กลุ่มศักดินาเสื้อแดงฯ วัย 62 ปี บุกชก "ศรีสุวรรณ" ขณะร้อง ปอท.เอาผิด "โน้ส-อุดม" เดี่ยว 13 ให้ท้ายม็อบผิดกฎหมาย ถ่อย! ทั้งต่อย เตะชายโครง ขณะยืนแถลงข่าวต่อหน้าสื่อมวลชน ขณะที่ "พี่ศรี" เข้าแจ้งความดำเนินคดีคู่กรณี ลั่นไม่ท้อ เดินหน้าร้องต่อ แต่ต้องเพิ่มการ์ดดูแลความปลอดภัย ซัดกลับรักประชาธิปไตยแต่กลับทำร้ายร่างกายคนอื่น อดีตรองโฆษก ปชป.ห่วงใช้ความรุนแรงตอกลิ่มขัดแย้งการเมือง หวั่นพฤติกรรมเลียนแบบ
เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม ศูนย์รับแจ้งความ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (กองปราบฯ) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนเอาผิดเดี่ยว 13 โน้ส-อุดม แต้พานิช หนุนม็อบหรือไม่ โดยได้นำหลักฐานมาเข้าพบพนักงานสอบ บก.ปอท. เพื่อขอให้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ตามครรลองของกฎหมาย กรณีมีบุคคลทอล์กโชว์เดี่ยวไมโครโฟน-13 ซึ่งเผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งมีบางคำพูด อาทิ “วันนี้รถติดเยอะหน่อย มีม็อบไล่คนที่เราอยากจะไล่เขา ก็ให้อภัยเขาไปนะครับ ถือว่าเขาทำงานแทนเรา” นั้น จะสื่อความหมายไปอย่างอื่นมิได้ นอกเสียจากการพูดเพื่อที่จะสื่อหรือโฆษณาให้ผู้ฟังหรือผู้ชม ได้เข้าใจตรงกันว่ามีเจตนาหรือจงใจที่จะให้ทุกคนที่รับฟังและรับชมให้อภัยกลุ่มผู้ที่ออกมาชุมนุมสาธารณะที่เกิดขึ้นหลายๆ ครั้งเมื่อช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานั่น “ทำงานแทนเรา” นั่นเอง
"โดยที่การชุมนุมเหล่านั้นล้วนผิดกฎหมาย ฝ่าฝืนข้อกำหนดใน ม.9 แห่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 2548 และมีการสอดไส้การชุมนุมเป็นเรื่องการยกเลิก ปอ.112 และการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ มิใช่การชุมนุมเพื่อขับไล่ผู้นำรัฐบาลแต่อย่างใดไม่ จึงไม่ใช่เป็นเรื่องส่วนตัวของบุคคลใดบุคคลหนึ่งแต่อย่างใด หากแต่อาจเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความผิดต่อแผ่นดิน อาจกระทบต่อความมั่นคง และอาจขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน อันเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.84, ม.85 และหรือ ม.87 ประกอบ ม.14 แห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ 2550 แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 2 พ.ศ.2560 ต้องระวางโทษกึ่งหนึ่งของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นด้วย และหรือต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปีหรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ"
นายศรีสรุวรรณกล่าวว่า โดยเหตุดังกล่าว สมาคมจึงต้องนำความพร้อมพยานหลักฐานมาแจ้งต่อ บก.ปอท. ให้ใช้อำนาจตามกฎหมายในการตรวจสอบ สอบสวนกรณีดังกล่าวว่าเข้าข่ายความผิดอาญาต่อแผ่นดินหรือไม่ หากพบว่าเป็นความผิด ให้ดำเนินการตามครรลองของกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ นายศรีสุวรรณกล่าวยืนยันว่า การที่มาร้องวันนี้ไม่ได้เกี่ยวกับรัฐบาล ที่ผ่านมาถ้ารัฐบาลทำไม่ถูกต้องตนก็ร้องมาอยู่แล้วตลอด ส่วนโน้ส-อุดม เขาก็เคยวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลมาทุกยุคทุกสมัยอยู่แล้ว แต่บางคำพูดที่เป็นการยุยงส่งเสริมม็อบ ตนไม่เห็นด้วย
จากนั้นปรากฏว่า นายวีรวิชญ์ รุ่งเรืองศิริผล ในนามของกลุ่มศักดินาเสื้อแดงต่อต้านเผด็จการ ซึ่งแฝงตัวมาเป็นนักข่าว ทำท่าทีสอบถามประเด็นการร้องเรียนของนายศรีสุวรรณ ว่าหลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินคดี 8 ปีนายกรัฐมนตรี จะมีการแจ้งความคนเห็นต่างหรือไม่ แต่ยังไม่ทันจะถามจบ นายวีรวิชญ์ได้เข้าไปทำร้ายชกต่อยนายศรีสุวรรณทันทีกลางวงสัมภาษณ์ ทำให้นักข่าวอึ้งกันทั้งวงสัมภาษณ์ และมีคนอยู่ในเหตุการณ์เข้าไปล็อกคอนายวีรวิชญ์เอาไว้
หลังจากนั้น นายวีรวิชญ์ให้สัมภาษณ์ว่า ตนคาใจ เพราะหลังจากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยปม 8 ปีนายกรัฐมนตรี นายศรีสุวรรณประกาศว่าใครชุมนุมจะแจ้งความจะแจ้งจับหมด ซึ่งตนเป็นคนหนึ่งที่ชุมนุม วันนี้ตั้งใจมาตบเพื่อสั่งสอน ซึ่งมีตำรวจที่รู้จักฝากมาตบด้วย กราบขอโทษกองปราบฯ ที่มาทำแบบนี้ เพราะไม่มีโอกาสเลย ตนเฝ้าและแอบดูว่านายศรีสุวรรณจะไปร้องอะไรบ้าง เมื่อเช้าตนยอมทิ้งงาน ตนอายุ 62 ปี จะเป็นอะไรไม่สนใจ
"อยากให้เห็นว่า คำว่าประชาธิปไตย ทุกคนต้องยอมรับความเห็นต่าง ประเทศนี้เป็นของประชาชน ไม่ใช่ของคนใดคนหนึ่ง ถ้าถูกดำเนินคดีพร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และที่มาวันนี้ไม่ได้มีใครจ้างมา แต่ตั้งใจมาด้วยตัวเอง" นายวีรวิชญ์กล่าว
ต่อมานายศรีสุวรรณเข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.สิทธิเดช หาญจริง สว.(สอบสวน) กก.1. บก.ป. เพื่อลงบันทึกประจำวัน หลังถูกนายวีรวิทย์ทำร้ายร่างกาย
ภายหลังนายศรีสุวรรณเปิดเผยว่า ไม่เจ็บอะไรเท่าเจ็บใจ ส่วนตัวไม่เคยรู้จักคนก่อเหตุเป็นการส่วนตัว แต่ก็แปลกใจอยู่เหมือนกันว่าเป็นผู้สื่อข่าวหรือไม่ เพราะพยายามเดินเข้ามาหา เห็นผิดสังเกตก็เลยพยายามกันตัวออก แต่เนื่องจากเขาตั้งใจที่จะมาทำร้าย ก็เลยโดนชกที่ปลายคาง ตอนนี้มีอาการเจ็บ ซึ่งตนเองได้ลงบันทึกประจำวันไว้ที่กองปราบปราม จากนี้ก็จะนำบันทึกประจำวันไปแจ้งความดำเนินคดีที่ สน.พหลโยธิน
“หลังจากนี้ต้องเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น เพราะที่ผ่านมาก็ไม่ค่อยมีเพื่อนไปด้วย แต่หลังจากนี้คงต้องมีเพื่อนติดตามไปด้วย ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ ก็ถือว่าเป็นบทเรียนที่สำคัญที่เราจะต้องดำเนินการ แต่ว่าถามว่าท้อไหม ไม่ครับ คนอย่างศรีสุวรรณไม่มีคำว่าท้อเรื่องประเภทนี้ เราก็คงทำหน้าที่ของเราต่อไปไม่หยุดไม่หย่อนนะครับ ไม่ว่าใครจะมาเป็นรัฐบาลหรือใครจะมาเป็นฝ่ายค้านฝ่ายโน้นฝ่ายนี้ ผมก็ทำหน้าที่ของผมมาโดยตลอด พี่ๆ สื่อมวลชนก็รู้กันมาโดยตลอดอยู่แล้ว" ศรีสุวรรณกล่าว
ที่ สน.พหลโยธิน นายศรีสุวรรณเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนดำเนินคดีกับนายวีรวิทย์ข้อหาทำร้ายร่างกาย โดยนายศรีสุวรรณเปิดเผยว่า ได้แจ้งความดำเนินคดีกับคู่กรณีข้อหาทำร้ายร่างกาย ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295 หลังจากนี้จะไปตรวจร่างกายให้หมอวินิจฉัยว่าบาดเจ็บ เสียหายตรงไหนอย่างไร เพราะตอนนี้เริ่มเจ็บบริเวณที่ใบหน้าและตามร่างกาย แล้วนำคำวินิจฉัยมามอบให้เจ้าของสำนวนคดีเพื่อรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดส่งฟ้องอัยการต่อไป ซึ่งทางเจ้าของสำนวนถามว่าถ้าคู่กรณีมาพบพนักงานสอบสวนเพื่อขอเจรจาชดใช้ค่าเสียหายยินยอมหรือไม่ ตนได้ตอบไปว่าไม่ยอมเด็ดขาด ให้ทุกอย่างเป็นไปตามครรลองกฎหมาย เมื่อกล้าทำร้ายร่างกายผู้อื่น ต้องกล้ารับผิดชอบเพื่อเป็นบรรทัดฐาน ความจริงแล้วความเห็นทางการเมืองจะขัดแย้งกันสามารถทำได้ แต่ไม่ควรลงมือลงไม้กันอย่างนี้
นายศรีสุวรรณกล่าวว่า ปากว่ารักประชาธิปไตย สุดท้ายมาลงไม้ลงมือแบบนี้ เรียกว่าย้อนแย้งกับคำพูดและกลุ่มของตัวเอง เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง คิดว่าสังคมไทยจะต้องประณามบุคคลประเภทนี้ และจะทำให้กลุ่มตัวเองเสียหาย เพราะร้องแรกแหกกระเชอว่ารักประชาธิปไตย แต่ประชาธิปไตยคือการลงไม้ลงมือ คิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ในฐานะนักกฎหมายจึงต้องใช้กฎหมายให้เป็นบรรทัดฐานต่อสังคมในเรื่องนี้ต่อไป
"ต่อไปต้องระมัดระวังตัวมากขึ้น มีเพื่อนหรือการ์ดต้องติดตามไปดูแลรักษาความปลอดภัย เป็นบทเรียนที่สำคัญของคนที่ทำหน้าที่ร้องเรียนเหมือนผม ถือเป็นบทเรียนของสังคมอีกเคสหนึ่ง แต่ผมจะไม่หยุดยั้งในการทำหน้าที่ต่อไป ส่วนคนที่มองเรื่องนี้เป็นเรื่องตลก ฝ่ายที่สนับสนุนความรุนแรงอาจจะสะใจ แต่ฝ่ายไม่เห็นด้วยเขาก็ตำหนิ เป็นเรื่องปกติของคนสองกลุ่ม" นายศรีสุวรรณกล่าว
