ประยุทธ์เกาะติด จัดเตรียม‘เอเปก’ จ่อดันอาหารไทย

“โฆษกรัฐบาล” ยันบิ๊กตู่เกาะติดการเตรียมความพร้อมเจ้าภาพเอเปก 31 ต.ค. นั่งหัวโต๊ะประชุมชุดใหญ่ “อนุชา” เตรียมชงซูเปอร์ฟู้ดในวงประชุม บอกเป็นซอฟต์เพาเวอร์ที่ไทยจะอวดโฉมในเวทีโลก “สมช.-ตร.” ลั่นคุมความปลอดภัยทุกระดับ

เมื่อวันศุกร์ที่ 21 ตุลาคม นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ติดตามสั่งการเตรียมการเจ้าภาพประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก ครั้งที่ 29 หรือเอเปก 2565 อย่างต่อเนื่อง ซึ่งการเตรียมต้อนรับผู้นำเขตเศรษฐกิจนั้น นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ได้เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการด้านพิธีการและอำนวยการเพื่อเตรียมการจัดการประชุมผู้นำเอเปกและการประชุมที่เกี่ยวข้อง โดยมีรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม

นายอนุชากล่าวว่า ที่ประชุมได้มอบหมายหน้าที่ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้การเป็นเจ้าภาพการประชุมของไทยเป็นไปอย่างเรียบร้อย เหมาะสม  และสร้างความประทับใจแก่ผู้นำเขตเศรษฐกิจที่จะเดินทางมาร่วมประชุมในประเด็นต่างๆ ที่สำคัญและเกี่ยวข้อง เช่น คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้วันที่ 16-18 พ.ย.2565 เป็นวันหยุดราชการเป็นกรณีพิเศษเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ, กระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดฝึกซ้อมการต้อนรับต่างๆ, กระทรวงวัฒนธรรมเตรียมการทั้งการแสดงทางวัฒนธรรมในงานเลี้ยงอาหารค่ำ (กาลาดินเนอร์) และของขวัญของที่ระลึก และเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกเพื่อเป็นสัญลักษณ์การเป็นเจ้าภาพเอเปกของไทย

“ในวันจันทร์ที่ 31 ต.ค.2565 นายกฯ จะเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการระดับชาติ เพื่อเตรียมการจัดการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปกและการประชุมที่เกี่ยวข้องอีกด้วย” นายอนุชากล่าว

ด้านนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการด้านการประชาสัมพันธ์ไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปกกล่าวว่า ถือเป็นโอกาสดีที่ไทยจะได้แสดงศักยภาพให้ทั่วโลกได้เห็นว่าไทยมีความสามารถแข่งขันในเวทีโลก โดยเฉพาะอาหารไทยที่สามารถต่อยอดทางธุรกิจและพัฒนาให้มีความเป็นสากล ถือเป็น Soft Power ซึ่งหากเชฟชาวไทยได้มีโอกาส ได้พัฒนาทักษะ ก็จะเป็นหนทางในการสร้างรายได้ ต่อยอดทางธุรกิจ จึงได้มอบหมายให้กรมประชาสัมพันธ์ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการด้านการประชาสัมพันธ์ จัดทำโครงการ Future Food for Sustainability ส่งเมนูอาหารอนาคต เทรนด์อาหารยุคใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมผสมผสานกับความเป็นไทย เพื่อเตรียมนำไว้ให้คณะผู้นำเอเปกและชาวต่างชาติได้สัมผัส ในช่วงสัปดาห์การประชุมสุดยอดผู้นำเอเปก ระหว่างวันที่ 14-19 พ.ย.นี้

นายอนุชากล่าวว่า โครงการ Future Food for Sustainability เป็นโครงการประกวดทำอาหารที่เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ที่มีใจรักการทำอาหารได้เข้าร่วมและนำเสนอแนวคิดเมนูอาหารแห่งอนาคตที่ถูกรังสรรค์ด้วยวัตถุดิบไทย โดยมีผู้เข้าร่วมกว่า 2,000 ทีม มีการคัดเลือกผู้เข้าแข่งขันแต่ละรอบ อาทิ รอบการคัดกรองแนวคิด รอบการเข้าแคมป์พัฒนาศักยภาพ และรอบกิจกรรมแข่งทำอาหาร จนกระทั่งได้ทีมชนะเลิศในที่สุด

 “ไทยเรามีชื่อเสียงระดับนานาชาติว่าเป็นครัวของโลก อาหารไทยจึงเป็น Soft Power ที่จะพาคนไทยให้ทั่วโลกได้รู้จักและต่อยอดการพัฒนาด้านอื่น” นายอนุชากล่าว

