โหนโพลหนุนตัวเอง‘เสนพงศ์’ซบรทสช.

"บิ๊กป้อม" เดินหน้าขับเคลื่อน 3 พันธกิจหลัก พปชร. ดึงทีม ส.ส.-นักวิชาการร่วม 3 คณะทำนโยบายช่วย ปชช. "ฟิล์ม รัฐภูมิ" โผล่นั่ง กก.ขับเคลื่อนสังคม  "แรมโบ้” ยกซูเปอร์โพล "นายกฯ ประยุทธ์” ผลงานเด่น เหมาะนั่งนายกฯ ต่อไป "เพื่อไทย" ขอบคุณผลโพลเชียร์  "อิ๊งค์" เป็นนายกฯ โวคนขานรับนโยบาย พร้อมทำงานหนักหวังชนะแลนด์สไลด์ "ตระกูลเสนพงศ์” จ่อยกทีมย้ายซบ "รวมไทยสร้างชาติ" คืนเสื้อ ปชป. โวยโพลชื่อถือไม่ได้  กกต.ตั้งคณะทำงานสอบ พปชร.รับเงินบริจาคนายทุนจีน  3 ล้าน วางกรอบ 30 วัน

เมื่อวันจันทร์ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า พรรคพลังประชารัฐได้มีการวางนโยบายขับเคลื่อนและสานต่อ 3 พันธกิจหลัก ที่ประกอบด้วย สวัสดิการประชารัฐ:ขจัดความเหลื่อมล้ำ, เศรษฐกิจประชารัฐ:สร้างความสามารถและโอกาสที่เท่าเทียม และสังคมประชารัฐ:สงบสุข เข้มแข็ง แบ่งปัน ซึ่งเป็นนโยบายเพื่อช่วยเหลือประชาชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อทำนโยบายที่สอดรับกับความต้องการของประชาชน และการเลือกตั้งที่จะมาถึงในอนาคต เป็นการมุ่งเน้นยกระดับคุณภาพชีวิตให้พี่น้องประชาชนให้กินดีอยู่ดี ล่าสุดพรรคได้ดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อน 3 พันธกิจ ประกอบด้วย 1.ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ 2.นายสุรสิทธิ์ นิธิวุฒิวรรักษ์  3.นายสุรพร ดนัยตั้งตระกูล 4.นายพรชัย ตระกูลวรานนท์ 5.นายชวน ชูจันทร์ 6.นายนัทธี ถิ่นสาคู 7.นายอรรถกร ศิริลัทธยากร 8.น.ส.ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์  9.นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ 10.ดร.สุรดา จุนทะสุตธนกุล 11.ดร.ปรมะ บุญเขื่อง

ทั้งนี้ ได้แต่งตั้งคณะกรรมการแยกตามพันธกิจหลักของพรรค ประกอบด้วย 1.คณะกรรมการขับเคลื่อนสวัสดิการประชารัฐ ประกอบด้วย นายสุรพร ดนัยตั้งตระกูล, นายนัทธี ถิ่นสาคู, น.ส.ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ และ ดร.สุรดา จุนทะสุตธนกุล 2.คณะกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประชารัฐ ประกอบด้วย นายชาญกฤช เดชวิทักษ์, นายชวน ชูจันทร์, นายวีระกร คำประกอบ และนายภาคิน สมมิตรธนกุล 3.คณะกรรมการขับเคลื่อนสังคมประชารัฐ ประกอบด้วย นายพรชัย ตระกูลวรานนท์, นายชวน ชูจันทร์, นายสุทา ประทีป ณ ถลาง, นายอรรถกร ศิริลัทธยากร, พ.ต.ท.ฐนภัทร กิตติวงศา, นายกองตรี อาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ, นายกานต์ กิตติอำพน, ดร.ปรมะ บุญเขื่อง, นางสาวเกณิกา อุ่นจิตร์, นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์, นายแสนหล้า  พันธุ์ราดล และนายนิธิวุฒิ โรจน์ประสิทธิ์พร

พล.อ.ประวิตรกล่าวทิ้งท้ายว่า พรรคได้เปิดให้ ส.ส.ของพรรคทุกคน ซึ่งเป็นตัวแทนของประชาชนคนไทยในแต่ละพื้นที่ทั่วประเทศ เข้ามามีส่วนร่วมขับเคลื่อน 3 พันธกิจหลัก เพื่อให้การดำเนินงานของพรรคเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุตามอุดมการณ์ วัตถุประสงค์และนโยบายของพรรค โดยมีนโยบายสำคัญคือ ต้องการให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เรามุ่งเน้นแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนให้หมดไป ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นว่า พปชร.จะเดินหน้าเร่งแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนและอำนวยประโยชน์ให้ทุกท่านอย่างเต็มที่

 นายเสกสกล อัตถาวงศ์ อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีซูเปอร์โพลสำรวจความเห็นประชาชนเรื่อง “ภาพจำแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี” และพบว่า ภาพจำที่ประชาชนประทับใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม คือมีผลงานเด่น  ทั้งความสงบบ้านเมือง แก้ปัญหาค้ามนุษย์ โครงสร้างพื้นฐาน แสดงให้เห็นแล้วว่าตั้งแต่นายกฯ ประยุทธ์เข้ามาบริหารบ้านเมือง มีความตั้งใจจริงในการแก้ไขปัญหาทุกด้าน  จนทำให้ประชาชนเห็นผลงาน นอกจากนี้ยังมีผลงานอีกหลายอย่างและทำได้ดี โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาโควิด-19 จนเป็นที่ยอมรับ

โหนโพลหนุน 'บิ๊กตู่' นั่งนายกฯ ต่อ

"เห็นด้วยกับประชาชนส่วนใหญ่ที่มองว่านายกฯ มีผลงานเด่นหลายเรื่อง พร้อมกับขอให้ประชาชนเชื่อมั่นในตัวนายกฯ ว่ามีความตั้งใจจริงในการทำงานเพื่อบ้านเมือง  แก้ไขปัญหาทุกอย่างที่เกิดขึ้น และจะทำจนกว่าจะครบเทอมรัฐบาล ขอประชาชนอย่าไปฟังข้อมูลข่าวสารที่เป็นเท็จหรือฟังกลุ่มที่เห็นต่าง เพราะได้เห็นแล้วว่านายกฯ ได้ทำอะไรมากมายไปแล้วบ้าง นายกฯ ประยุทธ์จึงเหมาะสมที่จะเป็นนายกฯ บริหารบ้านเมืองต่อไป เพราะคนไทยส่วนใหญ่ปรารถนาผู้นำประเทศที่จะนำพาความสงบเรียบร้อยมาสู่ประเทศ ไม่ปรารถนาให้เกิดเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมือง หรือออกมาทะเลาะวิวาทกันเต็มท้องถนนเหมือนในอดีตอีก" นายเสกสกลกล่าว

ที่ จ.พังงา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงผลสำรวจในเรื่องภาพจำของแคนดิเดตนายกฯ ที่นายจุรินทร์มีภาพจำในเรื่องรักชาติ ศาสน์  กษัตริย์ และแก้ปัญหาเศรษฐกิจว่า อาจจะสะท้อนว่าจุดยืนและสิ่งที่พรรค ปชป.ได้ทำมาในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมานั้น อยู่ในสายตาของประชาชน เพราะเราสนับสนุนการแก้รัฐธรรมนูญให้ไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้น แต่ต้องไม่แตะหมวด 1 หมวด 2 ไม่แก้มาตรา 112 เพราะทุกประเทศต้องมีกฎหมายที่คุ้มครองประมุข ในเรื่องของการแก้เศรษฐกิจปากท้องก็มุ่งเน้นการสร้างเงินให้ประชาชน และประเทศ ถือว่าประชาชนได้รับรู้สิ่งที่ตนและพรรค ปชป.ได้ทำมาในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา ก็ต้องขอขอบคุณกับการติดตาม ช่วยให้มีกำลังใจขึ้นเยอะ

 น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม.และโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีที่นิด้าโพลเผยแพร่ผลสำรวจประชาชนภาคกลางและภาคเหนือ โดยพบว่าประชาชนส่วนใหญ่สนับสนุนนางสาวแพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี และยังเลือกพรรคเพื่อไทยเป็นอันดับหนึ่งในการเลือก ส.ส.แบบแบ่งเขตและแบบบัญชีรายชื่อว่า ขอขอบคุณพี่น้องประชาชนทุกคนที่ไว้ใจเลือกพรรคเพื่อไทยให้เป็นพรรคในใจของพี่น้องประชาชน และขอขอบคุณแทน น.ส.แพทองธาร ซึ่งถึงแม้จะยังไม่ประกาศตัวเป็นว่าที่แคนดิเดตนายกฯ ของพรรค ยังได้รับเสียงสนับสนุนจากประชาชนท่วมท้นมากขนาดนี้ เป็นการตอกย้ำว่าประชาชนให้การสนับสนุนแนวทาง นโยบาย และผู้สมัครของพรรค

"ถือเป็นกำลังใจให้พรรค พท.ที่จะเป็นเสมือนธงนำทางให้พรรคมุ่งมั่นทำงานต่อไป เราจะแปรเปลี่ยนเสียงสนับสนุนที่ประชาชนมอบให้เป็นภารกิจในการคิดค้นนโยบาย เพื่อสร้างรายได้สร้างชีวิตใหม่ให้ประชาชน ปลดเปลื้องพันธนาการแห่งความทุกข์ระทมที่ต้องพบเจอมาตลอด 8 ปีให้กลายเป็นความหวัง เพื่อให้เป้าหมายในการเลือกตั้งพรรค พท.จะชนะเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์ ส.ส.ของพรรคจะมุ่งมั่นทำงานอย่างหนักต่อไป เพื่อไปสู่เป้าหมายวันที่พรรคจะเข้าไปบริหารประเทศ ขอให้ประชาชนอดทนสักพัก อดใจรออีกไม่ถึง 5-6 เดือน รอวันที่จะได้เดินเข้าสู่คูหาการเลือกตั้ง ได้เข้าไปเลือกพรรค พท. เราจะออกจากหลุมดำนี้ไปด้วยกัน” น.ส.ธีรรัตน์กล่าว

ขณะที่นายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ และผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวว่า โพลดังกล่าวไม่มีผลต่อพรรค ชทพ. เป็นผลสำรวจความเห็นระหว่างทางที่ไม่สามารถชี้วัดอนาคตผลการเลือกตั้งได้ทั้งหมด อย่างไรก็ตามในการโหวตของประชาชน คือให้ความสนใจโหวตพรรคใหญ่ พรรคที่รู้จักเป็นหลัก นอกจากนั้นในการเลือกตั้งครั้งหน้ายังมีปัจจัยที่ต้องพิจารณาคือ การเมืองแบบดั้งเดิม  การเมืองแบบฐานราก ที่ประชาชนคงวิถีเดิม ที่ไม่ออกมาแสดงความเห็น จากการวัดกระแสนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหัวหน้าพรรคชทพ.แบบโฟกัสกรุ๊ป พบว่าได้รับเสียงตอบรับที่ดี เชื่อว่านายวราวุธยังอยู่ในกระแสและได้รับผลตอบรับที่ดี และเป็นความนิยมที่เพิ่มมากขึ้นอย่างเหลือเชื่อ เนื่องจากการเมืองมีการเปลี่ยนแปลงไปโดยเน้นคนรุ่นใหม่

นายนิกรกล่าวว่า วันที่ 22 พ.ย.นี้พรรคเตรียมประชุมกรรมการบริหารพรรคและ ส.ส.เพื่อจัดทำนโยบาย  ซึ่งการเลือกตั้งที่จะมาถึงสิ่งที่จะเป็นปัจจัยมีผลต่อการตัดสินใจเลือกตั้ง คือนโยบายและตัวบุคคล ตอนนี้พรรคมีจุดขายคือหัวหน้าพรรค ดังนั้นสิ่งที่ต้องทำคือ การทำนโยบายที่เป็นเรื่องอนาคต เรื่องสิ่งแวดล้อม รวมถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยสภาร่างรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้มั่นใจว่าเป้าหมายที่ตั้งเป้าไว้ว่าจะได้ ส.ส.ไม่ต่ำกว่า 25 คนจะเป็นไปได้ เพราะการเลือกตั้งครั้งหน้าพรรคจะใช้การเลือกตั้งแบบเน้นจุด แทนการส่งผู้สมัคร ส.ส.ครบทุกเขต

'ตระกูลเสนพงศ์' จ่อซบ รทสช.

ที่บ้านพักเลขที่ 156 ม.1 ต.ช้างซ้าย อ.พระพรหม  จ.นครศรีธรรมราช นายพงศ์สินธุ์ เสนพงศ์ น้องชายนายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรค ปชป. ได้เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนภายหลังออกแถลงการณ์คนตระกูล "เสนพงศ์" ลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ หลังผิดหวังพรรคไม่ส่งสมัคร ส.ส.นครศรีธรรมราชในนาม ปชป.  ว่า ขณะนี้ตนได้เตรียมร่างหนังสือลาออก เมื่อเสร็จแล้วก็จะนำใบลาออกจากพรรค ปชป.พร้อมเสื้อพรรค ปชป.ไปคืนผู้บริหารพรรคในเร็วๆ นี้ต่อไป ครอบครัวเสนพงศ์ซึ่งเป็นครอบครัวการเมืองของ จ.นครศรีธรรมราช มั่นใจว่าตระกูลเสนพงศ์เป็นนักการเมืองน้ำดี เพราะฉะนั้นมาถึงวันนี้เมื่อพวกตนตัดสินใจออกจากพรรค ปชป. คนในครอบครัวเสนพงศ์ได้พูดคุยกันว่า มีพรรคหลายพรรคที่มาพูดคุยและทาบทามเพื่อให้ไปทำกิจกรรมร่วมกัน

"ที่พูดถึงบ่อยก็คือพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งก่อนหน้านี้คุณวิทยา แก้วภราดัย ก็โทร.มาคุยให้กำลังใจและให้เกียรติกับครอบครัวเสนพงศ์ และที่สำคัญกว่านั้นหลายคนในพรรค ปชป.ยังโทร.มาให้กำลังใจพวกเรา ก็ต้องขอบคุณ  และถามว่าทิศทางข้างหน้าตระกูลเสนพงศ์จะเอายังไง ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะไปอยู่กับคุณวิทยา พรรครวมไทยสร้างชาติ  ซึ่งเป็นพรรคที่ให้โอกาสพวกเราตระกูลเสนพงศ์มาโดยตลอด"

นายพงศ์สินธุ์กล่าวว่า โพลมันเชื่อถือไม่ได้แน่นอน  เมื่อไหร่ทำกับมนุษย์ มนุษย์เราเป็นผู้กำหนดเอง ถามหน่อยเถอะการทำโพลในหลายจังหวัดที่ผ่านมา ไม่เห็นว่ามันจะราบเรียบเลยสักจังหวัดเดียว ไม่ทำยังดีกว่า ที่ผ่านมาตระกูลเสนพงศ์ไม่คิดที่จะนอกใจพรรค ปชป. แต่จงรักภักดีและให้เกียรติกับพรรค ปชป.มาทุกครั้ง เมื่อมาถึงวันนี้ก็ยังนึกเสียดายที่ตระกูลเราทุ่มเทมาโดยตลอด แต่ถึงเราไปอยู่ที่อื่นก็จะทำให้เต็มที่ เพื่อพิสูจน์ฝีมือว่าเราอยู่ที่ไหนก็ทำได้

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ กล่าวถึงการที่มีผู้เสนอ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมว่า ไม่ขอวิจารณ์ แต่กฎหมายนั้นก็ต้องไปดูในหลักการเหตุผล และรายละเอียดด้วย การเสนอ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมก็เคยมีข้อสังเกตและมีประสบการณ์กันมาแล้ว เพราะตอนที่เกิด พ.ร.บ.นิรโทษกรรมสุดซอย แล้วทำให้บ้านเมืองเสียหายในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา จนกระทั่งถึงปัจจุบันคนก็ยังกลัวกันอยู่ เพราะเริ่มต้นหลักการไม่มีอะไร แต่สุดท้ายก็ไปบานเอาตอนปลาย  จากต้นซอยกลายเป็นสุดซอย จนมีประชาชนออกมาต่อต้านเป็นล้าน เราได้บทเรียนมาแล้ว จึงเป็นเรื่องที่ต้องย้อนกลับไปดูว่าเป็นอย่างไรประกอบการพิจารณา เพราะฉะนั้นต้องตระหนัก ต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ่ พอเหลาลงไปก็กลายเป็นบ้องกัญชา

มีรายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แจ้งว่า จากกรณีที่นายศรีสุวรรณ จรรยา  เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นเรื่องขอให้ กกต.ตรวจสอบพรรคพลังประชารัฐกรณีรับเงินบริจาค 3 ล้านบาทจากนายทุนชาวจีน ซึ่งเป็นเจ้าของสถานบันเทิงชื่อดังย่านยานนาวานั้น ขณะนี้เลขาธิการ กกต.ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง ได้ตั้งคณะทำงานไต่สวนและสืบสวนขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว โดยขั้นตอนการทำงานคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนต้องแสวงหาข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐาน รวมทั้งเรียกผู้ร้องและผู้ถูกร้องมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมภายในกรอบระยะเวลา 30 วัน  แต่หากไม่แล้วเสร็จ คณะกรรมการสืบสวนสอบสวน สามารถขอขยายระยะเวลาออกไปอีก 30 วัน เพื่อรวบรวมข้อมูลเอกสารหลักฐานและพยานให้ครบถ้วน ก่อนจัดทำเป็นความเห็นเสนอต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองและรายงานเข้าที่ประชุม กกต.พิจารณาต่อไป ทั้งนี้ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ  (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง กำหนดเรื่องการรับบริจาคเงินของพรรคการเมืองไว้ว่า ต้องไม่เป็นผู้มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 74 และจำนวนเงินที่บริจาคต้องไม่เกิน 10 ล้านบาท.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

จ่อร้องยุบรัฐบาล! ‘วีระ’ อ้างเป็นกบฏทำ เสียดินแดน / ‘ผบ.ทร.’ ลงพื้นที่เกาะกูด

ผบ.ทร.ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลหน่วยปฏิบัติการเกาะกูด กำชับกำลังพลหากมีเรื่องใดขัดข้องให้รีบแจ้งเพื่อแก้ไข ขณะที่นายอำเภอเกาะกูดลั่นเป็นของไทยมากว่า