โทษหนักฟันปาร์ตี้กัญชา

ภาคประชาชนยื่น 10 ข้อเรียกร้องกัญชา ระบุต้องมีทั้งทางการแพทย์และสันทนาการที่ชัดเจน “ศุภชัย”   รับลูกพร้อมประสานงานสาธารณสุข เด็กเพื่อไทยอ้างข่าวถล่ม “กัญชาคาเฟ่” ซัดรัฐบาลปัดความรับผิดชอบไม่ได้ กรมแพทย์แผนไทยฯ ตั้งโต๊ะแถลงยันประกาศ สธ.ระบุชัดห้ามเปิดให้ปุ๊น มีโทษทั้งยึดใบอนุญาต ปรับและจำคุก

เมื่อวันอังคารที่ 29 พ.ย. นายชัชปัฐวี อัฏฐพรเมธา ตัวแทนสมาพันธ์กัญชาเพื่อประชาชน เป็นตัวแทนยื่นหนังสือต่อนายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติกัญชา กัญชง (ฉบับที่…) พ.ศ..... เรียกร้องให้พิจารณาแก้ไขกฎหมายและระเบียบต่างๆ ในการควบคุมกัญชาทางการแพทย์ กัญชาเพื่อการนันทนาการและกัญชง

นายชัชปัฐวีกล่าวว่า สถานการณ์เรื่องกัญชาในประเทศไทยกลายมาเป็นประเด็นที่ถกเถียงและเป็นปัญหาอย่างกว้างในสังคม ประกอบกับความขัดแย้งในทางการเมือง ส่งผลให้เกิดความความสับสน เกิดความไม่แน่นอนในเรื่องของกฎหมายและการบังคับใช้ จึงขอเรียกร้องให้วางมาตรฐานทางกฎหมาย เพื่อกำกับดูแลกัญชาเสรีอย่างเสมอภาค เท่าเทียม มีขอบเขต และแก้ไขปัญหาสังคม  โดยขอให้เพิ่มเนื้อหากฎหมายควบคุมกัญชานันทนาการที่ชัดเจนตามรูปแบบในต่างประเทศที่สากลยอมรับ โดยมีตัวบทแยกกันอย่างชัดเจนระหว่างเชิงการแพทย์และนันทนาการ เพื่อคุ้มครองสิทธิผู้ป่วยและผู้ใช้ ผู้จำหน่ายกัญชา ควบคู่ไปกับป้องกันการเข้าถึงของเยาวชนภายใต้ระเบียบควบคุมชัดเจน โดยไม่สร้างเงื่อนไขกีดกันทางการค้าหรือจำกัดสิทธิ์ใดๆ ที่ขัดแย้งกับเจตนารมณ์ของกฎหมาย ที่ประชาชนควรจะได้รับอย่างถูกต้อง 

นายชัชปัฐวียังมีข้อเรียกร้องอีกว่า 1.คัดค้านกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด 2.เพิ่มเนื้อหาในร่าง พ.ร.บ.เรื่องการใช้กัญชานันทนาการภายใต้การควบคุม 3.แยกโมเดลกัญชาทางการแพทย์และกัญชานันทนาการออกจากกันให้ชัดเจน 4.ต้องไม่มีการผูกขาดสัมปทานกัญชา และผูกขาดโดยแพทย์เท่านั้น 5.เสนอให้ร้านกัญชาสามารถสูบได้ในพื้นที่ปิดเพื่อป้องกันการสูบในที่สาธารณะ 6.เปิดให้สามารถขายออนไลน์ได้ผ่านการลงทะเบียนยืนยันตัวตนตามคุณสมบัติที่กฎหมายกําหนด 7.อนุญาตให้ประชาชนสามารถสกัดยากัญชาใช้ได้เองในครัวเรือนโดยผ่านการอบรม 8.แยกกฎหมายควบคุมกัญชงกัญชาออกจากกันให้ชัดเจน 9.ผู้ขายต้องมีใบอนุญาต โดยต้องผ่านการอบรมให้มีความรู้ขั้นพื้นฐาน และ 10.ตั้งกำแพงภาษีนำเข้ากัญชาต่างประเทศ เพื่อเป็นการสนับสนุนกัญชาที่ผลิตในประเทศ

ด้านนายศุภชัยกล่าวว่า คาดว่าร่างกฎหมายนี้จะเข้าสู่การพิจารณาของสภาในสัปดาห์หน้า จากข้อเรียกร้องของสมาพันธ์ฯ บางเรื่องเป็นอำนาจหน้าที่ของสภาที่จะพิจารณาในร่าง พ.ร.บ.นี้ ส่วนอีกหลายเรื่องเกี่ยวข้องกับส่วนงานของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ซึ่งจะทำหน้าที่ช่วยประสานงานไปยัง สธ.ต่อไป

ขณะที่ น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) ระบุว่า รู้สึกไม่สบายใจเมื่อเห็นข่าวในสื่อรายงานว่านอกจากย่าน ถ.ข้าวสาร และอีกหลายแห่งที่อยู่ใจกลางเมืองของกรุงเทพฯ ยังพบที่เมืองพัทยาแห่กันเปิดกัญชาคาเฟ่เพื่อขายกัญชาเพื่อสันทนาการ โดยมีแบบมีใบอนุญาตถูกต้องตามประกาศ สธ. ทั้งที่ไม่ใช่สถานพยาบาล โดยเปิดให้สูบในร้าน  ซื้อกลับบ้านโดยอ้างว่าได้ผ่านการตรวจสอบและดูแลโดยแพทย์แผนไทยมานั่งประจำในร้าน และยังมีแบบที่เปิดขายออนไลน์อย่างเปิดเผย ทั้งหมดเป็นปรากฏการณ์ที่กำลังเดินไปสู่การบ่อนทำลายอนาคตของชาติ

น.ส.ตรีชฎากล่าวต่อว่า อยากสอบถามนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ว่าใครเป็นคนอนุญาตให้ทำทั้งที่ไม่มีกฎหมายควบคุม ปล่อยให้มีการเปิดธุรกิจขายช่อดอกกัญชามานานหลายเดือน เพิ่งออกกฎกระทรวงออกมาควบคุม ปล่อยให้สังคมไทยกลายเป็นศูนย์กลางการขายช่อดอกกัญชาแบบเสรีอย่างยาวนานได้อย่างไร และขอตั้งคำถามไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่รับผิดชอบการบริหารงานของคณะรัฐมนตรีและหน่วยงานภาครัฐ เหตุใดจึงปล่อยปละละเลยให้มีการเปิดร้านจำหน่ายกัญชา ปล่อยให้มีการสูบเพื่อสันทนาการ หรือที่จริงแล้วทั้งหมดเป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องการและพอใจใช่หรือไม่

“พรรคร่วมรัฐบาลก็ควรสะทกสะท้านและห่วงใยสังคมมากกว่านี้ อย่าตีเบลอ   ขณะนี้ยังไม่มีกฎหมายกัญชากัญชงออกมาบังคับใช้ การเปิดขายกัญชาเสรีจะอยู่ในกรอบและขอบเขตของกฎหมายอย่างไร ธรรมชาติของเด็กและเยาวชนเป็นคนที่ชอบลอง รัฐบาลจะมีมาตรการป้องกันได้อย่างไร ไม่ให้ลูกหลานเหล่านี้ไปหาซื้อกัญชาและมามั่วสุมกันเพื่อสูบ สุดท้ายลูกหลานก็สามารถเข้าถึงยาเสพติดชนิดอื่นได้อย่างง่ายดาย อย่ามาอ้างเพื่อเอาตัวรอดว่ากฎหมายห้ามไว้แล้ว นี่คือความล้มเหลวในการบริหารงาน เพราะการออกนโยบายไม่รอบคอบ รีบเร่งกระทำการให้กัญชาเสรีโดยที่ไม่มีกฎหมายควบคุม อย่ามาโทษปี่โทษกลองว่าฝ่ายค้านดึงเกม เพราะความจริงกฎหมายควบคุมต้องออกมาก่อนการประกาศกัญชาเสรี ความผิดนี้รัฐบาลต้องรับผิดชอบ” น.ส.ตรีชฎากล่าว

วันเดียวกัน นพ.ธงชัย เลิศวิไลรัตนพงศ์ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก พร้อมด้วย นพ.เทวัญ ธานีรัตน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ได้แถลงถึงประกาศกระทรวงสาธารณสุขเรื่องการคุมช่อดอกกัญชาและแนวทางปฏิบัติในการใช้กฎหมาย สมุนไพรควบคุม (กัญชา) พ.ศ.2565 ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 24 พ.ย.

โดย นพ.ธงชัยกล่าวว่า เป็นการประกาศปรับปรุงให้เหมาะสมกับการใช้กัญชาให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะช่อดอก ต้องไม่นำไปใช้ในทางที่ผิดวัตถุประสงค์ของการคุ้มครองและส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากสมุนไพร ในส่วนที่เป็นข้อห้ามที่ชัดเจนคือ ห้ามจำหน่ายให้กับผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี สตรีมีครรภ์ หรือสตรีให้นมบุตร ห้ามจำหน่ายให้กับนักเรียน นิสิต หรือนักศึกษา ห้ามให้บริการสูบกัญชาในสถานประกอบการทั่วไป ห้ามจำหน่ายเพื่อการค้าผ่านเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ (Vending Machine) ผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์หรือเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ห้ามโฆษณากัญชาในทุกช่องทางเพื่อการค้า และห้ามสูบกัญชาในสถานที่ต้องห้าม เช่น วัดหรือสถานที่สำหรับปฏิบัติพิธีกรรมทางศาสนา หอพักตามกฎหมายว่าด้วยหอพัก สวนสาธารณะ สวนสัตว์ และสวนสนุก เป็นต้น

นพ.ธงชัยย้ำว่า การเปิด​ให้สูบกัญชาในสถานประกอบการทั่วไป ถือว่าเป็นการผิดกฎหมายอย่างชัดเจน ซึ่งขัดต่อกฎหมายตามประกาศดังกล่าว เว้นแต่การจำหน่ายโดยบุคคลดังต่อไปนี้ ซึ่งใช้ในการรักษาผู้ป่วยของตน ได้แก่ ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยประยุกต์ หมอพื้นบ้าน ผู้ประกอบโรคศิลปะสาขาการแพทย์แผนจีน ผู้ประกอบวิชาชีพทันตกรรม และผู้ประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์ ซึ่งใช้ในการรักษาสัตว์ ซึ่งผู้ประกอบวิชาชีพดังกล่าวสามารถใช้ได้ตามมาตรฐานของแต่ละวิชาชีพ ซึ่งแต่ละสภาวิชาชีพก็มีการควบคุมจรรยาบรรณวิชาชีพอยู่แล้ว

“หากจะใช้ช่อดอกมาปรุงหรือใช้เป็นยาเพื่อรักษาผู้ป่วย ก็ต้องขอใบอนุญาตให้ถูกต้องเช่นกัน ในกรณีผู้ที่กระทำความผิดและไม่ดำเนินการตามประกาศ จะพิจารณาพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาต แล้วแต่กรณี และหากผู้ที่ถูกพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตยังดำเนินการศึกษาวิจัย ส่งออก จำหน่ายหรือแปรรูปสมุนไพรเพื่อการค้าอยู่ จะถือว่าดำเนินการโดยไม่มีใบอนุญาต จะมีโทษตามมาตรา 78 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ.2542 มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” นพ.ธงชัยกล่าว

ด้าน นพ.เทวัญกล่าวว่า ได้บริหารจัดกระจายเมล็ดพันธุ์กัญชา จำนวน 711,094 เมล็ด เพื่อสนับสนุนการปลูกพืชกัญชาตามมาตรฐานการเพาะปลูกให้ผู้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) หรือจดแจ้งทางแอปพลิเคชันปลูกกัญ จำนวน 464 แห่ง และได้จัดตั้งคลังวัตถุดิบกัญชาทางการแพทย์ โดยได้รับการสนับสนุนและการจัดซื้อวัตถุดิบกัญชาทางการแพทย์แผนไทย  3,589.50 กิโลกรัม จากแหล่งปลูกที่ได้รับอนุญาต 93 แห่ง รวมมูลค่าทั้งสิ้น 22,189,292.50 บาท เพื่อใช้ในการผลิต ซึ่งมีผลิตภัณฑ์ยาสำเร็จรูปจากกัญชา ได้แก่ น้ำมันกัญชา (ตำรับหมอเดชา) ขนาดบรรจุ 10 มิลลิลิตร จำนวน 300,000 ขวด/กล่อง (ปริมาณจำหน่าย จำนวน 171,195 ขวด และปริมาณสนับสนุน 128,805 ขวด) ตำรับเมตตาโอสถ ขนาดบรรจุ 10 มิลลิลิตร จำนวน 10,000 ขวด/กล่อง และตำรับการุณย์โอสถขนาดบรรจุ 10 มิลลิลิตร จำนวน 5,000 ขวด/กล่อง รวมถึงตำรับยาแผนไทยที่มีกัญชาปรุงผสมในตำรับยาชาติ เพื่อบริหารจัดกระจายยาให้สถานพยาบาลของรัฐและเอกชน ในการใช้ประโยชน์ทางการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก

 “ผู้ประกอบการรวมถึงประชาชนทั่วไปที่จะแปรรูปผลิตภัณฑ์จากกัญชาในเชิงพาณิชย์และทำการค้า ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบใดก็ตาม ต้องขออนุญาตจำหน่ายหรือแปรรูปสมุนไพรควบคุมเพื่อการค้า   ถ้าอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร ต้องยื่นขออนุญาตที่กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก โดยกองคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาแพทย์แผนไทยและแพทย์พื้นบ้านไทย หากอาศัยอยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัด ต้องขออนุญาตจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดที่ท่านอาศัยอยู่” นพ.เทวัญกล่าว และว่า หากจะควบคุมการที่ผู้ประกอบการจัดโซนนิ่งให้สูบกัญชา ต้องรอกฎหมาย พ.ร.บ.กัญชาฯ ที่กำลังจะเข้าพิจารณาในสภา เพราะสามารถให้กระทรวงออกประกาศกำหนดโซนนิ่งได้

ทั้งนี้ เมื่อเวลา 16.00 น. ผู้บริหาร สธ. และกรมแพทย์แผนไทย พร้อมด้วยตำรวจ สน.ชนะสงคราม เทศกิจ ลงตรวจสอบพื้นที่ถนนข้าวสาร เพื่อดูการเปิดร้านจำหน่ายช่อดอกกัญชาว่าถูกต้องหรือไม่ และเพื่อทำความเข้าใจด้านกฎหมายในทิศทางเดียวกัน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง