อนุทินลุยต่อ ดันกัญชาเสรี สภาสมัยหน้า

สายน้ำไม่ไหลย้อนกลับ!  "อนุทิน" โล่ง ประกาศคุมช่อดอกกัญชาเรียบร้อย ชี้ปิดช่องจุดอ่อนไหวสังคม พร้อมเดินหน้าแจงข้อมูลศาลปกครอง ยันสู้ต่อเข็นกัญชาเสรีจนถึงฝั่ง ตอกกลับ "หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย" ผมเป็นลูกผู้ชาย ขณะที่ "เด็ก ปชป." หัวร้อนชี้หน้ากราด หยุดจับสภาเป็นตัวประกัน "รัฐบาล" โหมหนักล้างยาเสพติดพ้นประเทศ "บิ๊กตู่" ฮึ่ม ตัดไฟแต่ต้นลม ปลุก จนท.ขจัดสารตั้งต้น ต้นตอสู่การผลิต

เมื่อวันพุธ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี    ยืนยันจะมีการเผยแพร่ประกาศกระทรวงสาธารณสุขเรื่อง สมุนไพรควบคุม (กัญชา) ที่ควบคุมเฉพาะช่อดอก ลงในราชกิจจานุเบกษา และมีผลบังคับใช้ในวันที่ 24 พ.ย.นี้ว่า ตนได้เข้าประชุมบอร์ดป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) เมื่อวันที่ 22 พ.ย.ที่ผ่านมา ได้มีการหารือถึงประกาศฉบับนี้ ซึ่งจริงๆ ไม่ต้องเข้าก็ได้ แต่หากนำเข้ามาหารือใน ป.ป.ส. ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย เพราะบอร์ดเป็นผู้เสนอปลดล็อกกัญชา จึงนำมาแจ้งให้ทราบถึงความก้าวหน้า โดยทุกอย่างผ่านไปด้วยดี ส่วนสาเหตุที่ประกาศยังไม่เผยแพร่ในราชกิจจาฯ ทั้งที่ลงนามตั้งแต่วันที่ 11 พ.ย. อาจเกิดจากช่วงวันหยุดยาวของส่วนราชการและการประชุมเอเปก แต่ไม่ได้มีปัญหาอะไร

 “ส่วนร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ. ... เป็นเรื่องของการพิจารณาจากสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์ของแต่ละคน หากคิดว่าเป็นประโยชน์ต่อประชาชนก็พิจารณาให้ผ่าน หากเห็นว่าไม่ควรมีกฎหมายควบคุมก็ไม่ต้องสนับสนุน แต่เนื่องจากสภาชุดนี้จะหมดอายุในอีก 2-3 เดือน หากร่างไม่ผ่าน ก็รอสมัยหน้า พรรคภูมิใจไทยที่ผมเป็นหัวหน้าอยู่เป็นผู้ผลักดันนโยบาย ก็จะเสนอร่างอีกครั้งอยู่ดี  หวังว่าเมื่อถึงเวลา กัญชากัญชงจะถูกใช้เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ สุขภาพและเศรษฐกิจ หากเกิดขึ้นเร็วก็ดี แต่ถ้าไม่เกิดก็จะมีประกาศ สธ.ควบคุมช่อดอกและส่วนที่เป็นความหวั่นไหวของสังคม” นายอนุทินกล่าว

 เมื่อถามถึงกรณีที่หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทยระบุว่า หากร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯ ไม่ผ่านสภา พรรคภูมิใจไทยและรัฐบาลต้องรับผิดชอบ มากน้อยอย่างไรขึ้นอยู่กับความเป็นลูกผู้ชาย นายอนุทินกล่าวว่า "ผมเป็นลูกผู้ชายอยู่แล้ว ผมมีพ่อมีแม่ มีลูกเป็นผู้ชาย ไทยเราต้องเลิกพูดแดกดัน เลิกด้อยค่าดูถูกกัน ท่านเองเคยเป็น ผบ.ตร. หัวหน้าหน่วยขององค์กรที่บังคับใช้กฎหมาย มีความสามารถ มีความเก่ง แต่ก็ควรเป็นตัวอย่างให้กับคนรุ่นหลังทำตาม เจริญเติบโตให้เก่งเหมือนเรา ไม่ควรไปด้อยค่าใคร เพราะทุกคนมีดีหมด"

เมื่อถามถึงความเห็นของนายวิษณุ ที่ระบุว่าอาจต้องออกประกาศมาควบคุมกัญชาเพิ่ม นายอนุทินกล่าวว่า หาก สธ.เห็นว่าควรมีสิ่งใดออกมาเพิ่มเติมก็สามารถประกาศได้ ซึ่งประกาศกระทรวงมีความยืดยุ่นมากกว่า สามารถประกาศ ยกเลิกหรือปรับปรุงได้ หากเป็น พ.ร.บ. ถ้าจะมีการแก้ไขก็ต้องผ่านสภา แต่การมี พ.ร.บ.จะทำให้มีความชัดเจน ส่วนถ้ายังไม่มี เราก็ออกประกาศเพิ่มเติมว่าจะผ่อนคลายหรือไขนอตเพิ่มได้

พร้อมแจงศาลปกครอง

 เมื่อถามถึงศาลปกครองรับฟ้องเพิกถอนปลดกัญชาจากยาเสพติด นายอนุทิน กล่าวว่า เป็นไปตามขั้นตอน มีการไต่สวนเพื่อพิจารณา ซึ่งศาลปกครองรับฟ้อง 2 ส่วนคือ รมว.สธ.และบอร์ด ป.ป.ส. โดยที่ประชุมเมื่อวานก็หารือกัน ต้องเตรียมข้อมูลไปตอบคำถามต่อศาล สธ.ก็สนับสนุนข้อมูลทางการแพทย์ อย่างไรก็ตาม ศาลปกครองไม่ได้มีคำสั่งคุ้มครอง เท่ากับว่าทุกอย่างดำเนินต่อไปได้อย่างปกติ

เมื่อถามว่า หากร่างยังไม่ออกมาจะกระทบต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภาคเอกชนหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ไม่กระทบ เพียงแต่การรวมกฎหมายใน พ.ร.บ.ฉบับเดียว จะทำให้เจ้าหน้าที่ทำงานง่ายขึ้น เนื่องจากตอนนี้ต้องใช้ประกาศหลายฉบับมาควบคุม แต่หากร่างยังไม่ออกมาก็ไม่ได้กระทบต่อการใช้ประโยชน์จากกัญชาในภาคประชาชน

เมื่อถามว่า วันนี้ขับเคลื่อนด้านกัญชาได้เลย ไม่ต้องกังวลว่าจะทำให้กลับมาเป็นยาเสพติด นายอนุทินกล่าวว่า One way ticket อยู่แล้ว สายน้ำก็ไม่มีไหลย้อนกลับ The river of no return ส่วนความกังวลของภาคเอกชน ก็ขอให้เปลี่ยนเป็นความหวังเป็นโอกาส หากเรามัวกังวลก็จะไม่ได้ทำอะไร

ด้าน น.ส.พิมพ์รพี พันธุ์วิชาติกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงนายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง ส.ส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย และนายคารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แถลงข่าวร่วมกันขู่หากสภาไม่ผ่านร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ.....จะมี ส.ส.จากหลายพรรคการเมืองประมาณ 20-30 คนลาออก พร้อมกับกล่าวหาพรรคการเมืองที่ไม่เห็นด้วยกับร่างกฎหมายฉบับนี้ ว่า มีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ขาดวุฒิภาวะ เพราะจับสภาเป็นตัวประกัน โดยไม่ฟังเหตุผลของฝ่ายทักท้วง ทั้งที่มีการให้ข้อมูลชัดเจนถึงความกังวลของสังคม เกี่ยวกับปัญหาที่จะเกิดการมอมเมาเด็กและเยาวชน เข้าถึงกัญชาง่าย ควบคุมยาก

 “เราทักท้วงเพื่ออนาคตของชาติ ไม่มีการเมืองใดๆ มาเกี่ยวข้อง ไม่เอาประโยชน์พรรคเป็นที่ตั้ง โดยปราศจากความรับผิดชอบต่อสังคม การทำกัญชาการแพทย์และเพื่อเศรษฐกิจการแพทย์ไม่มีใครคัดค้าน หากแต่การอ้างกัญชาเพื่อการแพทย์ที่มีข้อกังขาเรื่องสอดไส้ผลประโยชน์ จนไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อเยาวชน และคนเปราะบาง อันนี้เรายอมไม่ได้ รัฐบาลพลาดไปแล้วครั้งหนึ่งที่ยอมให้มีการปลดล็อกกัญชาจากยาเสพติด โดยไร้กฎหมายรองรับ เมื่อออกกฎหมายก็ยังไม่ครอบคลุม จึงต้องทบทวนหาทางออก เพื่อยุติสุญญากาศกัญชาเสรี เพราะประกาศกระทรวงสาธารณสุขที่ออกมาในขณะนี้ ก็ยังแก้ปัญหาไม่ได้ สุดท้ายถ้าต้องกลับไปให้กัญชาเป็นยาเสพติดเหมือนเดิมก็ต้องทำ" น.ส.พิมพ์รพี  ระบุ

บิ๊กตู่ลั่นสกัดสารตั้งต้น

เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ห้องมัฆวานรังสรรค์ ชั้น 3 สโมสรทหารบก ถนนวิภาวดีรังสิต พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดปฏิบัติการป้องกัน ปราบปรามและแก้ไขปัญหายาเสพติดตามนโยบายของรัฐบาล ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ระยะเร่งด่วน 3 เดือน โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข, พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย, นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม, นายเจเรมี ดักลาส ผู้แทนสำนักงานยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิก, นายคาร์สเทน แอนเดอร์เซน ผู้แทนหน่วยประสานงานยาเสพติดและอาชญากรรมต่างประเทศประจำประเทศไทย, นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการป.ป.ส. แม่ทัพภาค 1-4 ผู้บัญชาการตำรวจภูธร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า รัฐบาลได้กำหนดให้ยาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ เป็นหนึ่งใน 1 ใน 12 นโยบายสำคัญของรัฐบาล ที่ผ่านมาเราปฏิบัติและพัฒนาการมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งก็เป็นทั้งเราและเขา แต่ที่เราทำวันนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในระดับนโยบาย สิ่งแรกเป็นการปรับปรุงกฎหมายกฎระเบียบต่างๆ ที่อาจเกี่ยวข้องในหลายกฎหมายด้วยกัน ส่งผลดีในทางปฏิบัติ สร้างประสิทธิภาพให้เจ้าหน้าที่ในการทำงานให้สูงขึ้น โดยเฉพาะด้านการปราบปราม การจับกุม ติดตามขยายผลสู่นายทุนและผู้เกี่ยวข้องได้จำนวนมาก

"วันนี้สามารถอายัดทรัพย์สินได้มากถึง 11,000 ล้านบาท ถ้าทำไปเรื่อยๆ ยอดจะสูงขึ้น และวันนี้เรากลายเป็นเส้นทางผ่านจากแนวชายแดนส่งไปที่อื่น ซึ่งเราต้องแก้ปัญหาทั้งภายในประเทศและปัญหาระหว่างประเทศตามแนวชายแดนเพื่อไม่ให้แพร่กระจายไปที่อื่น และขอเน้นย้ำในเรื่องของการดูแลควบคุมสารตั้งต้น ที่ใช้ไม่ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด เพราะเป็นอันตรายและเป็นต้นตอการนำไปสู่การผลิตยาเสพติด จึงขอให้มีติดตามดำเนินคดีในเรื่องนี้ ซึ่งผมรอผลงานตรงนี้ด้วย” นายกรัฐมนตรีระบุ

ด้านนายสมศักดิ์กล่าวว่า มีการตั้งคณะทำงานชุดพิเศษ พาลีปราบยา ที่มีแนวทางการทำงานในเรื่องของการสอบสวนร่วมกับหน่วยงานต่างๆ เช่น ป.ป.ส., ปปง. และ บช.ปส. สอบสวนเส้นทางการเงิน และในปี 2566 เราได้นำแนวทาง 6 มาตรการ 1 พื้นที่ต้นแบบ 18 ภารกิจเร่งด่วน แต่สิ่งที่เรามุ่งเน้นที่สุดคือ 7 จุดเน้นปฏิบัติการ อาทิ สืบสวน ขยายผล ทำลายเครือข่ายนักค้ายาเสพติดและยึดอายัดทรัพย์สิน มีเป้าหมาย 1,000 เครือข่าย มูลค่า 100,000 ล้านบาท โดยยึดได้แล้ว 6,879 ล้านบาท, จัดการปัญหายาเสพติดแบบครบวงจรหนองบัวลำภูต้นแบบจังหวัดสีขาวปลอดยาเสพติด สร้างต้นแบบในการจัดการปัญหายาเสพติดแบบครบวงจร

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์และนายสมศักดิ์ร่วมมอบเงินรางวัลแก่เจ้าหน้าที่ในการดำเนินการริบทรัพย์สินคดีสำคัญจากตัวแทน 4 ราย เป็นคดีตั้งแต่ปี 2539-2562 รวมเป็นเงิน 90 ล้านบาท

ที่ จ.ลำปาง กลุ่มสืบสวนและปฏิบัติการข่าว 1 สำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ ภายใต้การอำนวยการของนายศรชัย ชูวิเชียร ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เถิน อ.เถิน จ.ลำปาง ได้ร่วมกันจับกุมตัวผู้ถูกกล่าวหา พ.ต.ท.วีระเดช หรือศิระเดช กีรติพสุวัฒน์ ตามหมายจับของศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติมิชอบกลาง มีพฤติการณ์โดยได้ทุจริตเบียดบังเอาเงินยืมเพื่อปฏิบัติการล่อซื้อยาเสพติด จำนวน 6 ล้านบาท และ 8.3 ล้านบาท ตามลำดับ รวมจำนวนกว่า 14 ล้านบาท   

โดยจากการสืบสวนหาข่าวทราบว่า ผู้ถูกกล่าวหาหลบหนีมาบวชเป็นพระภิกษุอยู่ที่วัดดอนไชย ต.ล้อมแรด จึงได้เข้าทำการจับกุมตัว พร้อมให้ลาสิกขา และนำตัวส่งให้พนักงานอัยการและผู้ว่าคดี เพื่อฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติมิชอบกลางทั้ง 2 คดีต่อไป.