได้รับรายงานว่าเป็นหนึ่งในเป้าหมายของการก่อเหตุมาตลอด เพื่อต้องการทำความเชื่อมั่นทั้งการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจการค้า

ด้านนายภานุมาศ พรหมโชติ วิศวกรกำกับการกองบำรุงทางหาดใหญ่ กล่าวถึงแผนการกู้รถไฟและซ่อมแซมรางว่า  หน่วยซ่อมบำรุงทางได้เตรียมเครื่องจักรไว้พร้อมแล้ว และสามารถเข้าไปกู้และซ่อมแซมรางได้ทันทีที่ทางฝ่ายความมั่นคงอนุญาตให้เข้าพื้นที่ โดยจะยกตู้รถไฟที่ตกราง รวมถึงตู้คอนเทนเนอร์ที่ขวางทางออกก่อน จากนั้นก็จะซ่อมแซมรางรถไฟ ซึ่งได้รับความเสียหายเกือบ 200 เมตร แต่ยังไม่สามารถบอกได้ว่าต้องใช้เวลากี่วัน และยังไม่สามารถประเมินความเสียหายได้ แต่จะเร่งซ่อมแซมรางให้เสร็จโดยเร็วที่สุด 

นายสมหมาย บุญสว่าง กำนันตำบลท่าโพธิ์ พื้นที่เกิดเหตุ กล่าวว่า จะขอความร่วมมือกับชาวบ้านในพื้นที่ให้ช่วยสอดส่องดูแลบุคคลแปลกหน้าที่เข้ามาในพื้นที่ เพื่อช่วยแจ้งเบาะแสให้เจ้าหน้าที่ เพราะถือเป็นครั้งแรกที่เกิดเหตุลอบวางระเบิดขึ้นกับเส้นทางรถไฟสายนี้ 

ในเวลา 15.00 น. เจ้าหน้าที่ทั้งทหาร  ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด และเจ้าหน้าที่ของการรถไฟฯ ร่วมกันเข้าตรวจสอบสภาพความเสียหายของรางรถไฟ ตู้โบกี้ และตู้คอนเทนเนอร์ เป็นครั้งแรกหลังเคลียร์พื้นที่จนปลอดภัย ซึ่งพบว่ารางรถไฟเสียหายหนัก มีสภาพฉีกขาด ในขณะที่โบกี้รถไฟมีทั้งที่ยังอยู่บนรางและที่พลิกค่ำไปอยู่ริมทาง โดยเฉพาะตู้โบกี้ที่ถูกวางระเบิดนั้นล้อหลุดรางเละไม้หมอนกระจุย และความแรงของระเบิดยังทำให้ตู้คอนเทนเนอร์ฉีกขาด โดยหน่วยซ่อมบำรุงทางหาดใหญ่จะเริ่มเข้าไปกู้ซากรถไฟบางส่วน ก่อนที่จะนำเครื่องจักรไปยกโบกี้และตู้คอนเทนเนอร์ในวันที่ 5 ธ.ค.และเริ่มการบูรณะเส้นทางรถไฟทั้งหมด 

ส่วน พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวในเรื่องนี้ว่า ได้มีการเคลียร์พื้นที่หมดเรียบร้อยแล้ว และเตรียมส่งมอบให้กับตำรวจพิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจสอบชนิดของระเบิด แต่คาดว่าเป็นฝีมือของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบที่ต้องการก่อความวุ่นวายทำลายเรื่องเศรษฐกิจ และได้สั่งการไปในทุกพื้นที่ การก่อเหตุเมื่อวันที่ 3 ธ.ค. อยู่นอกพื้นที่ 3 จังหวัดและ 4 อำเภอ ซึ่งได้แจ้งเตือนกันล่วงหน้าแล้ว

 “ได้สั่งการให้ทุกหน่วย โดยเฉพาะสายงานใน กอ.รมน. ผู้ว่าราชการจังหวัด ตำรวจ และทหาร ต้องไปดูในจุดต่างๆ ที่เป็นจุดเพ่งเล็งในทุกพื้นที่ เช่น สนามบิน สถานที่ราชการ อนุสาวรีย์และสถานีรถไฟ โดยได้เน้นย้ำให้ควบคุมให้ดี” พล.ท.ศานติระบุ

พล.ท.ศานติยังระบุอีกว่า เราได้เตรียมแผนมาตั้งแต่เดือนที่แล้ว เพราะช่วงปีใหม่มีหลายเทศกาล ได้มีการประชุมกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในช่วงเดือน ธ.ค.ยาวไปจนถึงปีใหม่ต้องเข้มงวดอย่างสูงสุด โดยเฉพาะเมืองท่องเที่ยวในทุกจังหวัด เช่น หาดใหญ่ จ.สงขลา จ.ภูเก็ต และเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี โดยให้กำลังทุกส่วนทั้งทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง รวมถึงภาคประชาชนบูรณาการงานร่วมกัน เพื่อดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติที่เข้ามาในพื้นที่ให้เป็นอย่างดี

เมื่อถามว่า มีความเป็นห่วง 14 จังหวัดภาคใต้ใช่หรือไม่ ไม่ได้เน้นเฉพาะ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พล.ท.ศานติกล่าวว่า เรามีมาตรการเช่นนี้อยู่แล้วในทุกๆ จังหวัด ผู้บัญชาการภูธรตำรวจภาค 8 ภาค 9 ผู้ว่าฯ ทุกจังหวัด ได้ประชุมวางแผนไว้เรียบร้อยแล้ว และในเร็ววันนี้จะประชุมภาพรวมอีกครั้งหนึ่งในเรื่องการดูแลรักษาความปลอดภัยและความมั่นคง

เมื่อถามว่า เราพยายามจำกัดการก่อเหตุอยู่ใน 3 จังหวัดไม่ให้ลุกลามพื้นที่จังหวัดอื่นๆ ใช่หรือไม่ พล.ท.ศานติกล่าวว่า การก่อเหตุของผู้ก่อความไม่สงบ เราไม่สามารถจำกัดพื้นที่ได้ว่าจะให้ก่อเหตุที่ไหน แต่ในทุกพื้นที่เรามีการดูแลและควบคุมเป็นอย่างดี เราสามารถป้องกันได้ โดยขอความร่วมมือประชาชน หากเห็นสิ่งผิดปกติ ให้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ ส่วนปีหน้าจะมีการเลือกตั้ง การแข่งขันทางการเมืองในภาคใต้มีสูง จะเป็นปัจจัยเกิดความวุ่นวายหรือไม่นั้น ไม่คิดอย่างนั้น เพราะว่าการเลือกตั้งมีมาตลอด การลงพื้นที่หาเสียงของนักการเมือง หรือความขัดแย้งของนักการเมือง ซึ่งได้บอกทุกภาคส่วนว่า นักการเมืองจะขัดแย้งกันอย่างไร แต่อย่าให้มีการก่อเหตุในพื้นที่โดยเด็ดขาด

 “คุณจะขัดแย้งในเรื่องการเมือง มีการแข่งขันกันอย่างไร ก็ขอให้เป็นเรื่องของการเมืองไป อย่าใช้กำลังและอาวุธเข้าต่อสู้ซึ่งกันและกัน เพราะจะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของแต่ละจังหวัด ประชาชนจะเดือดร้อนในสิ่งที่พวกคุณกระทำกัน” พล.ท.ศานติกล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ปชน.ขนทัพใหญ่ หาเสียงทิ้งทวน! หวังปักธง‘สีส้ม’

“ปชน.” ปูพรมโค้งสุดท้าย ขนทัพใหญ่ดาวกระจาย 6 สายทั่วพื้นที่ “ปิยบุตร” ขอโอกาสปักธงสีส้ม “พิธา” เชื่อคะแนนยังสูสี พรรคประชาชนมีโอกาสพลิกชนะ