![นิวัติไชย เกษมมงคล](https://storage-wp.thaipost.net/2022/09/253764.jpg)
ป.ป.ช.ตั้งอนุ กก.ไต่สวน “สราวุธ เบญจกุล” อดีตเลขาธิการศาลยุติธรรม ปมฮั้วเอกชนปรับปรุงอาคาร “ศาลพระโขนง-มีนบุรี-ตลิ่งชัน” ปี 62 วงเงินกว่า 140 ล้านบาท แจงปมยื่นบัญชีทรัพย์สิน “บิ๊กตู่” นายกฯ ปี 62 กับวาระ 8 ปี ไม่เกี่ยวกัน ชี้ตีความกฎหมายคนละฉบับ
เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนกรณีกล่าวหานายสราวุธ เบญจกุล อดีตเลขาธิการศาลยุติธรรม กับพวก เอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทเอกชนในการจัดจ้างปรับปรุงอาคารศาลจังหวัดพระโขนง ศาลจังหวัดมีนบุรี และศาลจังหวัดตลิ่งชัน เมื่อปีงบประมาณ 2562 รวมวงเงินกว่า 140 ล้านบาทแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนนายสราวุธครั้งนี้ มีการเพิ่มเติมข้อกล่าวหา จากเดิมที่กล่าวหากรณีการปรับปรุงอาคารศาลจังหวัดพระโขนง 42.3 ล้านบาท โดยรวมศาลจังหวัดมีนบุรีและศาลจังหวัดตลิ่งชันเข้าไปด้วย
ทั้งนี้ เมื่อครั้งนายสราวุธเป็นเลขาธิการศาลยุติธรรม เคยถูกกล่าวหาในคดีการว่าจ้างปรับปรุงอาคารศาลพระโขนง วงเงิน 42.3 ล้านบาท เมื่อปี 2562 โดยพบว่ามีเอกชนเข้ามาปรับปรุงอาคารก่อนจะมีการว่าจ้างประกวดราคาอย่างเป็นทางการ ต่อมานายสราวุธไปดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษสำนักงานศาลยุติธรรม
หลังจากนั้นนายสราวุธถูกคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) แต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงเห็นว่ามีมูล จึงตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยร้ายแรง ก่อนสรุปความเห็นส่งที่ประชุม ก.ต. โดยที่ประชุม ก.ต.เห็นว่า นายสราวุธผิดวินัยร้ายแรง และ ก.ต.มีมติ 8 ต่อ 7 เสียง ไล่นายสราวุธออกจากราชการ
ในช่วงต้นปี 2565 นายสราวุธได้เข้าสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) ด้วย แต่เนื่องจากถูก ก.ต.ลงมติผิดวินัยร้ายแรง และถูกไล่ออกจากราชการ จึงถูกคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตัดสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้ง
เลขาธิการ ป.ป.ช.ยังกล่าวถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก 6 ต่อ 3 เสียง วินิจฉัยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังไม่พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ส่งผลให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า ในเมื่อเริ่มนับวาระดำรงตำแหน่ง 6 เม.ย.60 แล้วเหตุใดในการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินกรณีเข้ารับตำแหน่งนายกฯ เมื่อปี 62 ถึงไม่มีการเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินว่า เป็นเรื่องการตีความกฎหมายคนละฉบับกัน ในส่วนของ ป.ป.ช. ตีความตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 ส่วนเรื่องการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เป็นการตีความตามรัฐธรรมนูญ
นายนิวัติไชยกล่าวว่า ประเด็นการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินนั้น นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ เคยอธิบายไว้แล้วว่า เรื่องการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน กับเรื่องวาระการดำรงตำแหน่งนายกฯ ครบ 8 ปี เป็นคนละเรื่อง ไม่ได้เกี่ยวกัน
“อย่างที่อาจารย์วิษณุเคยพูดไปแล้วว่า การวินิจฉัยแต่ละองค์กรแตกต่างกัน กฎหมาย ป.ป.ช.ตีความเรื่องการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ส่วนรัฐธรรมนูญตีความเรื่องการดำรงตำแหน่งนายกฯ เป็นคนละส่วนกัน” เลขาธิการ ป.ป.ช.ระบุ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
‘ณัฐชา’จวก‘ชัย’ จ่อปลุกผีอวนรุน จับ‘หมอคางดำ’
“ณัฐชา” ซัดโฆษกรัฐบาลแบกปลาหมอคางดำ โยนบาปให้เกษตรกร
18สินค้าห้ามใช้ดิจิทัล ‘มือถือ-อุปกรณ์ไฟฟ้า’
จบข่าว! ภูมิธรรมเปิด 18 รายการห้ามใช้เงินหมื่น “มือถือ-เครื่องใช้ไฟฟ้า”
ตร.84%ภูมิใจ ใส่เครื่องแบบ ปูน‘บำเหน็จ’ รองหรั่ง6ขั้น
ตำรวจ 84% ภูมิใจในเครื่องแบบ สายงานสืบสวนพอใจน้อยที่สุด
แหยงขับเหลิม/โพลยกนิด!
"เพื่อไทย" ยังไม่ขับ "เฉลิม" พ้นพรรค โยนเป็นเรื่อง กก.จริยธรรม
ชงเด็กเนวินขึ้นแท่น สีนํ้าเงินเคาะชื่อ‘มงคล’นั่งปธ.เจียดเก้าอี้รองฯคนที่2ให้‘บุญส่ง’
"บ้านใหญ่บุรีรัมย์" เคาะแล้ว! สว.สีน้ำเงิน 150 คน เปิดเซฟเฮาส์โรงแรมพูลแมน
นายกฯเชิญชวนปชช. น้อมนำ‘พระราชดำริ’
“คุยกับเศรษฐา” เทป 2 ย้ำรัฐบาลน้อมนำโครงการพระราชดำริ ร.9-ร.10 แก้ไขปัญหา