นายกฯ ปลื้ม IMF มองเศรษฐกิจไทยปีหน้าโตสวนทาง ศก.โลก ชี้ความชัดเจนของนโยบายรัฐบาลส่งผลต่อความเชื่อมั่น “สภาพัฒน์” เปิดตัวเลขจีดีพี ไตรมาส 3/65 ขยายตัว 4.5% คาดทั้งปี 65 ไว้ที่ 3.2% ส่วนปีหน้าขยายตัวได้ 3-4% นักท่องเที่ยวปีนี้พุ่ง 10.2 ล้านคน ส่วนปีหน้า 23.5 ล้านคน โฆษกรัฐบาล ย้ำเอเปกเป็นไปตามเป้าไทยทุกมิติ ทั้งการค้า-ท่องเที่ยว-ซอฟต์เพาเวอร์
ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 21 พฤศจิกายน น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้รับทราบถึงรายงานที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ประมาณการเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ร้อยละ 3.7 ในปี 2566 จากร้อยละ 2.8 ในปีนี้ พร้อมกับคาดว่าการว่างงานของไทยจะอยู่ในอัตราต่ำที่สุดในเอเชีย-แปซิฟิกที่ 1.0% โดยไทยเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศในเอเชียที่ IMF มองว่าเศรษฐกิจจะยังขยายตัวได้ท่ามกลางการชะลอตัวของทั่วโลกที่เผชิญกับความท้าทายจากภาวะเงินเฟ้อ และต้นทุนการครองชีพที่สูงขึ้น
"นายกรัฐมนตรียินดีกับผลการประเมินของ IMF และเห็นว่าความชัดเจนของนโยบายรัฐบาลมีผลสำคัญอย่างยิ่งต่อการประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจไทยขององค์กรทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งนับตั้งแต่สามารถจัดการกับสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ให้อยู่ภายใต้การควบคุมได้ รัฐบาลได้เร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจโดยเฉพาะการเตรียมภาคการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นภาคเศรษฐกิจที่มีขนาดใหญ่ มีแรงงานจำนวนมากให้พร้อมรับนักท่องเที่ยว การมีมาตรการดึงดูดนักลงทุน เปิดพื้นที่เศรษฐกิจใหม่ๆ มาตรการดึงดูดผู้เชี่ยวชาญ กลุ่มศักยภาพสูงเข้าสู่ประเทศไทย" น.ส.ไตรศุลีกล่าว
น.ส.ไตรศุลีกล่าวว่า ในภาคการท่องเที่ยวรัฐบาลได้เตรียมตัวมาตั้งแต่กลางปี 2564 ด้วยการนำร่องภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ แล้วทยอยเปิดประเทศอย่างระมัดระวัง จนถึงขณะนี้สามารถเปิดประเทศได้เต็มที่ นักท่องเที่ยวทั่วโลกเดินทางมายังประเทศไทยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งหากจีนที่เป็นตลาดท่องเที่ยวสำคัญของไทยผ่อนคลายนโยบาย จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด ซึ่งความชัดเจนของนโยบายนี้ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของทั้งนักลงทุน นักท่องเที่ยว และผู้ที่ทำการประเมินประเทศไทย
น.ส.ไตรศุลีกล่าวต่อว่า สำหรับข้อมูลประมาณการเศรษฐกิจโดย IMF ดังกล่าว ได้มีการเปิดเผยระหว่างที่นางคริสตาลินา จอร์เจียวา ผู้อำนวยการ IMF มาเยือนประเทศไทยเพื่อเข้าร่วมเวทีการประชุมผู้นำเอเปก เมื่อวันที่ 19 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่ง IMF เห็นว่าเศรษฐกิจของประเทศสมาชิกเอเปกส่วนใหญ่กำลังชะลอตัวลง และอย่างน้อย 1 ใน 3 ของโลกจะเข้าสู่ภาวะถดถอย ทำให้จีดีพีทั่วโลกในปี 2566 จะขยายตัวได้ร้อยละ 2.7 ชะลอลงจากร้อยละ 3.2 ในปี 2565 ซึ่งรายงานของ IMF แสดงให้เห็นว่าไทยและจีนเป็นเพียง 2 ประเทศในเอเชียที่เศรษฐกิจขยายตัวเพิ่มขึ้นในปี 2566 เมื่อเทียบกับการคาดการณ์ปีก่อนหน้า ไม่นับรวมฮ่องกงและมาเก๊า
นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาส 3/2565 โดยพบว่าขยายตัวอยู่ที่ 4.5% เร่งขึ้นจาก 2.3% และ 2.5% ในไตรมาสแรกและไตรมาส 2 ตามลำดับ ขณะที่ภาคการส่งออกสินค้าขยายตัว 6.7% การบริโภคเอกชนขยายตัว 9% ดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุล 5.8% และอัตราเงินเฟ้อขยายตัว 7.3%
อย่างไรก็ตาม ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจไทย 9 เดือนแรกของปี 2565 ขยายตัวที่ 3.1% โดยประเมินว่า ภาคการใช้จ่าย การอุปโภคบริโภค การลงทุนภาคเอกชน รวมถึงการส่งออกบริการขยายตัวเร่งขึ้น แต่การส่งออกสินค้าชะลอตัว การใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐปรับตัวลดลง ขณะที่ด้านการผลิตสาขาการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมกลับมาขยายตัว ส่วนสาขาก่อสร้างและเกษตรกรรมปรับตัวลดลง
นอกจากนี้ สภาพัฒน์ได้คาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจไทยทั้งปี 2565 จะขยายตัว 3.2% เร่งขึ้นจาก 1.5% ในปี 2564 อัตราเงินเฟ้อคาดว่าจะอยู่ที่ 6.3% และดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุลที่ 3.6% ส่วนปี 2566 คาดว่าจะขยายตัว 3-4% (ค่ากลาง 3.5%) การบริโภคภาคเอกชนคาดว่าจะขยายตัว 3% มูลค่าการส่งออกสินค้าในรูปดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัว 1% อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยอยู่ที่ช่วง 2.5-3.5% และดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลที่ 1.1% ของ GDP
“เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 3 ได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวในหลายส่วนของเศรษฐกิจต่อเนื่องจากมาตรการผ่อนคลายโควิด โดยภาคการท่องเที่ยวรวมกับภาคการส่งออกในรูปดอลลาร์ขยายตัว 6.7% ได้รับอานิสงส์จากภาคการท่องเที่ยวที่มีการเปิดประเทศ โดยในส่วนของภาคการผลิตมีการขยายตัวได้ 6.3% การเข้าพักแรมและด้านบริการอาหารขยายตัว 53.6%" นายดนุชากล่าว
สำหรับเสถียรภาพเศรษฐกิจของไทยอยู่ในเกณฑ์ดี การว่างงานลดลงต่อเนื่องอยู่ที่ 1.23% ลดลงจากไตรมาสก่อนที่ 1.37% เงินทุนสำรองระหว่างประเทศ 2 แสนล้านดอลลาร์ หนี้สาธารณะ 60% ของจีดีพี อย่างไรก็ตาม คาดว่าในปี 2565 นักท่องเที่ยวต่างชาติจะเดินทางเข้ามาประเทศไทยกว่า 10.2 ล้านคน มีรายรับกว่า 5.7 แสนล้านบาท และคาดว่าในปี 2565 เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ 3.2% และในปี 2566 คาดนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นจากการเปิดประเทศมากขึ้น คาดเข้ามากว่า 23.5 ล้านคน มีรายรับกว่า 1.2 ล้านล้านบาท ซึ่งในปีหน้าการท่องเที่ยวจะเป็นการสนับสนุนการฟื้นตัวเศรษฐกิจ
นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงภาพรวมผลการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปก) ที่ประเทศไทยเพิ่งเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นว่า รัฐบาลตั้งประเด็นไว้ว่า จะให้การประชุมครั้งนี้ทำให้เราได้เก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากการเป็นเจ้าภาพในทุกมิติ ทั้งด้านการเจรจาค้าขาย เรื่องเศรษฐกิจมหภาค และในระดับที่จะทำให้ประเทศไทยได้ประโยชน์ทางอ้อม ทั้งนี้ ในฐานะที่มีผู้นำเขตเศรษฐกิจเข้ามาร่วม นายกรัฐมนตรีได้เจรจาในหลายเรื่องที่เป็นเรื่องภายใน และมีการนำเสนอซอฟต์เพาเวอร์ทางด้านการท่องเที่ยว วัฒนธรรม และการเป็นประเทศที่มีความมั่นคงทางด้านอาหารในอนาคตที่เป็นนวัตกรรมใหม่ๆ การมุ่งสู่การเป็นประเทศที่เป็นครัวของโลก และเป็นแหล่งที่ผู้คนเดินทางเข้ามาท่องเที่ยว ซึ่งประเทศไทยมีความพร้อม ทำให้เราได้ประโยชน์ในครั้งนี้ ทั้งนี้นักธุรกิจให้ความสนใจเรื่องการค้าการลงทุนเป็นอย่างมาก.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ปชน.กระทุ้งกต. ปรับท่าทีเชิงรุก เร่งช่วย4ลูกเรือ
กต.นัดถกเมียนมา 19 ธ.ค.นี้ ช่วยลูกเรือไทย 4 คน “โรม” ผิดหวังคำตอบทางการ
แม้วยันเกาะกูดของไทย ไม่ใช่‘ควาย’ยกให้เพื่อน
“ทักษิณ” ลั่นล้านเปอร์เซ็นต์เกาะกูดเป็นของไทย ใครจะบ้ายกให้
สจ.จอยประกาศไม่เผาศพ!
7 ผู้ต้องหาคดียิง "สจ.โต้ง" คอตกเข้าคุกเรียบร้อย
กกต.ย้ำ1ก.พ.เลือก47อบจ. พท.จ่อเคาะชื่อเก้าอี้โคราช
กกต.ย้ำเลือกตั้งนายก อบจ. 47 จังหวัด 1 ก.พ.2568
พ่อนายกฯขู่เช็กบิล! พรรคร่วมโดดประชุมครม.-นักร้อง/ขอพระเจ้าอยู่ต่ออีก17ปี
"เพื่อไทย" คึก! 3 นายกฯ ร่วมทีมขึ้นรถไฟสัมมนาพรรคที่หัวหิน "นายกฯ อิ๊งค์" ขอ สส.ไม่แบ่งขั้ว-อายุ ยอมรับ 3 เดือนโฟกัสงานรัฐบาล
รัฐบาลชวน 'ครู-นร.' ลงทะเบียน 'ซิมพร้อมเรียน' ใช้เน็ตฟรี
นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาล โดยกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ได้ร่วมมือกับคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)