“บิ๊กตู่” ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ย้ำเราจะกลับไปอยู่ที่เดิมไม่ได้แล้ว ไฟเขียวปรับระดับพื้นที่ใหม่ ถอดจันทบุรีพ้นโซนแดงเข้ม “ผับ-บาร์-คาราโอเกะ” รอเก้อ กลางเดือน ธ.ค.ยังไม่ได้เปิด สธ.ขอให้เริ่ม 16 ม.ค.65 พร้อมสั่งหามาตรการผ่อนคลายกีฬาไก่ชนก่อนปีใหม่ อนุมัตินำเข้าแรงงานต่างด้าว แต่ต้องผ่าน 8 ขั้นตอนเข้ม
ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 12 พ.ย. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.ชุดใหญ่ เพื่อติดตามสถานการณ์โควิด-19 และประเมินมาตรการต่างๆ ภายหลังเปิดประเทศตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวช่วงต้นการประชุมว่า วันนี้มีหลายเรื่องที่จะต้องพิจารณา และมีหลายเรื่องที่ดำเนินการผ่านมาแล้วประสบความสำเร็จจากการผลักดันของทุกภาคส่วน แต่อย่างไรก็ตามตนได้ประกาศในที่ประชุมเอเปกเมื่อวันที่ 11 พ.ย.แล้วว่า ตราบใดที่โรคโควิด-19 ยังอยู่ เราจะต้องอยู่กับมันให้ได้ ภายใต้มาตรการครอบจักรวาลและมาตรการ DMHTT และการดำเนินกิจการต่างๆ จะต้องมีการอนุมัติ คัดกรอง เฝ้าระวัง เพราะเราจะย้อนกลับไปอยู่ที่เดิมไม่ได้อีกแล้ว ทุกคนจะต้องระมัดระวังเป็นที่สุด
“การฉีดวัคซีนก็มีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆต้องขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ทำได้ตามเป้าหมาย ซึ่งผมได้แจ้งในที่ประชุมเอเปกแล้วว่าสามารถฉีดวัคซีนไปแล้ว 83 ล้านโดส และคาดการณ์ว่าในสิ้นเดือนนี้จะสามารถฉีดวัคซีนได้ 100 ล้านโดส และมีวัคซีนสำหรับปีหน้าแล้วด้วย”พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
จากนั้นหลังเสร็จสิ้นการประชุม พล.อ.ประยุทธ์ปฏิเสธให้สัมภาษณ์ถึงผลการประชุม โดยกล่าวว่า ให้รอโฆษก ศบค. เป็นผู้แถลง
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงการฉีดวัคซีนยังเป็นไปตามเป้า 100 ล้านโดสภายในสิ้นปีหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า “จ้า”
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงภายหลังการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบปรับระดับพื้นที่สถานการณ์ทั่วราชอาณาจักร ส่วนใหญ่คงเดิม มีเพียง จ.จันทบุรี ที่ปรับจากพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด (สีแดง) ทำให้ขณะนี้มีพื้นที่สีแดงเข้มเหลือ 6 จังหวัด ได้แก่ ตาก นครศรีธรรมราช นราธิวาส ปัตตานี ยะลา และสงขลา พื้นที่สีแดง 39 จังหวัด พื้นที่ควบคุม (สีส้ม) 23 จังหวัด พื้นที่เฝ้าระวังสูง (สีเหลือง) 5 จังหวัด และพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว (สีฟ้า) 4 จังหวัด สำหรับมาตรการควบคุมโรคในทุกระดับพื้นที่สถานการณ์ยังคงเดิม โดยในพื้นที่สีแดงเข้มยังคงมาตรการตามข้อกำหนดฉบับที่ 37 ที่ห้ามออกนอกเคหสถานตั้งแต่เวลา 23.00-03.00 น.ของวันรุ่งขึ้น ออกไปอีก 15 วัน ถึงวันที่ 30 พ.ย.
นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า ในที่ประชุมได้มีการหารือกันถึงกรณีสถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ ที่ก่อนหน้านี้มีแนวคิดจะให้เปิดกิจการได้ในเดือน ธ.ค. แต่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พิจารณาในหลายคณะกรรมการแล้วเห็นว่าขอให้เลื่อนออกไปก่อน เพราะมีความห่วงใยเรื่องระบบระบายอากาศ ความแออัด และการควบคุมที่ต้องเข้มข้นมาก จึงให้ใช้เวลาระหว่างวันที่ 16 พ.ย.64-15 ม.ค.65 ให้ผู้ประกอบการเตรียมความพร้อม และให้กระทรวงมหาดไทย (มท.) ร่วมกับ สธ.จัดทำมาตรการป้องกันควบคุมโรค และการปรับปรุงระบบระบายอากาศ ขณะที่ผู้ประกอบการให้ดำเนินการปรับปรุงระบบระบายอากาศของตัวเองให้ได้มาตรฐาน รวมถึงส่งเสริมให้บุคลากรของตัวเองได้รับวัคซีนทุกคน
“จากนั้นให้ มท.และ สธ. รวมทั้งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด หรือคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร จัดตั้งทีมประเมิน หากทำได้ตามมาตรฐานก็จะให้เปิดดำเนินการตั้งแต่วันที่ 16 ม.ค.65 เฉพาะพื้นที่สีเหลืองและพื้นที่สีฟ้าเท่านั้น” นพ.ทวีศิลป์กล่าว
โฆษก ศบค.กล่าวว่า ในที่ประชุมยังได้หารือถึงกีฬาชนไก่ ชนวัว แข่งม้า ที่มีความเป็นห่วงกลายเป็นคลัสเตอร์ใหม่ได้นั้น นายกฯ รับทราบความเดือดร้อนของประชาชนที่อยู่ในห่วงโซ่กิจการเหล่านั้น จึงมอบหมายให้ มท.และ สธ.พิจารณามาตรการควบคุมโรคสำหรับการเปิดกิจการเหล่านี้ แต่ขอให้ดูข้อกฎหมายที่เกี่ยวโยงกันด้วย เพราะเรื่องเหล่านี้เชื่อมโยงกับกิจกรรมที่ค่อนข้างเป็นสีเทา อย่างเช่น การพนัน หากมีมาตรการที่รัดกุม ครอบคลุมรอบด้าน ให้เสนอกลับมาพิจารณา โดยนายกฯ ระบุว่าอยากให้ประชุมเรื่องดังกล่าวก่อนปีใหม่ หากมีผลสัมฤทธิ์ให้เร่งรีบทำ เพื่อประกาศผ่อนคลายกิจการและกิจกรรมเหล่านี้
นอกจากนี้ ที่ประชุมรับทราบผลการเปิดประเทศว่า ขณะนี้มีผู้ลงทะเบียน 147,503 คน ได้รับอนุมัติเข้าประเทศประมาณ 92,000 คน หรือ 63 เปอร์เซ็นต์ ส่วนผู้ที่เดินทางเข้ามาแบบเทสต์แอนด์โก จำนวน 34,794 คน และจากแซนด์บ็อกซ์ จากการกักตัวทางเลือก 7 วัน หรือ 10 วัน เดินทางเข้ามา ทั้งหมดเป็นการทดสอบระบบเปิดประเทศของไทย ซึ่งผลเป็นที่น่าชื่นใจ
นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า ส่วนแผนในเดือน ธ.ค. ที่ประชุมได้พูดคุยถึงการปรับวิธีตรวจเชื้อแบบ RT-PCR เป็น ATK เพื่อลดขั้นตอนการเสียเวลา ซึ่งที่ประชุมรับทราบ โดยทางคณะกรรมการและนักวิชาการ กำลังประชุมและขอเวลาตรวจสอบข้อมูลว่าสิ่งที่ทำมาจนถึงเวลานี้มีอะไรเกิดขึ้น และเห็นว่ามาตรฐานการตรวจแบบ RT-PCR เชื่อถือได้มาก ดังนั้นหากต้องปรับมาเป็น ATK จะต้องมีการศึกษากันก่อน และยังมีเวลาพิจารณาก่อนถึงวันที่ 1 ธ.ค.นี้ ขณะที่ในช่วงเดือน ม.ค.65 อาจจะเพิ่มประเทศที่เดินทางเข้ามามากขึ้น และอาจจะตรวจด้วย ATK ซึ่งทั้งหมดนี้ยังเป็นแผนที่พูดคุย และสามารถเปลี่ยนแปลงได้ โดยจะดูสถานการณ์ในปัจจุบัน เพื่อตัดสินอนาคต
โฆษก ศบค.กล่าวว่า ที่ประชุมยังเห็นชอบแนวทางการนำแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานกับนายจ้างที่เป็นไปตามการทำเอ็มโอยูตามที่ รมว.แรงงานเสนอ โดยต้องผ่าน 8 ขั้นตอนก่อน นำเข้าแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยกระทรวงแรงงานและกระทรวงการต่างประเทศต้องหารือกัน เมื่อแรงงานเข้ามาแล้ว สธ.จะต้องเข้ามาตรวจโรคต้องห้าม 6 โรค และตรวจโควิด-19 และตรวจสอบการรับวัคซีน ถ้าทำครบไม่ต้องกักตัว ถ้าไม่ครบต้องกักตัวเพื่อดูแล
“นายกฯ ระบุกว่าจะมาถึงตรงนี้ทุกคนทำงานกันอย่างเหน็ดเหนื่อย กว่าจะได้ตรงนี้ออกมา หลายคนทำงานเยอะ รู้ว่าเหนื่อยกว่าจะออกมาตรการเหล่านี้ออกมา จึงขอขอบคุณทุกคน เรายังต้องอยู่กับโรคนี้ ขอให้สู้ต่อ สู้ไปด้วยกัน เพื่อที่จะได้เอาชนะมันและอยู่กับเขาได้ เป็นอย่างดี ให้เปิดกิจการกิจกรรมได้เหมือนปกติ”โฆษก ศบค.กล่าว
ส่วนนายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า ในที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ นายกฯยังสั่งการให้จัดตั้ง ศบค.ด้านการท่องเที่ยว เพื่อทำงานกลั่นกรองภาพรวมการเดินทางเข้าประเทศ ทั้งแนวทางมาตรการ รวมทั้งเร่งแก้ไขปัญหาความล่าช้าของระบบ Thailand Pass QR Code เพื่อรองรับความต้องการของผู้ที่จะเดินทางเข้าประเทศไทย ทั้งเพื่อการท่องเที่ยว ทำงาน หรือคนไทยที่อยู่ต่างแดนจะเดินทางกลับบ้าน พร้อมเดินหน้าโครงการ Factory Sandbox โดยมีการขยายจาก 4 จังหวัด เป็น 11 จังหวัด ปรับลดหลักเกณฑ์ขนาดสถานประกอบการจาก 500 คนเป็น 100 คน เพื่อให้ครอบคลุมให้มากที่สุด.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เร่งเบิกงบลงทุน ขีดเส้นให้ได้80% กระตุ้นเศรษฐกิจ
นายกฯ อิ๊งค์นั่งหัวโต๊ะประชุมหัวหน้าส่วนราชการ บี้เร่งรัดเบิกจ่ายงบลงทุน 9.6 แสนล้าน
‘เวชระเบียน’หลอนทักษิณ โยนรพ.ตำรวจมอบให้ปปช.
นายกฯ พยักหน้ารับปม "ป.ป.ช." ทวงถามเวชระเบียนรักษาตัว
เพิ่มข้อหาแชร์ลูกโซ่18บอส จ่อหมายจับ‘ตั้ม’โกงเจ๊อ้อย
"ดีเอสไอ" แจ้งข้อหาเพิ่ม 18 บอสดิไอคอน คดีแชร์ลูกโซ่-ขายตรง
หึ่ง!เปลี่ยน‘พงษ์ภาณุ’แทน‘โต้ง’
“คปท.-ศปปส.-กองทัพธรรม” ลุกฮือ ยื่นหนังสือค้านคัดเลือกประธานบอร์ดแบงก์ชาติ
กอดMOUเจรจาเขมร ‘อิ๊งค์’หวั่นโดนฟ้องยันเดินหน้าแบ่งเค้ก/กต.แจงมีข้อดีกว่าเสีย
นายกฯ อิ๊งค์ลั่นเป็นคนไทย 100% ประเทศต้องมาก่อน ยืนยันจะรักษาแผ่นดินไทยไว้อย่างเต็มที่
'อิ๊งค์' แค่พยักหน้า ปม รพ.ตร. ไม่ยอมส่งเวชระเบียน 'พ่อนายกฯ' ให้ ป.ป.ช.
'นายกฯอิ๊งค์' ปฏิเสธตอบคำถาม ปม รพ.ตำรวจ ไม่ส่งเวชระเบียนรักษาตัว 'ทักษิณ' หลัง ‘ป.ป.ช.’ ทวงแล้ว 3 ครั้ง ทำแค่พยักหน้ารับทราบ