ขณะที่ พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยในช่วงการประชุมเอเปกว่า กำลังดำเนินการอยู่ไม่ต้องเป็นห่วง โดยได้จัดเตรียมแผนไว้หมดแล้ว ส่วนเรื่องข้อมูลข่าวสารต่างๆ มีมาตลอด เราระมัดระวังทุกเรื่อง

เมื่อถามว่า ต้องดูแลบุคคลสำคัญคนใดเป็นพิเศษหรือไม่ พล.อ.สุพจน์กล่าวว่า ไม่มี ดูทุกคนทุกมิติ สแกนละเอียดยิบ ซึ่งรายละเอียดเดี๋ยวค่อยคุยกันอีกที

ส่วน พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร., พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประชุมเตรียมความพร้อม ซักซ้อมการปฏิบัติด้านการรักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกการจราจรเพื่อเตรียมการจัดการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปกและการประชุมที่เกี่ยวข้องในช่วงที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ

 พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์กล่าวว่า ได้กำหนดแผนการเตรียมการด้านการแพทย์และการสาธารณสุข แผนการสนับสนุนการปฏิบัติในการประชุม ทั้ง กทม., การไฟฟ้านครหลวง, การประปานครหลวง และ บริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) การเตรียมการด้านกำลังพล ยานพาหนะ สิ่งอุปกรณ์ที่ใช้ในการประชุม  งบประมาณและการติดต่อสื่อสารในส่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับมอบหมายให้เป็นหน่วยรับผิดชอบหลักด้านการรักษาความปลอดภัย การจัดขบวนรถผู้นำเขตเศรษฐกิจ และพิธีการคนเข้าเมือง ตลอดจนการสืบสวน ติดตามสถานการณ์ด้านข่าว และการจัดตั้งกองอำนวยการร่วม อำนวยการ ควบคุม สั่งการการปฏิบัติตลอดภารกิจฯ

 “วันนี้เป็นการเก็บรายละเอียดแผนการปฏิบัติและแผนเผชิญเหตุต่างๆ ตลอดจนเป็นการซักซ้อมทำความเข้าใจด้านต่างๆ เพื่อทำงานให้ประสานสอดคล้องกันในห้วงเวลาการปฏิบัติ มีการใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 20,000 นาย หน่วยปฏิบัติและหน่วยสนับสนุนกว่า 30 หน่วยงาน เฝ้าติดตามสถานการณ์ด้านการข่าวทุกด้านอย่างต่อเนื่อง ร่วมมือและประสานการปฏิบัติกับหน่วยงานระหว่างประเทศ และการปฏิบัติที่ชัดเจนอย่างใกล้ชิด จัดตั้งศูนย์ประสานงาน และศูนย์ติดตามสถานการณ์”

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์กล่าวอีกว่า ยังได้กำหนดมาตรการเฝ้าระวังเหตุก่อนการจัดการประชุม การระดมกวาดล้างอาชญากรรม อาวุธปืน ยาเสพติด บุคคลตามหมายจับทุกข้อหา/ฐานความผิด ในห้วงวันที่ 10 ต.ค.-8 พ.ย.2565 กำหนดการซักซ้อมการปฏิบัติเสมือนจริง ในห้วงต้นเดือน พ.ย.2565 ในแผนการป้องกันเหตุร้ายฯ 1-5 พ.ย.2565 ซักซ้อมขบวนรถผู้นำ 7 พ.ย.2565 การซักซ้อมแผนเผชิญเหตุโรงแรม 11-13 พ.ย.2565 ซึ่งภายหลังจากเสร็จสิ้นการประชุมแล้ว จะได้รายงานผลการประชุมให้ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ประธานคณะอนุกรรมการฯ ทราบต่อไป

ผบ.ตร.กล่าวต่อว่า ขอความร่วมมือประชาชนและทุกภาคส่วน ร่วมกันเป็นเจ้าภาพที่ดีในการต้อนรับผู้เข้าร่วมประชุมเขตเศรษฐกิจพิเศษในห้วงวันที่ 14-19 พ.ย.2565 ซึ่งรัฐบาลได้ประกาศหยุดราชการเป็นกรณีพิเศษ ในวันที่ 16- 18 พ.ย.2565 ซึ่งจะทำให้ลดปัญหาด้านการจราจรและเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาความปลอดภัย ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนโปรดแจ้งเบาะแส ข้อมูลข่าวสาร บุคคลหรือสิ่งของต้องสงสัย สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ โทร. 191 หรือ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

งัดกม.กดดันนายกฯ พปชร.อ้างข้อบังคับพรรค ทวงใบกรอกประวัติ‘ป๊อด’

"อุ๊งอิ๊ง" ยังเล่นบทเตมีย์ใบ้ "หมอมิ้ง" ขึงขังไม่ขีดเส้นตายรายชื่อ รมต. แต่ถ้าไม่ส่งก็ถือว่าไม่ส่ง พลิ้วไม่รู้หนังสือ