ตู่ดี๊ด๊าสัญจรกระบี่ ปลุกสังคมติงม็อบ

นายกฯ นำ ครม.สวมเสื้อบาติกลมหายใจกระบี่ถก ครม.สัญจร กลุ่มจังหวัดอันดามันเห็นชอบ 7 โครงการเร่งด่วนวงเงิน 494 ล้านบาท พร้อมพัฒนา 5 ด้านสำคัญ ขณะที่ ครม.ร่วมลงพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน ขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลในทุกมิติ “บิ๊กตู่” เผยมีความสุขเห็นบ้านเมือง-ศก.กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง คนไปมาหาสู่ซึ่งกันและกันได้ จี้สังคมพิจารณาม็อบการเมืองมุ่งเป้าสร้างความวุ่นวายเพื่ออะไร ลั่นต้องบังคับใช้ กม. ย้ำคำว่า สถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ต้องคงอยู่คู่ไทยตลอดไป

ที่โรงแรมโซฟิเทลกระบี่ โภคีธรา กอล์ฟ แอนด์ สปารีสอร์ท อ.เมืองกระบี่ จ.กระบี่ เวลา 08.30 น. วันที่ 16 พฤศจิกายน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เดินทางมาเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 1/2564 (ครม.สัญจร) ซึ่งเป็นการประชุมครั้งแรกหลังเปิดประเทศ โดยนายกฯ และ ครม.ได้สวมเสื้อบาติกสีเหลืองลาย “ลมหายใจกระบี่” ที่ลวดลายประกอบไปด้วยเรือหัวโทง ใบปาล์ม หอยชักตีน และคลื่นทะเล เป็นอัตลักษณ์ที่สะท้อนความเป็นพื้นเมืองกระบี่ จากพื้นถิ่นสู่ความร่วมสมัย ขณะที่คณะทำงานสวมใส่เสื้อบาติกสีฟ้าและสีอื่นๆ สลับกันไป เพื่อเป็นการสนับสนุนการพัฒนาผ้าพื้นถิ่นจังหวัดกระบี่ ซึ่งทั้งหมดเป็นผ้าที่ทางจังหวัดกระบี่มอบให้

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์เป็นประธานการประชุมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน (กระบี่ ตรัง พังงา ภูเก็ต ระนอง และสตูล) โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัด 6 จังหวัด พร้อมด้วยผู้แทนภาคเอกชนเข้าร่วมหารือ

ภายหลังการประชุม นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในที่ประชุมนายกฯได้กล่าวขอบคุณประชาชนกระบี่สำหรับการต้อนรับที่อบอุ่นจากการลงพื้นที่ รู้สึกดีใจที่เห็นบ้านเมืองและเศรษฐกิจกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง หลังจากที่รัฐบาลมีนโยบายการเปิดประเทศ 1 พ.ย. ซึ่งนโยบายเปิดประเทศยังเป็นที่น่าสนใจและถูกจับตามองจากต่างประเทศ หลายประเทศสนใจแนวทางการดำเนินการเปิดประเทศของไทย

นายธนกรกล่าวว่า นายกฯ ยังชื่นชมการทำงานของภาคเอกชนในการเสนอโครงการระยะเร่งด่วน ซึ่งจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งพิจารณาความจำเป็นเร่งด่วน และให้ดำเนินการที่สอดคล้องกับวงเงินงบประมาณ โดยที่ประชุมเห็นชอบข้อเสนอโครงการที่มีความจำเป็นเร่งด่วนที่สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี จำนวน 7 โครงการ ภายใต้กรอบวงเงินกว่า 494 ล้านบาท 1.โครงการพัฒนาระบบบริการสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อมเกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล 2.โครงการพัฒนาศูนย์เรียนรู้ อนุรักษ์ฟื้นฟูพะยูนและสัตว์ทะเลหายาก จังหวัดตรัง 3.โครงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และสิ่งแวดล้อม จังหวัดระนอง 4.โครงการ Phuket Health Sandbox จังหวัดภูเก็ต 5.โครงการศูนย์กลางการท่องเที่ยวและนันทนาการชายฝั่งแห่งเมืองพังงา จังหวัดพังงา (The Park Khaolak) 6.โครงการปรับปรุงท่าเทียบเรือโดยสาร-ท่องเที่ยวปากคลองจิหลาด จังหวัดกระบี่ และ 7.โครงการพัฒนาแหล่งสปาวารีบำบัดน้ำพุร้อนคลองท่อมเมืองสปา จังหวัดกระบี่