ขณะที่นายเชาว์ มีขวด อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ไม่เห็นด้วยกับการกระทำดังกล่าว และไม่สนับสนุนการใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหาทุกรูปแบบ การเห็นต่างไม่ควรถูกนำมาเป็นข้ออ้างในการใช้ความรุนแรงกับอีกฝ่ายหนึ่ง และไม่ควรอย่างยิ่ง หากจะมีการชูผู้ก่อเหตุเป็นฮีโร่ของอีกขั้วหนึ่ง ซึ่งจะยิ่งตอกลิ่มความขัดแย้งให้ฝังรากลึกมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเราใกล้เข้าสู่การเลือกตั้งแล้ว หากมีการยกยอปอปั้นสร้างผู้ก่อเหตุให้กลายเป็นฮีโร่ พฤติกรรมเลียนแบบจะผุดขึ้นจนยากที่จะควบคุม เพราะกลายเป็นว่าทำรุนแรงแล้วได้เป็นข่าว กลายเป็นที่รู้จัก สื่อมวลชนก็ไม่ควรโหมประโคมข่าว หรือสัมภาษณ์ผู้ก่อเหตุ ซึ่งจะยิ่งกลายเป็นการขยายผลให้ตรรกะในการแก้ปัญหาบิดเบี้ยวไป
นอกจากนี้รู้สึกแปลกใจว่าทำไมเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ในที่เกิดเหตุจึงปล่อยให้คนร้ายขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไปต่อหน้าต่อตา ทั้งที่เป็นความผิดซึ่งหน้า ซึ่งเจ้าพนักงานตำรวจสามารถกระทำการจับกุมคนร้ายโดยไม่ต้องมีหมายจับได้ทันที เพราะคดีทำร้ายร่างกายไม่ใช่คดีความผิดส่วนตัว แต่เป็นคดีอาญาแผ่นดิน ถือเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ สุ่มเสี่ยงที่จะถูกดำเนินคดีหากมีใครกล่าวโทษ ซึ่งกองบัญชาการสอบสวนกลางต้องสอบสวนเรื่องนี้ และดำเนินการอย่างจริงจังกับเจ้าหน้าที่ที่ไม่ปฏิบัติหน้าที่อย่างที่ควรจะเป็นด้วย.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ตั้งกก.สอบผกก.บางซื่อ ทนายปาเกียวเล็งทิ้งตั้ม
“ดีเอสไอ” เตรียมสรุปสำนวนคดี 18 บอสดิไอคอนเสนออัยการคดีพิเศษภายใน 20 ธ.ค.นี้
นิกรหักเพื่อไทย เตือนส่อผิดกม. ให้กมธ.ตีความ
“นิกร” หักข้อเสนอ “ชูศักดิ์” เลยช่วงเวลาแปลงร่างประชามติเป็นกฎหมายการเงินแล้ว
‘สนธิ’ลั่นการเมืองใกล้สุกงอม!
“อุ๊งอิ๊ง” เมินปม กกต.สอบครอบงำต่อ เด็ก พท.ยันเป็นการดำเนินการตามปกติ
จ่อส่งคดีหมอบุญให้DSI
ตร.สอบปากคำอดีตภรรยา-ลูกสาว “หมอบุญ” เพิ่มเติม
ทักษิณรอดคลุมปี๊บ! ส้มเหลวปักธงอุดรธานี ‘คนคอน’ตบหน้า‘ปชป.’
เลือกตั้ง อบจ. 3 จังหวัด “เพชรบุรี-อุดรธานี-นครศรีธรรมราช” ราบรื่น
‘ยิ่งลักษณ์’ กลับคุก ‘บิ๊กเสื้อแดง’ รู้มา! ว่าไปตามราชทัณฑ์ไม่ใช้สิทธิพิเศษ
“เลขาฯ แสวง” ยันเดินหน้าคดี “ทักษิณ-เพื่อไทย” ล้มล้างการปกครองต่อ เพราะใช้กฎหมายคนละฉบับกับศาล รธน. "จตุพร" ลั่นยังไม่จบ! ต้องดูสถานการณ์เป็นตอนๆ ไป