“บิ๊กตู่” สวมกอดพี่ป้อม “ลั่นไม่ไปไหนหรอก” แกนนำ พปชร.ประสานเสียงพรรคไม่แตก แค่สื่อเขียนกันไปเอง “สมศักดิ์-สุริยะ” ออกโรงยันใครจะไปไม่สน แต่สามมิตรยังเหนียวแน่น ชู “พล.อ.ประยุทธ์” ต่อแม้อยู่ในตำแหน่งได้แค่ 2 ปี “กองทัพ” ตอกย้ำปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายเท่านั้น ไม่มีปฏิวัติ ขอให้เชื่อใจ “อนุทิน” เมินคำอาเหลิม เหน็บกลับไม่อยากให้เอาความขัดแย้งมาเพิ่มบทบาท “เพื่อไทย” ยังกั๊กชื่อแคนดิเดตนายกฯ
เมื่อวันอังคารที่ 11 ตุลาคม 2565 ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน มีรัฐมนตรีลาประชุมจำนวน 6 คน และใช้เวลาประชุมเพียง 2 ชั่วโมง เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์และ ครม.ต้องเดินทางไปจังหวัดหนองบัวลำภู เพื่อร่วมพิธีพระราชทานเพลิงศพผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์โศกนาฏกรรม
รายงานข่าวแจ้งว่า หลังเลิกประชุม ครม. ระหว่างที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ กำลังยืนสนทนากับรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ปรากฏว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้เดินเข้ามาทางด้านหลัง พล.อ.ประวิตร พร้อมกับสวมกอด พล.อ.ประวิตรแล้วพูดว่า "ไม่ไปไหนหรอก แหม! มีเรื่องให้ง้อได้ทุกวัน" จากนั้นได้มีการพูดแซวกัน
ทั้งนี้ คำพูดดังกล่าวของ พล.อ.ประยุทธ์ คาดว่าสาเหตุมาจากกระแสข่าว พล.อ.ประยุทธ์จะไปอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี
ด้าน พล.อ.ประวิตรให้สัมภาษณ์ถึงกรณีกระแสข่าว ส.ส.ของพรรค พปชร.เตรียมย้ายออกหลายคนว่า ไม่มี ไม่มีใครออกสักคน มีแต่ข่าวที่สื่อมวลชนเขียนกันไปเอง
เมื่อถามว่า แสดงว่าพรรค พปชร.ไม่เหนียวแน่นแล้วใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร ร้องโอ๊ย ก่อนกล่าวว่า เหนียวแน่นอยู่แล้ว
ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตรปฏิเสธตอบคำถามถึงกรณี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีตหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย (ศท.) ที่มีกระแสข่าวว่าจะย้ายกลับไปยังพรรคเพื่อไทย (พท.)
นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.การคลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค พปชร. กล่าวเรื่องนี้เช่นกันว่า สื่อเขียนไปอย่างนั้นเอง พรรคยังสามัคคีแน่นหนากันอยู่
เมื่อถามว่าได้สอบถามผู้ที่มีรายชื่อว่าไปจริงหรือไม่ นายสันติกล่าวว่า ไม่เห็นมีใครบอก และเมื่อถามย้ำว่ากลุ่มนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร นายสันติถึงกับหยุดคิดก่อนส่ายหน้าพร้อมระบุว่า ไม่ได้คุย
ถามอีกว่า จำเป็นต้องเรียกหารือภายเพื่อคุยในประเด็นนี้หรือไม่ นายสันติ กล่าวว่า ส.ส.ของพรรคยังยึดมั่นต่อพรรค เพียงแต่จะปรากฏเป็นข่าวเวลาที่มี ส.ส.ของพรรคไปปรากฏตัวตามงานสำคัญต่างๆ ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ และขอย้ำอีกครั้งว่าเราเชื่อมั่นใน ส.ส.ของพรรค ไม่ต้องเรียกคุย
‘สามมิตร’ ยังเหนียวแน่น
“พรรคทำประโยชน์ ทำงานเพื่อประชาชนมาโดยตลอดอย่างจริงจัง มีการพัฒนาบ้านเมือง โดยเฉพาะช่วงโควิด-19 นโยบายของพรรคมีจำนวนมาก รวมทั้งโครงการคนละครึ่งและอีกมากมาย กระแสพรรคไม่ดาวน์ลงหรอก สัปดาห์ก่อนเดินทางไป จ.เพชรบูรณ์ ประชาชนให้การต้อนรับอย่างดี พล.อ.ประวิตรเดินทางไปประชาชนมาต้อนรับและแสดงความยินดีอย่างมากมาย พล.อ.ประยุทธ์ไปประชาชนก็ดีใจ มาต้อนรับกันเยอะแยะไปหมด” นายสันติกล่าวตอบเรื่องพรรค พปชร.มีอะไรดี และกระแสพรรคดาวน์ลงหรือไม่
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรค พปชร.และแกนนำกลุ่มสามมิตรยืนยันว่า กลุ่มสามมิตรจะกลับไปพรรคเพื่อไทยไม่เป็นความจริง ส่วนกรณีที่ปรากฏภาพ ส.ส.พรรคไปร่วมงานวันเกิดผู้ใหญ่ของพรรคการเมืองนั้น เป็นเพียงข้อสังเกตหนึ่งว่าอาจเป็นการกระทำอะไรอย่างหนึ่งที่ไม่ได้เป็นตามรูปแบบปกติของพรรคการเมือง
“ยังไม่ได้เจอใครเลยในรอบ 20 วัน เพิ่งกลับจากต่างประเทศ และมีอาการป่วย ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นผมกำลังมองดูอยู่ แต่ยังไม่ได้คิดและพูดคุยกับใคร คงต้องรอข้อมูลจากหลายๆ ฝ่าย อาจมีการคิดอะไรกันบ้าง คงทักท้วงและพูดคุยกันได้ สามมิตรไม่คิดไปไหน ยังยืนยันอยู่พลังประชารัฐ" นายสมศักดิ์กล่าว และตอบคำถามพรรคเพื่อไทยแสดงท่าทีพร้อมรับกลับ ว่าไม่ได้คิดและไม่ได้เจอใคร
เมื่อถามว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นในพรรค หัวหน้าพรรคและผู้บริหารพรรคควรเรียก ส.ส.มาพูดคุยหรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า ใครสนิทกับใครก็ควรคุยกัน และให้รู้ให้ชัดเจนว่าใครคิดอยู่ และใครคิดไม่อยู่ แต่ยังมั่นใจว่า พล.อ.ประยุทธ์สามารถควบคุมสถานการณ์และทำงานได้ ส่วนกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ได้แค่อีก 2 ปีนั้น ก็แล้วแต่ ส่วนตัวคิดว่าไม่เป็นปัญหา ยังเดินไปต่อได้
ถามว่าพรรค พปชร.จะส่งแคนดิเดตครบ 3 รายชื่อใช่หรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า ต้องคุยกันในพรรค
ขณะที่นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม ในฐานะรองหัวหน้าพรรค พปชร. และแกนนำกลุ่มสามมิตร กล่าวเช่นกันว่า ยังอยู่กับพรรค พปชร. และยืนยันว่าจะไม่ไปไหน รวมทั้งกลุ่มสามมิตรก็ไม่ไปไหน และได้พูดคุยกันภายในกลุ่มเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขอย้ำว่าจะไม่ไปไหน เลือกตั้งครั้งหน้าก็จะยังอยู่กับพรรค พปชร.
เมื่อถามว่าขณะนี้กระแสของพรรค พปชร.ตกต่ำ แกนนำพรรคจะช่วยกันอย่างไร นายสุริยะระบุว่า ในสภาวะที่รัฐบาลเจอทั้งโควิดและสงครามรัสเซีย-ยูเครน รัฐบาลสามารถเดินหน้ามาได้จนถึงจุดนี้ ตนเชื่อว่าประชาชนจะให้การสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ให้ทำงานได้อย่างต่อเนื่อง
ถามว่าตั้งข้อสังเกตหรือไม่มีกระแสข่าวการย้ายพรรค กลุ่มสามมิตรมักถูกพุ่งเป้าตลอด นายสุริยะกล่าวว่า เป็นเรื่องปกติที่คาดเดากันไป จึงต้องการออกมายืนยันให้ชัดเจน ส่วนหากกลุ่มอื่นย้าย คงไปบังคับกลุ่มอื่นไม่ได้ แต่กลุ่มสามมิตรจะยังอยู่กับพรรค พปชร.
เมื่อถามว่า ยืนยันออกมาเช่นนี้ พล.อ.ประยุทธ์จะเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคอันดับ 1 ใช่หรือไม่ นายสุริยะกล่าวว่า เอาเป็นว่ากลุ่มสามมิตรขอสนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ
ปชป.เชื่อไร้ปัญหาปรับ ครม.