นายธนกรกล่าวว่า นายกฯ ยังเห็นชอบในหลักการข้อเสนอการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน 5 ด้านสำคัญ โดยมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปพิจารณาเพื่อกำหนดในแผนงานเพื่อเสนอตามขั้นตอน ประกอบด้วย 1.ด้านการเยียวยา ฟื้นฟู และช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 2.ด้านการท่องเที่ยว ประกอบด้วย การยกระดับและพัฒนาศักยภาพศูนย์สั่งการและระบบการแพทย์เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน 3.ด้านการเกษตร ได้แก่ การพัฒนาอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน ทั้งระบบแบบยั่งยืน การพัฒนาการประมงในอ่าวพังงาอย่างยั่งยืน 4.ด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิต ได้แก่ การเพิ่มศักยภาพบริการทางการแพทย์และการแพทย์ฉุกเฉินจังหวัดพังงา และ 5.ด้านโครงสร้างพื้นฐาน ได้แก่ โครงการยกระดับศูนย์วิจัยและบริการวิชาการภูมิภาคอันดามัน การศึกษาระบบเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานทางบกทางน้ำ ระบบราง และอากาศ เป็นต้น

โฆษกประจำสำนักฯ กล่าวด้วยว่า ที่ประชุมยังได้เห็นชอบให้ประเทศไทย โดย สสปน. (TCEB) ยื่นเสนอประมูลสิทธิ์ให้จังหวัดภูเก็ตเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงาน Specialised Expo 2571 ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาภูเก็ตระยะยาว ซึ่งคาดว่าจะมีเงินสะพัดทางเศรษฐกิจถึง 49,231 ล้านบาท มีการจ้างงาน 113,439 ตำแหน่ง รัฐบาลจะมีรายได้จากการจัดเก็บภาษีภาครัฐ 9,512 ล้านบาท ในช่วงการจัดงานด้วย ส่วนโครงการอื่นๆ ที่ผ่านการเห็นชอบในหลักการ เช่น การเสนอเป็นเจ้าภาพการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ในปี 68

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า การลงพื้นที่ดูงานของ ครม.ในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน ซึ่งประกอบไปด้วยจังหวัดกระบี่ ตรัง พังงา ภูเก็ต ระนอง และสตูล เพื่อขับเคลื่อนนโยบายและโครงการที่สำคัญของรัฐบาลในมิติต่างๆ อาทิ การพัฒนาเศรษฐกิจและความสามารถในการแข่งขันของไทย ด้วยโครงการพัฒนาท่าอากาศยานระนอง และท่าอากาศยานนานาชาติกระบี่ ปรับปรุงท่าเรือภูเก็ต ก่อสร้างท่าเทียบเรืออ่าวมาหยาบริเวณจุดท่องเที่ยวเกาะพีพี การสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเกษตร โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกยางพาราและปาล์มน้ำมัน ปรับปรุงระบบที่ดินทำกินและลดความเหลื่อมล้ำด้านการถือครองที่ดิน การพัฒนาระบบสาธารณสุข เป็นต้น

ด้านนายสลิล โตทับเที่ยง ประธานหอการค้ากลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน เปิดเผยว่า ภาคเอกชนในภาคใต้ยินดีที่นายกฯ ได้นำคณะ ครม.ลงพื้นที่ภาคใต้ฝั่งอันดามัน พร้อมได้รับทราบข้อเสนอของภาคเอกชนผ่านโครงการต่างๆ ซึ่งครอบคลุมโครงการด้านสำคัญๆ ทั้งการท่องเที่ยวและโครงสร้างพื้นฐานเป็นหลัก โดยแต่ละโครงการที่เสนอไปในครั้งนี้มีมูลค่ารวมกันประมาณ 8,000-9,000 ล้านบาท คาดว่าสร้างรายได้ภาคใต้ฝั่งอันดามันไม่ต่ำกว่าปีละ 600,000 ล้านบาท

เมื่อเวลา 14.20 น. ที่ท่าเรือปากเมง ต.ไม้ฝาด อ.สิเกา จ.ตรัง พล.อ.ประยุทธ์เป็นประธานในพิธีเปิด “ท่าเรือปากเมง เปิดประตูสู่อันดามัน” หนึ่งในแผนพัฒนาท่าเรือปี 2561-2567 ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัย ในการสนับสนุนการท่องเที่ยวฝั่งอันดามัน จํานวน 13 ท่า ดําเนินการแล้วเสร็จจํานวน 5 ท่า ได้แก่ ท่าเรือสุระกุล จังหวัดพังงา ท่าเรือเกาะลันตาใหญ่ ท่าเรือสวนสาธารณะธารา ท่าเรือท่าเลน จังหวัดกระบี่ รวมถึงท่าเรือปากเมง จังหวัดตรัง เตรียมพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวทางทะเลฝั่งอันดามัน

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ดีใจที่ได้มาพบพี่น้องชาวจังหวัดตรัง ที่มีแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงาม มีชายฝั่งทะเลที่สวยงามที่มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับในระดับโลก ทั้งฝั่งทะเลอ่าวไทยและอันดามัน ทราบดีคนไทยมีรอยยิ้มที่สวยงาม ขอให้ทุกคน สืบสาน รักษา ต่อยอดตามพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ด้วย ร่วมกันสร้างความเข้าใจซึ่งกันและกัน เพราะทุกอย่างต้องพึ่งพาซึ่งกัน ทุกคนต้องช่วยกันรักษากฎหมายให้ดีที่สุด เพื่อนำประเทศชาติไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน

จากนั้นนายกฯ ทำพิธีปล่อยขบวนเรือท่องเที่ยว พร้อมพูดคุยกับผู้ประกอบการและนักท่องเที่ยวอย่างเป็นกันเอง โดยขอให้ทุกคนปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพมหานคร

ทั้งนี้ ภายหลังการประชุม ครม. นายกฯ ให้สัมภาษณ์ด้วยว่า การมาประชุม ครม.ที่ จ.กระบี่ครั้งนี้ นายกฯ มีความสุข โดยเฉพาะอย่างยิ่งได้เห็นบ้านเมืองมีความเคลื่อนไหว ไปตรงไหนร้านค้าก็เปิด คนไปมาหาสู่ซึ่งกันและกันได้ โดยการสวมหน้ากาก ฉีดวัคซีน อะไรทำนองนี้ นายกฯ มีความสุขตรงนี้ และถือว่านายกฯ ได้มีโอกาสมาเที่ยวชายทะเลอีกครั้งหนึ่ง ไม่เคยได้ไปเที่ยว นี่ได้มาเที่ยวแล้ว เมื่อวานได้เดินริมหาดเป็นครั้งที่ 2 ของปีนี้

เมื่อถามว่า โซเชียลมีความสนใจในลุคส์ใหม่ของนายกฯ และขอบคุณที่ช่วยโปรโมตการท่องเที่ยว จ.กระบี่ ต่อไปในการลงพื้นที่จังหวัดอื่นๆ จะมีการปรับลุคส์อีกหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับว่าตนมีอะไรที่เครียดหรือกังวลอยู่ ตนก็อยากจะผ่อนคลาย จริงๆ แล้วเป็นคนอารมณ์ดี อารมณ์เบิกบาน ใจเย็น ร้อนเป็นบางระยะ

เมื่อถามอีกว่า แบบนี้เดือนหน้าจะมีการจัดประชุม ครม.สัญจรอีกหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า พยายามจะจัดให้บ่อยครั้งเหมือนครั้งแรกๆ ที่มีการไปประชุมตามกลุ่มจังหวัดเวียนไปเรื่อยๆ ที่ผ่านมาติดสถานการณ์โควิด ต่อไปถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็จะจัดตามวาระที่เหมาะสมต่อไปในทุกภาค ตลอดจนการไปเยี่ยมเยียนบางจังหวัดเป็นกรณีพิเศษก็ว่าไป ตนยินดีที่จะไปรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนนำมาสู่การจัดระเบียบ จัดทำแผนงานโครงการ การจัดงบประมาณหลายๆ อย่างเป็นข้อเสนอที่ดี

เมื่อถามถึงกรณีการเคลื่อนไหวชุมนุมทางการเมือง ห่วงว่าจะกระทบต่อบรรยากาศการเปิดประเทศหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ให้สังคมได้ช่วยกันพิจารณา นายกฯ มีอย่างเดียวคือการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งต้องใช้อย่างระมัดระวัง ให้เป็นไปตามขั้นตอนและเป็นไปตามกฎหมายที่มีอยู่ทุกประการ ซึ่งต้องดูว่าจุดประสงค์การสร้างความวุ่นวายนั้นเพื่ออะไร และคนไทยยอมรับได้หรือไม่ ถ้ายอมรับไม่ได้สังคมก็ต้องตักเตือนกัน อย่าให้เป็นภาระของเจ้าหน้าที่แต่เพียงอย่างเดียวใช่ไหม ตนเน้นย้ำคำว่าสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ต้องคงอยู่คู่กับไทยตลอดไป

เมื่อถามว่า ตอนนี้ยังมีการโหนเรื่อยๆ กังวลหรือไม่ว่าจะบานปลาย นายกฯ กล่าวว่า ไม่กังวล มันเป็นความห่วงใยมากกว่า อย่าเรียกว่ากังวล ถ้ากังวลตนกังวลหลายเรื่อง ทั้งรายได้ประชาชน หนี้ครัวเรือน หนี้สาธารณะ ทุกอย่างมันประเดประดังเข้ามาในสถานการณ์วันนี้ที่ผสมผเสกันเข้ามา รวมถึงราคาน้ำมันอะไรต่างๆ เหล่านี้

ส่วนการปรับ ครม. มีแนวโน้มจะปรับหลังจากนี้เพื่อเสริมทัพให้เข้มแข็งหรือไม่ นายกฯ ยืนว่า "ไม่มี".

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง