เลิกเอาผิดไม่สวมแมสก์/BQ.1โผล่

คกก.โรคติดต่อฯ มีมติยกเลิกความผิดไม่สวมหน้ากากอนามัย “อนุทิน”กางแผน 5 ปีรับมือโรคติดต่อ สร้างระบบป้องกัน เฝ้าระวังให้มีประสิทธิภาพ ขณะที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ยันข้อมูล GISAID ไทยพบ BQ.1 จริง แต่ไม่ใช่ตัวเดียวกับ BQ.1.1 สายพันธุ์ต้องเฝ้าระวังร่วมกับ XBB ชี้ทั้งหมดอยู่ในตระกูลโอมิครอน ยังไม่มีความรุนแรง 

เมื่อวันพุธ ที่กระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข   เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ครั้งที่ 8/2565 โดยมี นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข, นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมควบคุมโรค  ผู้บริหารและกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม

โดยนายอนุทินกล่าวว่า ที่ประชุมได้รับทราบความคืบหน้าการบริหารจัดการสถานการณ์โรคโควิด-19 ภายหลังประกาศเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง ซึ่งกำหนดให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กทม. จัดทำและส่งแผนปฏิบัติการควบคุมโรคโควิด-19 รองรับ การเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง รวมถึงมีการซักซ้อมแผนฯ เพื่อรองรับสายพันธุ์ XBB ยืนยันว่ายังมีระบบเฝ้าระวังและติดตามอย่างต่อเนื่อง ส่วนการให้บริการวัคซีนโควิด-19 สะสม 143.5 ล้านโดส โดยเด็กอายุ 6 เดือน-4 ปี ที่เริ่มฉีดตั้งแต่วันที่ 12 ตุลาคม 2565 อยู่ระหว่างการติดตามผล

สำหรับแผนบริหารจัดการวัคซีน ในช่วงเดือนพฤศจิกายน จะมีวัคซีน 5 ล้านโดส สำหรับเป็นเข็มกระตุ้น 2.8 ล้านโดส เด็กอายุ 5-11 ปี 1 ล้านโดส อายุ 12-17 ปี ที่ไม่เคยรับวัคซีนและผู้ที่เคยติดเชื้อ 1 แสนโดส ผู้อายุ 18 ปีขึ้นไปที่ไม่เคยรับวัคซีนและผู้ที่เคยติดเชื้อ 1 แสนโดส และเด็กอายุ 6 เดือน-4 ปี 1 ล้านโดส ส่วนกลุ่ม 608 ที่ฉีดเข็มกระตุ้นเพียง 43.4% จะมีการจัดกิจกรรมรวมพลัง อสม.ส่งต่อภูมิคุ้มกัน ป้องกัน 608 ให้ปลอดภัย โดยจะประชุมมอบนโยบายและแนวทางการเร่งสร้างเสริมภูมิคุ้มกันสู่ 608 ให้ อสม.และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด วันที่ 21 ตุลาคม 2565 โดยใช้กลยุทธ์ อสม.เป็นตัวเชื่อมในการรณรงค์

นายอนุทินกล่าวว่า ที่ประชุมยังมีการพิจารณาเห็นชอบอีก 5 เรื่องสำคัญ คือ 1.ร่างแผนปฏิบัติการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดต่อหรือโรคระบาด พ.ศ. 2566-2570 ตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 เพื่อให้ประเทศไทยมีระบบเฝ้าระวัง  ป้องกันและควบคุมโรคติดต่อที่มีประสิทธิภาพ เป็นกรอบแนวทางการจัดทำแผนฯ ในเขตพื้นที่จังหวัด/กทม. มี 5 ยุทธศาสตร์สำคัญคือ พัฒนานโยบาย มาตรการ กฎหมาย และกลไกการบริหารจัดการการป้องกันควบคุมโรคติดต่อ, พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและยกระดับการเฝ้าระวังป้องกันควบคุมโรคติดต่อ, ยกระดับการจัดการภาวะฉุกเฉินจากโรคติดต่อ, พัฒนากำลังคนและเครือข่ายความร่วมมือระดับชาติและนานาชาติ และพัฒนาการสื่อสารความเสี่ยงและระบบสนับสนุนการป้องกันควบคุมโรคติดต่อ ซึ่งจะเสนอให้คณะรัฐมนตรีเห็นชอบต่อไป

2.ร่างระเบียบคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ เรื่อง ยกเลิกระเบียบคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติว่าด้วยหลักเกณฑ์การเปรียบเทียบความผิด กรณีฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 34 (6)  3.ร่างกฎกระทรวงการจ่ายค่าทดแทนเพื่อชดเชยความเสียหายจากการเฝ้าระวัง การป้องกันและการควบคุมโรคติดต่อ พ.ศ.… ซึ่งกำหนดให้ผู้เสียหายยื่นคำขอต่อสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดหรือสำนักอนามัย กทม. ภายใน 90 วัน นับตั้งแต่รู้ความเสียหาย และรายงานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กทม.ภายใน 7 วัน ซึ่งจะพิจารณาค่าทดแทนชดเชยความเสียหายให้เสร็จภายใน 30 วัน หากค่าทดแทนไม่เกิน 1 แสนบาท จะเสนอไปกรมควบคุมโรคดำเนินการจ่าย หากเกิน 1 แสนบาท เสนอเรื่องไปคณะกรรมการโรคติดต่อชาติพิจารณาจ่าย ซึ่งรายการในการจ่ายค่าทดแทน มีทั้งค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล ค่าฟื้นฟูสมรรถภาพทางร่างกาย ค่าขาดประโยชน์ทำมาหาได้ ผู้เสียหายถึงแก่ความตาย ค่าเสียหายเกิดขึ้นกับทรัพย์สิน เป็นต้น

4.ร่างระเบียบกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยการเบิกจ่ายค่าชดเชยให้แก่เจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติงานด้านการเฝ้าระวัง การสอบสวนโรค การป้องกัน หรือการควบคุมโรคติดต่อหรือโรคระบาด พ.ศ.… เพื่อให้เจ้าหน้าที่ซึ่งติดเชื้อหรือเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวังโรคติดต่ออันตราย โรคระบาดจากการปฏิบัติหน้าที่ ได้รับค่าชดเชย ครอบคลุมทั้งสังกัดส่วนกลาง ภูมิภาค กทม. และส่วนท้องถิ่น โดยกรณีเสียชีวิต/ทุพพลภาพถาวร ได้รับค่าชดเชย 25 เท่าของค่าครองชีพ/เงินเดือน ต้องไม่ต่ำกว่า 4 แสนบาท กรณีสูญเสียอวัยวะ พิการ ได้รับอันตรายสาหัส บาดเจ็บรักษาเกิน 20 วันขึ้นไป ได้รับค่าชดเชย 12.5 เท่าของค่าครองชีพ/เงินเดือน ต้องไม่ต่ำกว่า 2.4 แสนบาท แต่ไม่เกิน 4 แสนบาท และกรณีติดเชื้อและได้รับการรักษาตั้งแต่ 7 วัน แต่ไม่เกิน 20 วัน ได้รับค่าชดเชยไม่เกิน 1 แสนบาท ซึ่งจะใช้งบประมาณ/เงินนอกงบประมาณของกรมควบคุมโรค

และ 5.ร่างระเบียบกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยการชดใช้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการแทนของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ ในกรณีที่ผู้รับคำสั่งจากเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อละเลยไม่ดำเนินการตามคำสั่ง พ.ศ.… หากเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อได้ออกคำสั่งให้ผู้ใดดำเนินการ แล้วผู้นั้นละเลยไม่ดำเนินการในเวลาที่กำหนด เป็นเหตุให้เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อต้องดำเนินการแทนและมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้น ให้ผู้นั้นต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นตามจำนวนที่จ่ายจริง

ด้าน นพ.ธเรศกล่าวว่า ที่ประชุมเห็นชอบร่างระเบียบคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ เรื่องยกเลิกระเบียบคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติว่าด้วยหลักเกณฑ์การเปรียบเทียบความผิด กรณีฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 34 (6) เป็นเรื่องเกี่ยวกับกรณีให้อำนาจจังหวัดในการออกคำสั่งเรื่องการสวมหน้ากากอนามัย เมื่อมีการยกเลิกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน แต่ระเบียบนี้ยังค้างอยู่ จึงยกเลิก ซึ่งไม่ต้องเข้าคณะรัฐมนตรี เพียงแต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขลงนาม และรอประกาศในราชกิจจานุเบกษาได้เลย ใช้เวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์

วันเดียวกัน นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวถึงกรณีศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์รามาธิบดี แจ้งข้อมูลพบโควิด-19 โอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BQ.1 ในประเทศไทยจำนวน 1 รายว่า กรณีที่พบโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BQ.1 เป็นชายต่างชาติอายุ 40 ปี เดินทางมาจากประเทศจีน รักษาที่โรงพยาบาลใน กทม. ตั้งแต่ปลายเดือน ส.ค.2565 รักษาหายเป็นปกติแล้ว

โดยทางโรงพยาบาลส่งตัวอย่างมาทางกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ตามระบบเฝ้าระวังที่ได้วางระบบไว้ และได้ตรวจสายพันธุ์ ส่งข้อมูลเผยแพร่บนฐานข้อมูล GISAID ตั้งแต่วันที่ 21 ก.ย.2565 ณ ขณะนั้นจัดเป็น BE.1.1 มาจาก BA.5.3.1.1.1 จึงทำให้รวบตัวเลขเหลือ BE.1.1 กระทั่งเมื่อมีข้อมูลพบการกลายพันธุ์ในตำแหน่ง N460K จำนวนมากขึ้น จึงกำหนดเป็นสายพันธุ์ย่อย BQ.1 และเปลี่ยนข้อมูลจาก BE.1.1 เป็น BQ.1 เมื่อมีวันที่ 18 ต.ค.2565

นพ.ศุภกิจกล่าวว่า การกลายพันธุ์ของไวรัสเกิดขึ้นเรื่อยๆ BQ.1 เป็นหนึ่งในสายพันธุ์ย่อยของโอไมครอนหลายตัวที่องค์การอนามัยโลก (WHO) บอกให้จับตาดูว่าโตเร็วและอำนาจแพร่กระจายมากขึ้นแค่ไหน สำหรับสายพันธุ์ย่อยที่โตเร็วสุด แพร่กระจายได้เร็วสุดหรือหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันได้ดีที่สุดตอนนี้คือ XBB รองลงมาคือ BQ.1.1 จึงเป็นตัวที่ต้องให้น้ำหนักในการจับตามากสุด ซึ่งเป็นลูกหลานของ BQ.1 และ BQ.1.1 ยังไม่เจอในประเทศไทย โดยขณะนี้ประเทศไทยเรามี XBB, BF.7, BN.1 และ BQ.1 แต่ทั้งหมดยังเป็น โควิด-19 โอมิครอน และยังไม่มีหลักฐานบ่งชี้ความรุนแรงมากขึ้น แต่อาจจะมีจำนวนผู้ติดเชื้อมากขึ้นได้

สำหรับเส้นทางกลายพันธุ์ของ BQ.1 มาจากโควิด-19 โอมิครอน BA.5 มาเป็น BA.5.3 มาเป็น BE.1.1 มาเป็น BQ.1 และต่อไปเป็น BQ.1.1 ซึ่งเป็นตัวที่แพร่กระจายได้เร็วเป็นอันดับ 2 อยู่ตอนนี้ แต่ยังไม่เจอในไทย ส่วนสายพันธุ์ XBB ที่อำนาจแพร่กระจายได้เร็วสุดอยู่ตอนนี้นั้น กลายพันธุ์มาจากโอมิครอน BA.2 มาเป็น BA.2.10 มาเป็น BJ.1 และเป็น XBB.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

"อนุทิน" ขอบคุณ "เพื่อนเลิฟ" เป็นสะพานบุญ ปฏิบัติภารกิจ "หัวใจติดปีก" หลังบินด่วนร้อยเอ็ด ส่งทีมแพทย์ผ่าตัดปลูกถ่ายอวัยวะ

หลังจาก นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย พร้อมด้วย ทีมแพทย์ นำโดย นพ.พัชร อ่องจริต อาจารย์ศัลยแพทย์ หัวหน้าสาขาศัลยศาสตร์หัวใจและทรวงอก โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย