หึ่ง!การเมืองเอี่ยวผับค้ายา-บ่อนพนัน

“เลขาฯ ป.ป.ส.” สั่งยกเลิกบัตร ป.ป.ส.ปลัดฉาวรีดทรัพย์แก๊งค้ายาสงขลา ฮึ่ม! ฟัน จนท.รัฐเอี่ยวยาเสพติดเด็ดขาด “อัยการ” ยื่นฟ้องนักท่องเที่ยวจีนเสพยาผับดังยานนาวา “ชูวิทย์” แฉแหลกผับจีนเปิดบังหน้า เบื้องหลังศูนย์เหรียญ ค้ายา-บ่อนพนัน มีนักการเมืองใหญ่คุ้มครอง ส่งเงินให้กลุ่มการเมือง แถมมีอีกหลายแห่ง เผยส่งข้อมูลให้ “บิ๊กโจ๊ก” แล้ว “รอง ผบ.ตร.” รับลูกเร่งขยายผล “สมศักดิ์" รับเจ้าของผับฉาวเคยบริจาคเข้า พปชร. 3 ล้านปี 64 “บิ๊กตู่” ปัดตอบเรื่องเสี่ยอ่างแฉ “ตร.” เต้นลุยกวาดล้างยาเสพติด-อาวุธปืน-สถานบันเทิงผิด กม.

เมื่อวันที่​ 27 ต.ค. นายวิชัย ไชยมงคล  เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (เลขาฯ ป.ป.ส.) กล่าวถึงกรณีปลัดอำเภอและอาสารักษาดินแดน หรือ อส.ชุดปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติดจังหวัดสงขลา รวม 6 นาย เรียกรับผลประโยชน์จากแก๊งค้ายาเสพติดว่า ปลัดอำเภอหรือเจ้าพนักงานปกครองชำนาญการ เป็นผู้ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. จะต้องปฏิบัติหน้าที่ภายใต้กฎหมายและระเบียบที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด อาทิ ก่อนการปฏิบัติหน้าที่จะต้องแสดงบัตรประจำตัวทุกครั้งก่อนปฏิบัติหน้าที่ การจับบุคคลจะต้องแจ้งข้อกล่าวหาและรายละเอียดแห่งการจับให้ผู้ถูกจับทราบโดยไม่ชักช้า และจะต้องเอาตัวผู้ถูกจับไปยังที่ทำการของเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. หรือส่งตัวผู้ถูกจับไปยังที่ทำการของพนักงานสอบสวนโดยทันที หากจะใช้อำนาจควบคุมตัวผู้ถูกจับ เพื่อสืบสวนสอบสวนก็สามารถดำเนินการได้ โดยผู้ใช้อำนาจควบคุมตัวจะต้องเป็นผู้เดียวกับที่ใช้อำนาจจับกุมโดยสามารถควบคุมตัวเพื่อขยายผลไม่เกิน 3 วัน และต้องแจ้งผู้บังคับบัญชารับทราบ ภายหลังจากมีการใช้อำนาจดังกล่าวแล้วจะต้องรายงานให้เลขาธิการ ป.ป.ส.ทราบภายในระยะเวลา 15 วัน

นายวิชัยกล่าวว่า เมื่อพบมีการปฏิบัติหน้าที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องกำหนดไว้ เลขาธิการ ป.ป.ส. จึงได้มีคำสั่งยกเลิกการแต่งตั้งเป็นเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ซึ่งหน่วยงานต้นสังกัดจะได้ดำเนินการทางวินัยและคดีอาญาต่อไป

 “ในปี 2565 (1 ต.ค. 64-30 ก.ย.65) ที่ผ่านมา พบเรื่องร้องเรียนเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดจำนวน 323 เรื่อง ตรวจสอบแล้วจำนวน 249 เรื่อง จับกุมผู้ต้องหาที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐในความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดรวม 27 ราย ยึดทรัพย์สินรวมมูลค่า 33 ล้านบาท ผมได้เร่งดำเนินการต่อเจ้าหน้าที่รัฐที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดทุกกรณีไม่มียกเว้น ซึ่งคดีนี้ผู้เสียหายที่ถูกอุ้มยืนยันว่าจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด และทุกข้อที่เข้าข่ายความผิด” เลขาฯ ป.ป.ส.กล่าว

ขณะที่นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เดินทางมาที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ทำเนียบรัฐบาล ยื่นหนังสือถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ขอให้ปลดเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) กรณีทำหน้าที่ปราบปรามยาเสพติดล้มเหลวทุกด้าน

 “การแพร่ระบาดของยาเสพติดทุกอย่าง ขึ้นอยู่กับเจ้าหน้าที่รัฐ บางกรณีเมื่อนักการเมืองระดับชาติเข้าไปเกี่ยวข้อง จะทำให้เจ้าหน้าที่รู้สึกเกรงกลัว จึงปราบปรามยาเสพติดยาก ดังนั้นเลขาธิการ ป.ป.ส.ต้องรับผิดชอบ และอยากให้เลือกคนมาปฏิบัติหน้าที่แทน” นายอัจฉริยะกล่าว

จากนั้นนายอัจฉริยะเดินทางไปที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ยื่นหนังสือถึง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้บังคับการปราบปรามปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ผบก.ปปป.) ให้ดำเนินคดีกับคณะกรรมการฯ ของทหารเรือสอบ จ.อ.อนุชิต มะลิหอม หรือจ่ากุ้ง ที่ยอมรับสารภาพมีการค้ายาบ้า วันที่ 10 ม.ค.64 ยาบ้า 2 ล้านเม็ด ยาไอซ์ 116 กก. และเคตามีน 40 กก. ลักลอบขนยาเข้าประเทศมากกว่า 10 ครั้ง ไม่น้อยกว่า 20 ล้านเม็ด ยาไอซ์ไม่น้อยกว่า 2 ตัน แต่คณะกรรมการฯ มีการปล่อยตัวจ่ากุ้งให้หลบหนีแล้วมาค้ายาต่อ กระทั่งปัจจุบันยังค้ายาไม่เลิก

ชูวิทย์แฉผับเปิดบังหน้า

ที่สำนักงานอัยการสูงสุด นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึงคดีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสนธิกำลังหลายหน่วยงานบุกทลายผับใหญ่ย่านสาทร ซึ่งลักลอบเปิดโดยผิดกฎหมาย ภายในพบนักท่องเที่ยวหลายร้อยคนและยาเสพติดอีกจำนวนมากว่า ได้รับทราบจากนายชิงชัย โชติแสง อัยการพิเศษฝ่ายคดีแขวง 4 ระบุวันนี้นักท่องเที่ยวผับชาวจีนจำนวน 60 ราย ซึ่งตรวจพบสารเสพติดได้เดินทางมารายงานตัวกับพนักงานอัยการ และพนักงานอัยการได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งยื่นฟ้องด้วยวาจาต่อศาลเเขวงพระนครใต้

ต่อมาช่วงเย็น นายโกศลวัฒน์กล่าวว่า เดิมพนักงานสอบสวนแจ้งว่าจะมาส่งผู้ต้องหาให้อัยการฟ้องด้วยวาจา 60-80 คน เเต่มีบางรายปฏิเสธ ก็มีเหลือที่รับสารภาพเเละจะนำมาฟ้องวาจา 48 คน เเต่พอมาถึงศาลแล้วผู้ต้องหาเปลี่ยนใจให้การปฏิเสธ เหลือรับสารภาพแค่ 7 คน เป็นคนไทย 2 คน ในส่วนผู้ต้องหาที่ปฏิเสธพนักงานสอบสวนจึงจะทำสำนวนมาส่งดำเนินคดีต่อไป ส่วนผู้ต้องหาที่รับสภาพอยู่ระหว่างรอศาลตัดสินคดี

 “ในวันที่ 28 ต.ค. ทาง ตม.จะส่งผู้ต้องหาอีก 40 รายที่อยู่เกินวีซ่าเเละไม่ได้รับอนุญาตเข้าประเทศให้อัยการยื่นฟ้องต่อศาลอีกชุดหนึ่ง” รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดกล่าว

พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) กล่าวถึงความคืบหน้าการขยายผลคดีจับกุมสถานบันเทิงย่านยานนาวา และพบมีการลักลอบจำหน่ายยาเสพติดให้กับกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ส่วนใหญ่เป็นชาวจีนว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างเร่งตรวจสอบรถทุกคันที่ตรวจยึดได้ว่าเป็นรถที่ถูกกฎหมายหรือไม่ รวมถึงตรวจสอบการซื้อขายรถ เนื่องจากพบสัญญาซื้อขายในที่เกิดเหตุ ทั้งนี้ รถที่ตรวจพบส่วนใหญ่เป็นรถส่วนบุคคล รถเช่า และรถรับจ้างรับ-ส่งคนจีน

“เรายังได้ตรวจสอบผับดังกล่าวมีความเชื่อมโยงกับผับชื่อดังย่านสุทธิสารหรือไม่ ซึ่งขณะนี้กำลังตรวจสอบชื่อเจ้าของผับที่แท้จริง” รอง ผบช.น.กล่าว

วันเดียวกัน นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย ผู้คร่ำหวอดวงการธุรกิจสีเทา แถลงถึงการจับกุมผับขนาดใหญ่ย่านยานนาวาว่า สถานบันเทิงแบบนี้จะรับลูกค้าที่เป็นคนจีนเท่านั้น มีการรับฝากยาเสพติดที่เสพไม่หมด ไม่ต้องเสี่ยงเจอด่านตรวจตำรวจ อีกทั้งสถานบันเทิงดังกล่าวไม่ได้เป็นแค่เพียงผับ แต่ยังเปิดเป็นบ่อนการพนันด้วย แถมยังนำน้ำดื่ม สุรา บุหรี่ นำเข้ามาจากประเทศจีน จ้างคนจีนเป็นเด็กเสิร์ฟ จึงเรียกสถานบันเทิงประเภทนี้ว่าผับศูนย์เหรียญ คือเจ้าของเป็นคนจีน ของทุกอย่างมาจากประเทศจีนหมด เข้ามาทำธุรกิจสีเทาอย่างยิ่งใหญ่ในประเทศไทย เรียกว่าไม่เกรงใจคนไทยเลยแม้แต่น้อย เพราะนายทุนจีนชอบจ่ายหนักให้กับเจ้าหน้าที่รัฐ เลยสามารถเปิดธุรกิจสีเทาได้อย่างเต็มที่ ซึ่งเท่าที่ทราบมีอยู่ในย่านรัชดาภิเษก, สุทธิสาร, ห้วยขวาง, พระราม 2 และพัทยา

“ขบวนการเหล่านี้มีเจ้าพ่อเมืองหลวง ซึ่งเป็นนักการเมืองใหญ่ให้ความคุ้มครอง ทำหน้าที่หาเงินสีเทาเพื่อเอาไปให้กลุ่มการเมือง เพื่อเป็นทุนในการใช้เลือกตั้งในครั้งต่อไป ซึ่งมีข้อมูลเกี่ยวกับขบวนการนายทุนจีนสีเทาและคนรับเงินผลประโยชน์ที่ตำรวจต้องรู้ไว้เพื่อปราบปราม โดยจะนำข้อมูลดังกล่าวให้แก่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ซึ่ง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ก็ตอบรับ ยินดีนำข้อมูลไปตรวจสอบ และยืนยันจะดำเนินการปราบปรามอย่างจริงจัง” นายชูวิทย์กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชูวิทย์ได้โพสต์คลิปวิดีโอบ่อนกลางกรุง ระบุเป็นที่เดียวกับผับที่จับชาวจีนมั่วยา พร้อมระบุว่าหากไม่ตั้งศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมจีนอย่างที่แนะนำไป จะต้องปวดเศียรเวียนเกล้ากับแก๊งกุมารมังกรจีน เมืองไทยคือเป้าหมายหลัก เพราะความอ่อนแอของระบบราชการ คอร์รัปชัน ต่อไปจะเป็นศูนย์กลางของอาชญากรรมจีนที่แฝงตัวเข้ามาทุกรูปแบบ

“คลิปนี้สังเกตดูที่พื้นพรม ผนัง เพดาน แท้จริงแล้วคือสถานที่เดียวกันกับผับอัปยาพื้นที่ สน.ยานนาวา ที่ตำรวจเพิ่งบุกไปรวบพร้อมยาเสพติดเมื่อคืนวาน (ภาพเปรียบเทียบอยู่ในคอมเมนต์ใต้โพสต์) สภาพเป็นบ่อนสมบูรณ์แบบ คนเล่นพูดภาษาจีน พนักงานเป็นคนจีน แต่โต๊ะกับอุปกรณ์ถูกขนออกไปเพียง 1 วันก่อนตำรวจบุกจับ เพราะมีพรายกระซิบ ไม่งั้นงานนี้ป่นปี้มากกว่าเดิม เพราะครบวงจรทั้งบ่อน ผับ ยา สถานที่แบบนี้เป็นแหล่งอาชญากรรมซ่องสุมของคนจีนโดยเฉพาะ ทั้งเสพทั้งค้ายาเสพติด โดยแยกออกจากคนไทยเพื่อให้แน่ใจว่าปิดปากได้ 100%”นายชูวิทย์ระบุ

ตร.เต้นเร่งขยายผลเอาผิด

ด้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ยอมรับว่า นายชูวิทย์ได้โทรศัพท์แจ้งว่าจะส่งข้อมูลมาให้ ซึ่งคาดว่าวันนี้ข้อมูลดังกล่าวจะมาถึงตน ซึ่งจะเร่งดำเนินการตรวจสอบโดยเร็วที่สุด

 “วันนี้ต้องแยกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกเกี่ยวกับการกระทำผิดของคนจีนที่เข้ามาทำธุรกิจในลักษณะให้มีการฝากยาเสพติดได้ อันนี้ถือว่าหนักหนาสาหัสแล้ว ยังมีลักษณะเป็นบ่อนการพนัน แล้วก็มีผู้เสียชีวิตจากยาเสพติด อีกส่วนเป็นเรื่องเกี่ยวกับ ผกก.สถานีตำรวจท้องที่ รอง ผกก.ปราบปราม ต้องตรวจสอบว่าอยู่อย่างไรทำไมไม่รู้ ทั้งที่มีการเปิดกันมานานแล้ว คาดว่าจะใช้เวลาไม่นาน” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าว

ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรค พปชร. กล่าวถึงการตรวจสอบกรณีที่มีข่าวนายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ ซึ่งมีกระแสข่าวว่าอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการบุกทลายผับดังย่านยานนาวา มีชื่อบริจาคเงินให้พรรค พปชร. 3 ล้านบาท เมื่อปี 2564 ว่ายอมรับเมื่อปี 64 ได้มีการบริจาคเงินให้กับพรรคประมาณ 3 ล้านบาทจริง ซึ่งการที่บุคคลจะบริจาคเงินให้กับพรรค ทางพรรคก็ไม่สามารถที่จะรู้รายละเอียดส่วนลึกของแต่ละบุคคลได้ เราตรวจดูว่าเงินมาในรูปแบบที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้กำหนดไว้ ซึ่งถูกต้องครบถ้วน ส่วนเป็นบุคคลไหนอย่างไร เราไม่มีเวลาที่จะไปตรวจสอบได้ เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่บ้านเมืองที่ว่ากันไปตามข้อเท็จจริง

 “เงินนี้เข้ามาตามตรอกออกตามประตู เราก็ไม่ได้คิดว่าได้เงินมาจากไหนอย่างไร ส่วนที่กำลังจะมีการเลือกตั้ง ก็เป็นไปตามระเบียบที่ กกต.วางไว้ว่าเรื่องการบริจาคต้องมีคุณสมบัติอย่างไร อันนี้เขาไม่ได้ผิด” นายสมศักดิ์กล่าว

ถามว่า รู้จักกับนายชัยณัฐร์เป็นการส่วนตัวใช่หรือไม่ นายสมศักดิ์ยืนยันไม่รู้จักเป็นการส่วนตัวแน่นอน

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายหลังการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่ 10/2565 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ปฏิเสธตอบคำถามกรณีนายชูวิทย์ออกมาเปิดเผยถึงกลุ่มนายทุนธุรกิจชาวจีนสีเทาเปิดสถานบันเทิงมั่วสุมยาเสพติด ในรูปแบบผับศูนย์เหรียญมีการเชื่อมโยงกับเจ้าพ่อเมืองหลวงนักการเมืองใหญ่คุ้มครอง โดยนายกฯ ได้แต่เพียงพยักหน้าเท่านั้น และเดินทางกลับในทันที

พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงว่า พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้มีหนังสือสั่งการไปแล้วให้ทุกภาคส่วนระดมกวาดล้าง อาจจะทำอาวุธปืน ยาเสพติด ลงไปยังพื้นที่กลุ่มเสี่ยงและบุคคลผู้มีอิทธิพล รวมทั้งผู้ติดตามผู้มีอิทธิพล เอกซเรย์พื้นที่ดำเนินการตรวจการจับกุมและให้รายงานผลการปฏิบัติให้

 “ส่วนเรื่องสถานบริการที่มีปัญหา ผบ.ตร.ก็ได้สั่งขยายผลไปจนถึงผู้ดำเนินการตามกฎหมายที่มีอยู่ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของคำสั่งหัวหน้า คสช. การปิดสถานบริการ ทุกอย่างต้องบังคับใช้กฎหมายให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด ถ้ากระทำผิดกฎหมายเปิดก็จับ” โฆษก ตร.กล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อวยทักษิณชนะนายกอบจ.

"ภูมิธรรม" โว พท.ชนะนายก อบจ.อุดรฯ เป็นเรื่องธรรมดา เหตุ ปชช.ยังรัก “ทักษิณ” ชอบผลงานที่ทำมา