มท.1 ลั่นต้องว่าไปตามกฎหมาย หลังศาลออกหมายจับปลัดและ อส.รวม 6 คน เรียกรับผลประโยชน์ผู้ต้องหาค้ายาเสพติด โฆษก มท.ยังไม่คาดโทษผู้ว่าฯ สงขลา ยันให้ความร่วมมือตำรวจเต็มที่ "บิ๊กโจ๊ก" ลงพื้นที่ เผยผลการสอบสวนพบปลัดและ อส.แต่งเรื่องพร้อมแจ้งดำเนินคดี ม.157 และเข้าข่ายความผิดให้การเท็จ ส่วนผู้ต้องหาเข้ามอบตัวแล้ว ยังตามล่าแก๊งค้ายาอีก 3 ราย “ผบ.ตร.” กำชับตำรวจต้องกวาดบ้านตัวเองให้สะอาด ใครยุ่งเกี่ยวฟันทั้งอาญา-วินัย เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ชี้โทษถึงประหาร
ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 25 ตุลาคม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงเหตุการณ์ ออกหมายจับปลัดและ อส.รวม 6 คน เรียกรับผลประโยชน์ไม่ดำเนินคดีผู้ต้องหาค้ายาเสพติด ต่อรองแลกเปลี่ยนผู้ต้องหาในจังหวัดสงขลาว่า "ทุกอย่างจะต้องเป็นไปตามกฎหมาย"
ด้านนายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย (มท.) ในฐานะโฆษก มท. กล่าวว่า เมื่อศาลได้ออกหมายจับก็เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ส่วนก่อนหน้านี้รัฐบาลประกาศคาดโทษข้าราชการที่ไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติดนั้น เป็นเรื่องที่ผู้ว่าราชการจังหวัดจะต้องรับผิดชอบ เนื่องจากเป็นหน่วยที่อยู่ภายใต้การบังคับบัญชา เมื่อผู้ใต้บังคับบัญชาถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิด ก็เป็นหน้าที่ของผู้บังคับบัญชาที่จะต้องว่าไปตามกระบวนการยุติธรรมและตั้งคณะกรรมการสอบสวน เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงก็ต้องมีการลงโทษทางวินัย โดยไม่ต้องรอในเรื่องของกระบวนการยุติธรรม ส่วนคดีอาญาที่ถูกกล่าวหาก็ว่าไปตามขั้นตอนของพนักงานสอบสวนและอัยการ
"กระทรวงมหาดไทยจะให้ความร่วมมือกับตำรวจอย่างเต็มที่ เพราะทุกเรื่องเมื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้วก็ต้องให้ความร่วมมือกับผู้ที่มีหน้าที่ ขณะเดียวกันจะมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยด้วย อย่างไรก็ตาม ยังไม่ได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนผู้ว่าฯเนื่องจากยังไม่ปรากฏว่าเป็นความบกพร่องจากผู้ว่าฯ" นายชัยวัฒน์กล่าว
วันเดียวกัน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ลงพื้นที่ไปยัง สภ.รัตภูมิ จ.สงขลา เพื่อติดตามความคืบหน้าคดี พร้อมกับแถลงความคืบหน้า โดยเปิดเผยว่า ในทางการสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน พบว่าทีมปลัดและ อส.แต่งเรื่องขึ้นมา ไม่ใช่เรื่องจริง ไม่ได้มีการทำงานขยายผลเรื่องยาเสพติด แต่นำตัวผู้ต้องหาไปแลกกับเงิน ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ข้อมูลจากโทรศัพท์มือถือที่ อส.ได้ลบทิ้งไป พบว่ามีการเรียกเงิน 1 ล้าน แต่ต่อรองเหลือ 2 แสน ยาไอซ์อีก 8 กิโลกรัม มูลค่า 8 แสนบาท เพื่อรวมกันแล้วก็มีมูลค่า 1 ล้านบาท ซึ่งเจ้าหน้าที่มีทั้งพยานและหลักฐานชัดเจนเพียงพอจึงขออนุมัติศาลทุจริตภาค 9 ออกหมายจับปลัดและ อส.ทั้ง 6 นาย เบื้องต้นได้แจ้งข้อหาตามมาตรา 157 เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ รวมถึงเตรียมแจ้งข้อหาให้การเท็จและปลอมแปลงป้ายทะเบียนรถยนต์ และหากผลการสอบสวนพบว่าเข้าข่ายความผิดใดอีก ก็จะแจ้งข้อหาเพิ่มเติม หลักๆ ตอนนี้ที่เข้าข่ายพบการกระทำผิดมีเพียง 3 ข้อหาและจะตรวจสอบเส้นทางการเงินและข้อมูลการใช้โทรศัพท์เพิ่มเติม
รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า ในวันนี้ปลัด และ อส.ทั้ง 6 นายได้เข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวนแล้ว และกำลังอยู่ระหว่างการสอบปากคำ ทั้งนี้ การจับกุม นายธนกร ผู้ต้องหายาเสพติดพร้อมยาบ้า 2 หมื่นเม็ดเป็นการจับจริง แต่หลังจากนั้นเอาตัวไปต่อเรื่องเรียกเงินและยาไอซ์ ส่วนผู้ต้องหาแก๊งยาเสพติดที่ร่วมกันก่อเหตุ ขณะนี้ยังมีที่ยังหลบหนีอยู่อีก 3 คน และตำรวจกำลังติดตามจับกุมรวมทั้งปืนของปลัดและ อส.ที่ถูกชิงไปอีก 5 กระบอก และทางการสอบสวนไม่พบว่ามีเจ้าหน้าที่หน่วยอื่นเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง มีเพียงคดีนี้ ฝ่ายตำรวจก็ดำเนินคดีอาญา ส่วนมหาดไทยก็จะดำเนินการวินัยอย่างตรงไปตรงมา และทั้งฝ่ายตำรวจและฝ่ายปกครองไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน
ด้าน พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. กล่าวว่า ในการออกหมายจับมีพยานหลักฐาน พยานบุคคล พยานเอกสารที่เจ้าหน้าที่รวบรวมและศาลเชื่อว่าเป็นผู้กระทำผิดในการเรียกรับผลประโยชน์จากกลุ่มผู้ค้ายาเสพติด เป็นความผิด ม.149 และ 157 ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หลักฐานเพียงพอ และศาลได้อนุมัติหมายจับ ทั้งนี้ คงไม่ได้จัดฉาก คนที่ถูกออกหมายจับก็เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีอำนาจในการจับกุมยาเสพติด โดยเฉพาะมีบัตร ป.ป.ส. มีอำนาจในการควบคุมตัวได้นาน มีการขยาย แต่การขยายผลมีหลักฐานการเชื่อมโยงเรียกรับผลประโยชน์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็ได้สั่งการแล้ว โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ของรัฐมีหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย ต้องทำอย่างตรงไปตรงมา ถ้าทำผิดเสียเองก็ต้องถูกดำเนินคดีทั้งวินัยและอาญาอย่างเคร่งครัด ตำรวจก็ต้องกวาดบ้านตัวเอง ถ้าใครพัวพันเกี่ยวกับยาเสพติดหรือสิ่งผิดกฎหมาย ก็ต้องดำเนินการคดีอาญาและวินัย
ที่ จ.สงขลา มีรายงานว่าศาลจังหวัดสงขลาได้ออกหมายจับปลัดและ อส.ทั้ง 6 นายแล้ว ซึ่งเป็นชุดปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติดจังหวัดสงขลา ประกอบด้วย จ่าเอกไพรัช แก้วมณี ปลัดอำเภอหัวหน้าชุด, นายหมู่เอกเฉลิมศักดิ์ ทองแจ้ง, นายหมู่ตรีพิษณุ รัตนอุไร, สมาชิกเอกสุทธิพงษ์ สุวรรณชาตรี, สมาชิกเลิศฤทธิ์ ไชยพฤกษ์กุล และสมาชิกอดิศักดิ์ หวังนิ ในข้อหาหรือฐานความผิด "ร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันกระทำความผิด เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต"
