เอเปกเดือด! เจ้าหน้าที่จัดหนักกระสุนยาง สกัดม็อบฝ่าแนวกั้นหวังประชิดเข้าตีไข่แดงศูนย์สิริกิติ์ สุดท้ายปะทะหนักที่ถนนดินสอ แกนนำประกาศลั่นให้ผู้นำแต่ละประเทศส่งตัวแทนมาดู ด้าน กอร.เผยจับกลุ่มราษฎรหยุดเอเปก 25 คนส่งเข้า สน.ทุ่งสองห้อง แจงสลายการชุมนุมเพื่อระงับเหตุคลี่คลายสถานการณ์ตามยุทธวิธี ขณะที่ฝั่งการเมืองระอุไม่แพ้กัน รัฐบาลแท็กทีมฟาดหนัก "อุ๊งอิ๊งค์"
เมื่อวันศุกร์ สถานการณ์ความเคลื่อนไหวของกลุ่มราษฎรหยุดเอเปก 2022 ที่ปักหลักค้างคืนมาตั้งแต่คืนวันพุธที่ 16 พ.ย. โดยในช่วงเช้าได้นัดรวมตัวกันอีกครั้งเพื่อเคลื่อนขบวนไปยังศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พร้อมประกาศตั้งขบวนที่ถนนดินสอ มุ่งหน้าไปยังอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ซึ่งทางกลุ่มผู้ชุมนุมได้ระดมการ์ดเป็นกำแพงส่วนหน้า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายบารมี ชัยรัตน์ ผู้ประสานงานสมัชชาคนจน ประกาศให้สื่อมวลชนขึ้นบนทางเท้า พร้อมยื่นข้อเสนอให้เจ้าหน้าที่ถอนกำลังทั้งหมดออกไปทันที และทำการเปิดเส้นทางให้ผู้ชุมนุมเดินทางไปยังศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ภายใน 10 นาที เกินกว่านี้ไม่ต้องเจรจา หลังจากนั้นเมื่อครบ 10 นาทีแล้ว นายบารมีประกาศให้สื่อมวลชนถอยออกไป แล้วให้การ์ดขยับเข้าหาตำรวจ ขณะเดียวกันได้มีการเขย่ารถเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเปิดทาง แต่เจ้าหน้าที่ชุดควบคุมฝูงชนได้มีการผลักดันผู้ชุมนุมบริเวณหน้าหัวมุมถนนดินสอเพื่อรักษาแนวบริเวณของเจ้าหน้าที่ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจขึ้นป้ายว่า การกระทำของท่านผิดกฎหมาย ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมประชิดแนวกั้นอีกครั้ง
ทั้งนี้ บรรยากาศเริ่มร้อนระอุขึ้นเป็นลำดับเมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนขบวน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งกำแพงขวางเพื่อเจรจากับผู้ชุมนุมให้กลับไปทำกิจกรรมที่ลานคนเมืองเช่นเดิม เพราะถือว่าการเคลื่อนขบวนเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ แต่อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้ชุมนุมไม่ฟังเจ้าหน้าที่ พร้อมกับโห่ร้องและฝ่าด่านกำแพงของเจ้าหน้าที่ชั้นที่ 1 มาได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมสามารถฝ่าด่านเจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นที่ 1 มาได้ มีกำลังควบคุมฝูงชนตั้งแผงเหล็กกั้น โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประกาศเตือนไปยังผู้ชุมนุมอยู่ตลอดเวลาให้หยุดการชุมนุมและกลับไปยังลานคนเมืองที่เดิม และห้ามทำลายสิ่งกีดขวางของเจ้าหน้าที่ แต่การเจรจาไม่เป็นผล กลุ่มผู้ชุมนุมได้พังแผงเหล็กแนวกั้นของเจ้าหน้าที่มาได้อีกด่าน
เปิดฉากปะทะเดือด
สถานการณ์เริ่มตึงเครียดเมื่อด่านที่ 3 ซึ่งมีกองกำลังควบคุมฝูงชนของเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งด่านอยู่บริเวณถนนดินสอก่อนถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยใช้รถกระบะของตำรวจเป็นกำแพง พร้อมเสริมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน ก่อนที่สถานการณ์จะบานปลาย ทางกลุ่มผู้ชุมนุมได้ยื่นข้อเรียกร้องให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ 3 ข้อ 1.ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจออกจากพื้นที่ทันที 2.เคลียร์เส้นทางให้กับผู้ชุมนุมไปถึงศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ 3.ให้ตำรวจมาขอโทษกับกลุ่มผู้ชุมนุม โดยให้เวลา 20 นาที
แต่เมื่อถึงเวลาที่กำหนดตามที่กลุ่มผู้ชุมนุมได้กำหนดไว้ กลุ่มผู้ชุมนุมได้ พยายามที่จะเข็นรถของเจ้าหน้าที่ตำรวจออกจากแนวกั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนต้องเข้าระงับสถานการณ์ จากเบาไปหาหนัก โดยใช้โล่กระบองผลักดันกลุ่มผู้ชุมนุมจนเกิดการปะทะกัน
ต่อจากนั้น ในเวลา 10.09 น. เจ้าหน้าที่ชุดควบคุมฝูงชนพยายามผลักดันผู้ชุมนุมอีกครั้ง โดยครั้งนี้ได้มีการปะทะกันในระยะสั้นๆ โดยกลุ่มผู้ชุมนุมได้ใช้ไม้หน้าสามพยายามตีไปที่เจ้าหน้าที่ แต่ทางเจ้าหน้าที่ได้ใช้ปืนกระสุนยางระงับเหตุ ซึ่งมีผู้ชุมนุมบางส่วนถูกจับขึ้นบนรถตำรวจ สน.ชนะสงคราม
ขณะที่ น.ส.ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล หรือมายด์ แกนนำกลุ่มราษฎร ได้ประณามการกระทำของเจ้าหน้าที่ผ่านเครื่องขยายเสียง พร้อมกับกล่าวทั้งน้ำตาว่า นี่คือหลักฐานที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทำกับประชาชนมือเปล่า ตำรวจเลือกที่จะยิงกระสุนยางใส่พวกเรา ทั้งๆ ที่พวกเราไม่มีอาวุธ พวกเราไม่ได้จะทำร้ายพวกเขา พวกเขาบอกจะเปิดทางให้พวกเราเพื่อเดินไปยื่นข้อเสนอ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นภายใต้การทำงานของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีกระดูกสันหลัง และเลือกที่จะใช้ความรุนแรงกับประชาชน มีผู้ชุมนุมที่บาดเจ็บจากกระสุนยางทั้งหมด 5 คน และคนที่โดนจับอีกนับไม่ถ้วน
“เราขอประณามการทำงานของตำรวจ ขอประณามการทำงานที่อยู่ภายใต้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ทำร้ายเรามาโดยตลอด และเราขอส่งสารไปถึงผู้นำทั้งหลายที่ประชุมอยู่ว่า นี่คือสิ่งที่รัฐบาลทำกับพวกเรา เราจึงไม่ให้การยอมรับ เราจึงออกมาต่อต้าน ให้ผู้นำแต่ละประเทศส่งตัวแทนมาสังเกตการณ์ว่าเราถูกกระทำอย่างไรบ้าง” น.ส.ภัสราวลี กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากตัวแทนแกนนำราษฎรหยุด APEC 2022 ได้ประกาศพักรับประทานอาหารเที่ยง ระหว่างนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนได้นำเตาที่ทำพิธีเผาพริกเผาเกลือไปวางบนหลังคารถตำรวจ ทำให้เจ้าหน้าที่ได้นำน้ำยาเคมีดับเพลิงมาฉีดเพื่อป้องกันไฟไหม้รถ แต่หลังจากนั้นมวลชนได้มีการขว้างปาสิ่งของ ทำให้เจ้าหน้าที่เข้ากระชับพื้นที่จนถึงช่วงกลางซอย มีการใช้โล่ดันและกระบองจนเกิดเหตุปะทะเดือดอีกครั้ง ก่อนมีการเจรจาตกลงกันที่กลางซอย โดยใช้แผงรั้วเหล็กวางกั้นยาวปิดซอย แบ่งระหว่างพื้นที่ของผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อเป็นการถอยคนละก้าว
ด้าน นพ.ทศพร เสรีรักษ์ เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ชุลมุนที่ผ่านมา ตนได้เห็นกับตาว่ามีประชาชนจำนวน 3 คนที่ได้รับบาดเจ็บ ประกอบด้วย 1.ช่างภาพนิ่ง (ผู้หญิง) ชาลินี ถิระศุภะ หรือเจน จากสำนักข่าวรอยเตอร์ส ได้รับบาดเจ็บที่เยื่อบุตาขาวข้างขวา เนื่องจากถูกเศษแก้วที่ปามาโดยไม่ทราบฝั่ง แต่ได้ปฐมพยาบาลเบื้องต้นเรียบร้อยแล้ว 2.ประชาชน (ผู้ชาย) ได้รับบาดเจ็บจากกระสุนยางจำนวน 2 รอย โดนเข้าที่บริเวณหน้าท้อง และขณะนี้อยู่ระหว่างสำนักการแพทย์ ศูนย์เอราวัณรับตัวเคลื่อนย้ายไปรักษายังโรงพยาบาล 3.ประชาชน (ชาย) ได้รับอุบัติเหตุหัวฟาดพื้นขณะวิ่งหนีเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชน
ต่อมาเวลา 13.30 น. นายสมบูรณ์ คำแหง ประธาน กป.อพช. กล่าวว่า การสลายการชุมนุมในวันนี้ เป็นสิ่งที่เราไม่คาดการณ์มาก่อน เราพยายามทำทุกวิถีทางให้พี่น้องชาวบ้านที่ออกมาได้แสดงออกถึงการไม่ยอมรับในนโยบายและข้อกฎหมาย มีพี่น้องได้รับบาดเจ็บหนักสุด 2 ราย อีกคนโดนกระสุนยางเข้าตา อีกกว่า 10 คนโดนจับ รถเครื่องเสียงโดนยึดไป นี่คือสิ่งที่ตำรวจพยายามปิดกั้นสิทธิเสรีภาพของพวกเรา
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตู้คอนเทนเนอร์มาติดตั้งไว้บริเวณกลางซอยบนถนนดินสอจำนวนทั้งสิ้น 4 ตู้ วางเรียงปิดเป็นหน้ากระดาน เพื่อลดการเผชิญหน้าระหว่างเจ้าหน้าที่และผู้ชุมนุม
อย่างไรก็ตาม ในเวลา 14.40 น. กลุ่มผู้ชุมนุมราษฎรหยุดเอเปก 2022 บางส่วนได้เดินทางกลับมานั่งที่บริเวณลานคนเมือง หลังจากนั้นในเวลาประมาณ 16.40 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มผู้ชุมนุมราษฎรหยุดเอเปก 2022 ได้เริ่มทยอยกลับ สถานการณ์เริ่มกลับมาสู่ปกติ รวมถึงรถสุขาของ กทม.ก็ได้ออกจากพื้นที่แล้วทั้งหมด โดยมีเทศกิจมาดูความเรียบร้อย คาดว่ากลุ่มผู้ชุมนุมจะออกจากลานคนเมืองทั้งหมดก่อนเวลา 19.00 น.
ตร.รวบม็อบ 25 ราย
ที่กองอำนวยการร่วมรักษาความปลอดภัยและการจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษก กอร. เปิดเผยถึงการชุมนุมของกลุ่มเห็นต่างทางการเมืองพยายามเคลื่อนการชุมนุมเพื่อยื่นหนังสือกับผู้นำแต่ละประเทศที่เข้าร่วมประชุมเอเปกว่า เวลา 08.50 น. กลุ่มราษฎรหยุดเอเปกฯ ประมาณ 350 คน ปักหลักอยู่ที่ลานคนเมือง ได้เคลื่อนขบวนเพื่อยื่นข้อเรียกร้องต่อการประชุมเอเปก มีการฝ่าฝืนเงื่อนไข เจ้าหน้าที่ได้เจรจาแจ้งประชาสัมพันธ์ให้ทราบอย่างต่อเนื่อง ต่อมาผู้ชุมนุมฝ่าฝืนโดยการเคลื่อนขบวนถึงบริเวณถนนดินสอ เจ้าหน้าที่ประกาศเครื่องขยายเสียงแจ้งเตือน แต่กลุ่มผู้ชุมนุมไม่ยินยอมฝ่าฝืนกฎหมาย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ ขว้างปาก้อนหิน สิ่งของ ทำลายรถยนต์ของทางราชการเสียหาย ใช้กำลังทำร้ายต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน ตำรวจมีความจำเป็นต้องป้องกันตนเองและทำการจับกุมผู้กระทำผิดซึ่งหน้า
ต่อมาเวลา 12.30 น. กลุ่มผู้ชุมนุมทำการจุดไฟวางเพลิงเผาทรัพย์บนรถเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงมีความจำเป็นคลี่คลายสถานการณ์ไม่ให้เกิดเพลิงลุกลามทำความเดือดร้อนให้กับประชาชนที่อาศัยอยู่ จึงเขาจับกุมตัวดังกล่าว สามารถจับกุมผู้ก่อเหตุ 25 คน ดำเนินคดี พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ, ทำให้ทรัพย์สินราชการเสียหาย, วางเพลิงเผาทรัพย์ของผู้อื่น, ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน, ทำร้ายร่างกาย, พ.ร.บ.จราจรทางบก, พ.ร.บ.ความสะอาด และอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานความผิดที่เกี่ยวข้องที่เกิดขึ้น
โฆษก กอร.ระบุว่า จากการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจมีสื่อมวลชนได้รับบาดเจ็บนั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติและกองบัญชาการตำรวจนครบาลได้กำหนดแผนสื่อมวลชน มีข้อแนะนำ 1.ลงทะเบียนสื่อมวลชน 2.กำหนดสัญลักษณ์ปลอกแขนสื่อหรือกำหนดสัญลักษณ์ 3.กำหนดพื้นที่ปลอดภัยเพื่อความปลอดภัยของสื่อและไม่รบกวนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาอีกต่อไป ส่วนการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจได้รับบาดเจ็บ 5 นาย ผู้ชุมนุมเบื้องต้นได้รับบาดเจ็บที่คิ้วข้างขวาแพทย์กำลังรักษา ส่วนคนอื่นกำลังตรวจสอบว่าผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บอย่างไรบ้าง
“สถานการณ์ภาพรวมวันนี้ ตำรวจจำเป็นต้องควบคุมสถานการณ์เพื่อป้องกันเหตุ บางกรณีมีภาพปรากฏการกระทบกระทั่งจนเกิดการได้รับบาดเจ็บ หรือถ้ามีภาพที่เห็นว่าผู้ชุมนุมได้รับการกระทำแต่ละกรณี ตำรวจต้องดูว่าแต่ละกรณีนั้นเป็นอย่างไร ทุกๆ อย่างจะเปิดเผยต่อสื่อมวลชนทุกประเด็น ส่วนการขยายผลเอาผิดกับกลุ่มผู้ชุมนุม เจ้าพนักงานจะรวบรวมพยานหลักฐานทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว หากพบการกระทำผิดเพิ่มเติมก็ดำเนินการตามกฎหมาย” พล.ต.ต.อาชยนกล่าว
พล.ต.ต.อาชยนกล่าวอีกว่า ส่วนกรณีปรากฏการใช้กระสุนยางของเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น เจ้าหน้าที่ใช้อุปกรณ์เพื่อการป้องกันตนเองจากผู้ที่จะทำร้ายเจ้าหน้าที่และเพื่อจะจับกุมผู้กระทำความผิดซึ่งหน้า ที่ต่อสู้ขัดขวางและทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ ทั้งหมดเป็นไปตามหลักกฎหมาย ตามยุทธวิธี เพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อย และเป็นไปตามมาตรการรักษาความปลอดภัย
แท็กทีมฟาดหนักอุ๊งอิ๊งค์
วันเดียวกัน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมพรรคเพื่อไทย ในฐานะหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ทวีตข้อความว่า การแสดงความเห็นแบบสันติ ปราศจากอาวุธของประชาชนเช่นนี้ รัฐไม่ควรใช้ความรุนแรงกับประชาชน โดยเฉพาะการใช้กระสุนยางในระยะประชิด
ด้านนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุใจความช่วงหนึ่งว่า สิ่งที่สร้างความอับอายขายหน้าต่อชาวโลกมากที่สุด จึงไม่ใช่การที่มีประชาชนออกมาชุมนุมประท้วง ซึ่งเป็นเรื่องที่ประชาชนในนานาอารยประเทศเขาทำกันได้ แต่คือการใช้อำนาจอย่างล้นเกินของรัฐบาลเพื่อกดขี่ผู้เห็นต่าง
ขณะที่นายธนกร วังบุญคงชนะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า อยากจะเตือน น.ส.แพทองธาร ว่าตั้งสติก่อนวิจารณ์ จะได้ไม่เสียราคาแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย เพราะกลุ่มผู้ชุมนุมพยายามจะเคลื่อนขบวน และฝ่าฝืนกฎหมาย เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ใช้เครื่องเสียงประกาศ มีการเจรจาและแจ้งเตือนกับกลุ่มผู้ชุมนุม แต่กลุ่มผู้ชุมนุมไม่ยอมฟัง ก่อนที่จะมีการใช้กำลังทำร้ายและต่อสู้ขัดขวางเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงมีความจำเป็นต้องใช้กำลังเพื่อป้องกันตนเอง