สำหรับความเคลื่อนไหวในเรื่องการปรับ ครม.นั้น นายสันติกล่าวว่า อยู่ที่นายกฯ แต่พรรค พปชร.ยังไม่ได้คุยกัน ซึ่งช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมหรือไม่ต้องไปถามนายกฯ เพราะเรื่องนี้หัวหน้าพรรค พปชร.ก็ยังไม่มีการพูดคุย
นายสุริยะกล่าวเช่นกันว่า เรื่องนี้เป็นอำนาจของนายกฯ
ส่วนนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ระบุว่า ในวันที่ 12 ต.ค. จะมีการประชุมคณะกรรมการบริหาร (กก.บห.) พรรค ซึ่ง ปชป.เสนอให้ปรับตำแหน่งเดียว คือ รมช.มหาดไทย โดยต้องเป็นไปตามมติพรรค พิจารณาไปตามความเหมาะสม ไม่มีอะไรนอกเหนือจากที่เคยปฏิบัติ และเชื่อว่าไม่มีแรงกระเพื่อม ไม่มีปัญหา เราตั้ง ครม.มาหลายยุคหลายสมัย
ด้านนายนิพนธ์ บุญญามณี อดีต รมช.มหาดไทย และรองหัวหน้าพรรค ปชป.ย้ำระบุว่า การคัดเลือกบุคคลเพื่อไปดำรงตำแหน่ง รมช.มหาดไทย ได้ข้อสรุปแล้วว่าบุคคลที่จะถูกเสนอชื่อจะต้องเป็นสัดส่วนของพรรคภาคใต้เท่านั้น ซึ่งเป็นโควตาเดิมอยู่แล้ว โดยในวันที่ 12 ต.ค. จะประชุม กก.บห.เพื่อพิจารณาในส่วนของรายชื่อบุคคลเพื่อหาข้อสรุปก่อน ซึ่งการพิจารณาไม่ได้ดูแค่เฉพาะการเป็น ส.ส. 5 สมัยอย่างเดียว ต้องดูการทำงานในพื้นที่ด้วยว่าสามารถตอบโจทย์ในสถานการณ์ทั้งช่วงเข้าสู่การเลือกตั้ง รวมถึงการทำหน้าที่ในส่วนของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) และกรมที่ดิน ซึ่งเคยดูได้หรือไม่
รายงานแจ้งว่า สำหรับบุคคลที่ กก.บห.จะพิจารณามี 2 รายชื่อคือ นายนริศ ขำนุรักษ์ ส.ส.พัทลุง และนายประกอบ รัตนเพียร ส.ส.นครศรีธรรมราช ซึ่งนายนริศมีโอกาสสูง เพราะนายนริศเคยแข่งกับนายสินิตย์ เลิศไกร ส.ส.สุราษฎร์ธานี เมื่อครั้งเลือกเป็น รมช.พาณิชย์มาแล้ว และนายนริศใกล้ชิดกับนายจุรินทร์ด้วย
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า ครม.เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมรัฐสภาสมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งที่สอง พ.ศ..... ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.2565-28 ก.พ.2566
วันเดียวกัน มีการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพและผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติชุดใหม่ ซึ่งทั้งหมดเป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 22 (ตท.22) โดย พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) กล่าวถึงจุดยืนกองทัพหลังจบการประชุมเอเปกที่รัฐบาลอาจยุบสภาเลือกตั้งใหม่ ว่าความชัดเจนของกองทัพคือปฏิบัติหน้าที่ตามภารกิจที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติการจัดส่วนราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ.2551 ดังนั้นหน่วยงานทหารทั้งกองบัญชาการกองทัพไทยและเหล่าทัพ เราก็ยึดถือตามที่กระทรวงกลาโหมมีอำนาจหน้าที่ที่บัญญัติไว้ โดยไม่ต้องมีใครสั่ง เราเป็นเครื่องมือหน่วยงานของรัฐบาลที่เป็นผู้รับผิดชอบในการบริหารประเทศ เราก็ปฏิบัติหน้าที่ตามนโยบาย
กองทัพลั่นไม่มีปฏิวัติ!
“เมื่อถามถึงเรื่องการเมือง ก็เป็นเรื่องการบริหารประเทศของฝ่ายการเมืองภายใต้ระบอบประชาธิปไตยที่ได้รับการเลือกตั้งเข้ามา และจัดตั้งรัฐบาลในด้านการเมือง ซึ่งเราก็ปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาลที่มาจากการเมือง ทหารเราเกี่ยวพันกับการเมือง เพราะเราเป็นองค์กรเหมือนกับส่วนราชการอื่น แต่เราไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง การดำเนินการทางการเมืองของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องว่าจะดำเนินการอย่างไร” พล.อ.เฉลิมพลระบุ
เมื่อถามว่า วันนี้ ผบ.เหล่าทัพอยู่ครบสามารถให้ความสบายใจในปีหน้าได้หรือไม่ หากมีการเปลี่ยนขั้วการเมือง และมีการชุมนุมบทบาทของกองทัพเป็นอย่างไร พล.อ.เฉลิมพลกล่าวว่า ในส่วนของทหารมีบทบาทตามขอบเขตอยู่แล้ว ประเทศเราพัฒนามาไกลมากแล้ว ก็ต้องให้ประชาชนและสื่อช่วยกันดูเรื่องการดำเนินการทางการเมืองต่างๆ เพื่อให้การแก้ไขปัญหาของประเทศเป็นไปในแนวทางทางการเมือง ซึ่งเชื่อว่าความคาดหวังของผู้คนทุกคน เราต้องการเห็นพัฒนาการของประเทศเรา เป็นไปในรูปแบบภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เราต้องการเห็นอย่างนั้น ทหารก็ต้องการเห็นอย่างนั้น ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไรก็ตาม หรือในทางการเมืองต่างๆ จะเป็นอย่างไร ทหารก็ทำหน้าที่ของเราเท่านั้นเอง ก็ขอให้เชื่อมั่นได้
เมื่อถามย้ำว่า ให้ความเชื่อมั่นได้หรือไม่จะไม่มีการปฏิวัติ พล.อ.เฉลิมพลพยักหน้าและยิ้ม พร้อมกล่าวว่า “ครับผม”
ขณะที่ผู้สื่อข่าวถาม พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ว่าทหารจะขยับหรือไม่ ผบ.ทบ.เอานิ้วชี้ไปที่ศีรษะพร้อมบอกว่า “ในหัวมีแต่ประชาชน”
ส่วนความเคลื่อนไหวทางการเมืองของพรรคต่างๆ นั้น นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ที่ปรึกษาคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง พรรค พท. ระบุให้นายอนุทินเตรียมเป็นผู้นำฝ่ายค้านหลังการเลือกตั้งว่า ที่ตรงนั้นดี ได้ตั้งคณะกรรมการอิสระ ซึ่งอีกไม่เกิน 6 เดือนก็รู้แล้ว
“นักการเมืองต้องอยู่กับร่องกับรอย หากจะบริหารบ้านเมือง พรรคภูมิใจไทยอยู่กับร่องกับรอยเสมอ เราไม่ได้เป็นศัตรูหรือขัดแย้งกับใคร เราต้องการทำงานให้บ้านเมืองและประชาชน เราไม่เชื่อว่าความขัดแย้งจะนำไปสู่การแก้ปัญหาใดๆได้ หากวันนี้มีความขัดแย้ง ต่อให้ได้ชัยชนะมันจะยั่งยืนหรือไม่ พรรคภูมิใจไทยคงต้องบอกว่าพอแล้ว ไม่เอาแล้ว ไม่ทะเลาะกับใคร เป็นรัฐบาลก็ไม่ทะเลาะกับใคร เป็นฝ่ายค้านก็ไม่ทะเลาะกับใคร จะเป็นฝ่ายค้านอย่างมืออาชีพ ใครทำอะไรก็ตรวจสอบไป ถ้าเป็นรัฐบาลจะทำงานให้ดีที่สุด เราคิดแค่นี้ ไม่ใช่เอาความเกลียดชังหรือความแตกต่างทางความคิดไปหาเรื่องเพิ่มบทบาทให้กับตัวเอง”นายอนุทินกล่าว
พท.ยังอุบไต๋ชื่อแคนดิเดต
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา ในฐานะเลขาธิการพรรค พท. ปฏิเสธแสดงความคิดเห็นกรณีกลุ่ม ร.อ.ธรรมนัสจะย้ายเข้ามาอยู่กับพรรค โดยระบุว่าการเมืองเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ขอดูความชัดเจนในระยะหนึ่งก่อน ซึ่งหลักเกณฑ์ในการพิจารณารับพรรคมีกติกาอยู่แล้ว ฉะนั้นการพูดตอนนี้อาจดูเร็วไป
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กล่าวถึงเป้าหมายแลนด์สไลด์ว่า ตอนนี้มีกำลังใจมากๆ ที่ประชาชนตอบรับดีเช่นนี้ ส่วนการประเมินท่าทีคู่แข่งทางการเมืองอย่างนายอนุทินนั้น ก็ขอให้ทุกคนที่มีน้ำใจนักกีฬา เข้ามาสู้ และเข้ามาแก้ไขปัญหา นั่นคือโอกาสสำคัญ
เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่มีชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน นักธุรกิจ รวมถึง น.ส.แพทองธารเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค น.ส.แพทองธารกล่าวว่า จริงๆ แล้วไม่ต้องระบุชื่อก็ได้ ขอคนพร้อมและมีความสามารถ การเมืองไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้ามีคนที่อยากจะเข้ามาช่วย ต้องเปิดโอกาสให้เข้ามา เพราะประเทศต้องไปต่อแล้ว จุดนี้ขอให้มองอนาคตประเทศและประชาชนเป็นที่ตั้ง ขอให้มีคนเก่งเข้ามาคือกำไรของประเทศ ตรงนั้นคือโฟกัส ขอให้รอลุ้น อยากให้ประเทศไปต่อ ไม่ว่าจะอย่างไรพรรคสนับสนุนเต็มที่แล้ว ยังไม่ขอระบุชื่อขอแค่คนที่พร้อม
ด้าน รศ.ดร.สุทิน เวียนวิวัฒน์ หัวหน้าโครงการสำรวจอีสานโพล ศูนย์วิจัยธุรกิจและเศรษฐกิจอีสาน คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เผยผลสำรวจเรื่อง “ดัชนีภาวะเศรษฐกิจครัวเรือนอีสาน ไตรมาส 3/2565 และคาดการณ์ไตรมาส 4/2565” ซึ่งสำรวจจากประชาชนใน 20 จังหวัดภาคอีสาน โดยเมื่อถามว่าถ้ามีการเลือกตั้งใหม่ ท่านอยากให้ใครเป็นนายกฯ เพื่อมาฟื้นฟูเศรษฐกิจ” พบว่า อันดับ 1 คือคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ 23.2% รองลงมาคือ น.ส.แพทองธาร 21.7% ตามมาด้วยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ 19.7%, พล.อ.ประยุทธ์ 11.7%,นายอนุทิน ชาญวีรกูล 8.8%, คนอื่นๆ จากพรรคเพื่อไทย 6.8% และนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ 2.5%
เมื่อถามว่าเลือกตั้ง ส.ส.วันนี้ ท่านมีแนวโน้มจะลงคะแนนให้พรรคใด พบว่าคนอีสานเลือก อันดับ 1 พรรคเพื่อไทย 35.6% รองลงมาพรรคก้าวไกล 19.4%, พรรคไทยสร้างไทย 16.6%, พรรคพลังประชารัฐ 13.1%, พรรคภูมิใจไทย 9% และพรรคประชาธิปัตย์ 3.2%.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ลุยมาเฟียปราจีนฯ ไร้เงาคนสนิทโกทร
นายกฯ อิ๊งค์พร้อมนั่งหัวโต๊ะทีมเฉพาะกิจปราบมาเฟียตามบัญชาพ่อ
พท.ฝัน‘หน่อย’ ชิงอบจ.โคราช ในนามเพื่อไทย
“อนุทิน” ตอกย้ำ “ภูมิใจไทย” ไม่ลงเล่นสนามท้องถิ่น เด็กเพื่อไทยยังหวัง
ตีปี๊บโลกยกย่องนายกฯ ‘แพทองธาร’ไปมาเลย์
“รมต.น้ำ” แห่ตีปี๊บ “ฟอร์บส์” จัดอันดับ “แพทองธาร” ติดอันดับ 29
เชื่อ2วัน‘น้ำท่วมใต้’ลดลง
นายกฯ กำชับ ศปช.เร่งบรรเทาน้ำท่วมใต้ 4 จังหวัดยังหนัก คาด 2 วันคลี่คลาย
อิ๊งค์แก้ต่างแทนพ่อ อ้างพูดให้พรรคร่วมช่วยกัน/อนุทินชี้ดรามาจบแล้ว
“อิ๊งค์” แจง "พ่อนายกฯ" พูดถึงพรรคร่วมในภาพกว้าง ต้องช่วยกัน
เรืองไกร ไล่บี้นายกฯทวงหลักฐานการลาออกจากตำแหน่งกรรมการบริษัท
เรืองไกร ทวงข้อมูลหลักฐานการลาออกจากตำแหน่งกรรมการบริษัทต่าง ๆ จากนายกรัฐมนตรี