หลังจากที่ผลการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้ต่างให้การสอดคล้องกันว่าปลัดไพรัชและ อส.ได้เรียกรับผลประโยชน์เพื่อแลกกับการไม่ดำเนินคดีอาญากับนายธนกร สุวรรณชนะ ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่ชุดนี้จับกุม โดยให้นายธนกรติดต่อญาติให้นำเงินจำนวน 1 ล้านบาท หรือยาบ้า 100 มัด รวม 2 แสนเม็ด หรือยาไอซ์ 10 กิโลกรัมมาแลกตัว ซึ่งเจ้าหน้าที่มีหลักฐานสำคัญที่พบว่าทั้งปลัดไพรัชและ อส.ชุดนี้เรียกรับผลประโยชน์แลกกับการปล่อยตัวผู้ต้องหา ทั้งข้อมูลที่มีการเจรจาต่อรองผ่านแอปพลิเคชันไลน์ของผู้ต้องหา และเบอร์โทรศัพท์ของปลัดไพรัช ที่ใช้ติดต่อพูดคุยกัน ก่อนที่จะมีการนัดหมายแลกตัวผู้ต้องหากันในคืนเกิดเหตุ จึงเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมมีพฤติการณ์เรียกรับเงิน และปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ พนักงานสอบสวน จึงได้ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขออนุมัติออกหมายจับปลัดไพรัชและ อส.รวม 6 นาย
วันเดียวกัน เวลา 08.30 น. ตำรวจ สภ.รัตภูมิ ได้ควบคุมตัวนายโชคนิมิตร จิตการุณ อายุ 39 ปี หรือจอร์ท หนึ่งในหกผู้ต้องหาในคดีนี้ ไปฝากขังผลัดแรกที่ศาล จ.สงขลา หลังจากที่ได้เข้ามอบตัวเมื่อวันที่ 23 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยเจ้าตัวไม่พูดถึงรายละเอียดของเหตุการณ์นี้ แต่ยืนยันว่าตัวเองไม่มีส่วนรู้เห็นและไม่ได้ร่วมก่อเหตุ วันเกิดเหตุเพียงแค่นั่งรถไปด้วยเท่านั้น ในส่วนของผู้ต้องหาอีก 3 คนสุดท้ายที่ยังอยู่ระหว่างการหลบหนีแม้ว่าก่อนหน้านี้ได้ประสานญาติติดต่อเข้ามอบตัว แต่ขณะนี้ก็ยังไร้วี่แวว
เมื่อช่วงบ่าย เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ภาค 9 และ ป.ป.ช.จ.สงขลา เดินทางมายัง สภ.รัตภูมิ เพื่อติดตามการสอบสวนของฝ่ายตำรวจ เนื่องจากผู้กระทำผิดเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งจะต้องส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.ดำเนินการเอาผิด โดยเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.เปิดเผยว่า คดีนี้ทางพนักงานสอบสวนจะต้องส่งสำนวนคดีให้ ป.ป.ช.ภายใน 30 วัน และ ป.ป.ช.จะรับเรื่องมาสอบสวนและตรวจสอบข้อเท็จจริง หากพบว่ากระทำผิดจริง ก็จะถูกดำเนินคดี มีโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปีถึง 20 ปี และมีโทษสูงสุดถึงขั้นประหารชีวิต
ที่กองบัญชาการกองทัพเรือ (พระราชวังเดิม) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้นำหลักฐานเอกสารพร้อมแผนผังขบวนการค้ายาเสพติดมากกว่า 20 ล้านเม็ด โดยมีการลำเลียงเข้ามาในพื้นที่กรุงเทพฯ มากกว่า 10 ครั้ง ซึ่งมีกำลังพลของกองทัพเรือเข้าไปเกี่ยวข้อง มายื่นให้ ผบ.ทร.ได้ตรวจสอบกรณีดังกล่าว โดยมี น.อ.ปารัช รัตนไชยพันธ์ รองเลขานุการกองทัพเรือ เป็นผู้รับเรื่องร้องเรียนเพื่อดำเนินการต่อไป
ด้านนายอัจฉริยะกล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นเกี่ยวข้องกับทหารนายหนึ่งที่ชื่อว่า จ.อ.กุ้ง ถูกจับกุมคดียาเสพติดเมื่อปี 2564 ครั้งนั้นเจ้าตัวได้รับสารภาพต่อคณะกรรมการของ ทร. ต้นสังกัดจึงมีคำสั่งให้ จ.อ.กุ้งออกจากราชการไปแล้ว ต่อมาเมื่อวันที่ 17 ก.ค.65 ทางกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี (ทบ.) ได้ทำการจับกุม จ.อ.กุ้ง พร้อมของกลางยาเสพติดได้ที่ อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย ระหว่างการควบคุมตัว ทาง จ.อ.กุ้งได้อ้างตัวกับ จ.ส.อ.นิกกี้ ชุดจับกุม ซึ่งเป็นทหารสังกัดกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี ว่าตัวเองเป็นกำลังพลสังกัด นรข.หนองคาย จากนั้นยังได้ต่อโทรศัพท์ไลน์ไปหานายทหารชั้นผู้ใหญ่ใน นรข.อำเภอศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย ซึ่งปลายสายได้แจ้งกับ จ.ส.อ.นิกกี้ด้วยว่าให้ปล่อยตัว จ.อ.กุ้งไป ตนได้ส่งรายชื่อผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดให้ ผบ.ทร. เพื่อดำเนินการตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง และขอให้สั่งพักข้าราชการที่เกี่ยวข้องจนกว่าจะสอบสวนเสร็จสิ้น
ที่ด้านหน้ากองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) นายอัจฉริยะได้มายื่นหนังสือถึง พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. ให้ตรวจสอบกำลังพลกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี 3 นาย โดยหนึ่งในนั้นคือ จ.ส.อ.ยุทธนา หรือ จ.ส.อ.นิกกี้ ซึ่งมีพฤติกรรมช่วยเหลือ จ.อ.กุ้ง ผู้ต้องหาหนีคดียาเสพติด โดยก่อนหน้านี้ตนได้ยื่นดำเนินคดีให้กับทางกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ป.ป.ป.) สอบเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 นาย แต่เมื่อมีการเชิญตัวไปแล้วทั้ง 3 นายไม่ได้มาให้ปากคำ เชื่อว่าถ้าอยากรู้ว่าใครเป็นตัวการใหญ่ขบวนค้ายาเสพติด ก็ต้องนำตัว จ.ส.อ.นิกกี้มาให้ข้อมูลให้ได้ จึงอยากให้ ผบ.ทบ.สอบสวนเรื่องนี้อย่างจริงจัง และนำตัว จ.ส.อ.นิกกี้มาส่งให้ ป.ป.ป.สอบสวน เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ว่าทาง กกล.สุรศักดิ์มนตรีไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เร่งเบิกงบลงทุน ขีดเส้นให้ได้80% กระตุ้นเศรษฐกิจ
นายกฯ อิ๊งค์นั่งหัวโต๊ะประชุมหัวหน้าส่วนราชการ บี้เร่งรัดเบิกจ่ายงบลงทุน 9.6 แสนล้าน
‘เวชระเบียน’หลอนทักษิณ โยนรพ.ตำรวจมอบให้ปปช.
นายกฯ พยักหน้ารับปม "ป.ป.ช." ทวงถามเวชระเบียนรักษาตัว
เพิ่มข้อหาแชร์ลูกโซ่18บอส จ่อหมายจับ‘ตั้ม’โกงเจ๊อ้อย
"ดีเอสไอ" แจ้งข้อหาเพิ่ม 18 บอสดิไอคอน คดีแชร์ลูกโซ่-ขายตรง
หึ่ง!เปลี่ยน‘พงษ์ภาณุ’แทน‘โต้ง’
“คปท.-ศปปส.-กองทัพธรรม” ลุกฮือ ยื่นหนังสือค้านคัดเลือกประธานบอร์ดแบงก์ชาติ
กอดMOUเจรจาเขมร ‘อิ๊งค์’หวั่นโดนฟ้องยันเดินหน้าแบ่งเค้ก/กต.แจงมีข้อดีกว่าเสีย
นายกฯ อิ๊งค์ลั่นเป็นคนไทย 100% ประเทศต้องมาก่อน ยืนยันจะรักษาแผ่นดินไทยไว้อย่างเต็มที่
ปชน.หนุนพท.ลักไก่ประชามติ
นายกฯ เรียกแกนนำรัฐบาลถกแก้ รธน. 4 พ.ย.นี้ ปธ.วิปรัฐบาลรับหาก