นายเสกสกล อัตถาวงศ์ อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หาก น.ส.แพทองธารเป็นคนไทย รักประเทศไทยอย่างที่ปากพูด ก็ไม่ควรออกมาโพสต์ข้อความในลักษณะสนับสนุนกลุ่มผู้ชุมนุมให้ออกมาเคลื่อนไหวในช่วงเอเปก เป็นถึงลูกอดีตนายกฯ แต่ไม่เข้าใจถึงการทำประโยชน์เพื่อประเทศชาติและประชาชน อยากจะเอาแต่ผลประโยชน์ทางการเมืองของตัวเองเท่านั้น ตนก็สงสัยว่าการที่ น.ส.แพทองธารออกมาสนับสนุน และเป็นเดือดเป็นร้อนแทนกลุ่มผู้ชุมนุม อยากให้กลุ่มนี้สร้างความรุนแรง ความเดือดร้อนให้เกิดขึ้น ทำลายความน่าเชื่อถือของประเทศหรือไม่ หรือว่าไม่อยากให้นายกฯ จัดการประชุมให้สำเร็จ
ที่ สน.ทุ่งสองห้อง ซึ่งเป็นสถานที่ควบคุมตัวกลุ่มราษฎรหยุดเอเปกฯ จำนวน 25 คน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ได้ปิดประตูทางเข้า-ออก โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนรักษาความปลอดภัยไม่ให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไป พร้อมปิดประกาศเป็นพื้นที่ควบคุม อย่างไรก็ตาม เมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมทราบว่าผู้ที่ร่วมชุมนุมถูกนำตัวมาคุมขังไว้ที่ สน.ทุ่งสองห้อง ต่างพากันมากดดันเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ปล่อยตัวผู้ต้องหาทั้งหมด
ต่อมา นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.พรรคก้าวไกล, นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.พรรคก้าวไกล และ น.ส.ภัสราวลี แกนนำกลุ่มราษฎร เดินทางเข้าเยี่ยมกลุ่มผู้ต้องหา ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. นางอมรัตน์ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน แต่ก่อนที่จะให้สัมภาษณ์ได้ถามหาผู้สื่อข่าวช่องท็อปนิวส์ หากอยู่ในกลุ่มสื่อมวลชนนี้ให้ออกไปก่อน ก่อนระบุว่า จากการพูดคุยกับคนที่ถูกจับ พบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนบางรายเหมือนไม่ใช่ตำรวจ เหมือนเป็นทหาร แสดงอาการไม่เป็นมิตร เกรี้ยวกราด ซึ่งจะติดตามข้อเท็จจริงต่อไป.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แฉระบบเด็กฝาก ทำลายองค์กรตร. ดับฝัน‘ดาวฤกษ์’
เช็ก 41 รายชื่อแต่งตั้งนายพลสีกากี ระดับรอง ผบ.ตร.-ผบช.
ยธ.เมินแจงกมธ. ปมนักโทษเทวดา รพ.ตำรวจชั้น14
ชั้น 14 น่าพิศวง "โรม" กวักมือเรียก “ทักษิณ” ไปสภา เข้าแจง กมธ.มั่นคงฯ
แจกเฟส2เอื้อเลือกอบจ. เตือนร้องถอดถอนครม.
นายกฯ โชว์วิชั่น Forbes ยันไทยสงบ สันติ หวังแม้รัฐบาลเปลี่ยน
ฟ้อง9บิ๊กมท.ทุจริตที่เขากระโดง
เรื่องถึงศาล "ณฐพร" ฟ้องกราวรูด "บิ๊ก ขรก.มหาดไทย"
ลุ้นศาลรับคดีล้มล้าง ตุลาการถก6ประเด็น‘ทักษิณ-พท.’/ดันแก้ประชามติไม่รอ180วัน
"ทักษิณ-พท." ระทึก! 9 ตุลาการศาล รธน.ยืนยันนัดประชุมวาระพิเศษ 22 พ.ย.นี้
สั่งประหารชีวิต ‘แอม ไซยาไนด์’ คุกผัวเก่า-ทนาย
ศาลพิพากษาประหารชีวิต "แอม ไซยาไนด์" วางยาฆ่าก้อย พร้อมชดใช้ 2.3 ล้าน