เสี้ยม2ป.ชิงนายกฯ เพื่อไทยได้ทีกระทุ้ง/‘พปชร.’ปัดยังไม่มีมติพรรค

โฆษก พปชร.แจงลูกพรรคจ่อดัน "บิ๊กป้อม" ชิงตำแหน่งนายกฯ ให้ "บิ๊กตู่" นั่งรองนายกฯ หรือ รมว.กลาโหมเป็นเพียงความเห็นส่วนตัวไม่ใช่มติของพรรค และยังไม่ได้หารือเลือกแคนดิเดตนายกฯ "สุชาติ" ชี้เป็นความเห็นคนคนเดียว ย้ำมาอยู่ พปชร.เพราะหนุน "บิ๊กตู่" เป็นนายกฯ "เพื่อไทย" ย้อนถาม "ตู่-ป้อม" ยังจะไปด้วยกันไหม อ้าง ปชช.อยากหลุดพ้น 3 ป. เชื่อเป็นได้แค่ 2 ปีมีผลเสียมากกว่าได้ เอาแน่สมัยหน้ายื่นซักฟอกไม่ลงมติ  "ก้าวไกล" โว "พิธา" เหมาะที่สุดหยัน พปชร.ส่งตัวถังบุโรทั่งมาให้คนยุค "ไฮเปอร์ลูป" ถือว่าดูถูก ปชช. "จุรินทร์" ชี้ปรับ ครม.ต้องรอถามนายกฯ มั่นใจ ปชป.คัมแบ็กเกิน 52 เสียง

เมื่อวันอาทิตย์ ดร.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ส.ส.กทม. เขต 2 ในฐานะโฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ชี้แจงถึงกระแสข่าวที่มีการแสดงความคิดเห็นของสมาชิกพรรค ถึงการคัดเลือกตัวบุคคลเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในสมัยหน้า ที่อาจจะให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค ชิงตำแหน่งนายกฯ และให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาเป็นรองนายกฯ หรือ รมว.กลาโหมนั้น ว่าเป็นเพียงความคิดเห็นของ ส.ส.ท่านนั้น ซึ่งในส่วนของพรรคยังไม่ได้มีการประชุมพรรคเพื่อหารือพูดคุยในประเด็นดังกล่าว จึงขอย้ำอีกครั้งว่า การแสดงความคิดเห็นในลักษณะดังกล่าวไม่ใช่มติของพรรค

"ขณะเดียวกัน พล.อ.ประวิตรก็ได้เน้นย้ำขอให้ ส.ส.โฟกัสเรื่องการดูแลประชาชนในสถานการณ์อุทกภัยในหลายพื้นที่ พร้อมร่วมกับส่วนราชการ ขับเคลื่อนการดูแลพี่น้องประชาชนที่ประสบปัญหา รวมถึงให้ตระหนักถึงข้อกฎหมายในการที่จะช่วยเหลือพี่น้องประชาชนให้ถูกต้องด้วย" โฆษกพรรค พปชร.กล่าว

นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ในฐานะผู้อำนวยการพรรค พปชร. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายวีระกร คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์ พรรค พปชร. สนับสนุน พล.อ.ประวิตร ในฐานะหัวหน้าพรรคเป็นแคนดิเดตนายกฯ ในบัญชีว่า เป็นความเห็นส่วนตัวของนายวีระกร ก็ถือว่าเป็นสิทธิ แต่การจะเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ เป็นเรื่องใหญ่ ไม่ใช่คนคนเดียวจะคิดและตัดสินใจแทนคนทั้งพรรค ต้องให้สมาชิกและกรรมการบริหารพรรคมีมติเห็นชอบก่อน

 “ส่วนตัวผมและเพื่อน ส.ส.พลังประชารัฐอีกหลายคนตัดสินใจมาอยู่กับพลังประชารัฐ ก็เพราะพรรคสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี และให้กำลังใจมาโดยตลอด” นายสุชาติ กล่าว

เมื่อถามว่า ไม่ขัดใช่หรือไม่หากสมาชิกพรรคมีความเห็นสนับสนุน พล.อ.ประวิตรเป็นแคนดิเดตนายกฯ 1 ใน 3 ในบัญชี นายสุชาติกล่าวว่า “ก็ต้องดูความเห็นของส่วนรวม แต่ผมมาพรรคพลังประชารัฐ ส่วนตัวก็ยังยืนหยัดว่าพรรคเสนอ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ มันก็เป็นเจตนารมณ์ของผมที่ผมมาพรรคนี้”

นายสุทิน คลังแสง  ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวกรณีนายวีระกร คำประกอบ จะเสนอชื่อ พล.อ.ประวิตรเป็นแคนดิเดตนายกฯ หลังการเลือกตั้งสมัยหน้าแล้วให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นรองนายกฯ ควบกระทรวงใหญ่ ว่า นายวีระกรสามารถคิดได้ นำเสนอต่อพรรคได้ แต่ต้องถามนายวีระกรว่าได้คุยกับ พล.อ.ประยุทธ์กับ พล.อ.ประวิตร แล้วหรือยัง ทั้ง 2 ท่านจะยังไปด้วยกันได้อยู่หรือ นายวีระกรได้ลองฟังเสียงประชาชนอย่างกว้างขวางหรือยัง เท่าที่ตนฟังมาประชาชนคนไทยอยากหลุดพ้นจาก ป. เต็มทน อยากก้าวไปสู่ผู้นำใหม่ๆ ความคิดใหม่ๆ และแนวทางบริหารประเทศใหม่ๆ 8 ปีกับ ป. ประชาชนระทมพอแล้ว

เมื่อถามว่า ถ้าเป็นแบบที่นายวีระกรว่าจริง จะเป็นผลดีผลเสียกับพรรคเพื่อไทยอย่างไร นายสุทินกล่าวว่า พรรคเพื่อไทยไม่ได้วิตกกับคู่แข่ง วิตกกับประชาชนเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเชื่อมั่นว่าถ้าเป็นคู่แข่งหน้าเดิมๆ เราเคยชนะมาโดยตลอด น่าจะชนะได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมด้วย  ขออย่างเดียว ให้มีเลือกตั้งและมีกติกาที่เป็นธรรม 

เมื่อถามถึงการยื่นญัตติอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 นายสุทินกล่าวว่า เป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ ในสมัยประชุมหน้ายังมีสิทธิยื่นอภิปรายตามมาตรา 152 อยู่ จึงคิดว่า ควรใช้ช่องทางดังกล่าวให้เป็นประโยชน์กับการบริหารประเทศในช่วงที่เหลือ สาระคือ การซักถามประเด็นปัญหาและเสนอแนะทางออกในการบริหารประเทศแก่รัฐบาล มีหลายปัญหาที่อยากซักถามรัฐบาลว่าทำไมไม่แก้ปัญหา ทำไมแก้โดยวิธีที่ใช้แล้วเราก็อยากเสนอแนะ คิดว่าทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่าจะใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ส่วนที่คิดว่าเป็นเรื่องดิสเครดิตรัฐบาล ถ้าเขาทำดี ประชาชนให้เครดิตเขา ฝ่ายค้านจะทำเช่นนั้นก็ไม่มีประโยชน์

เสนอชื่อ'บิ๊กตู่'เสียมากกว่าได้

นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรค พท. กล่าวว่า พรรค พปชร.จะเสนอใครก็เป็นเรื่องของเขาหากไม่นึกถึงหัวใจประชาชนก็สุดแท้แต่ เราไม่ก้าวล่วง ให้ประชาชนตัดสินใจเอง พรรค พท.หากจะเสนอใครเป็นแคนดิเดตนายกฯ จำนวน 3 คน ต้องสามารถเป็นนายกฯ ได้ครบเทอม ประชาชนต้องหวังพึ่งพาได้ มิใช่เหมือนบางพรรคจะเสนอใครทั้งที่รู้ว่าเป็นนายกฯได้แค่อีก 2 ปี ไม่เหมาะสมด้วยประการทั้งปวง รัฐบาลหลังเลือกตั้งมีอายุ 4 ปี ต้องให้ประชาชนหวังพึ่งพาได้ถึงจะถูก หากพรรคไหนยังคงจะเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ มองว่าเสียมากกว่าได้ เพราะประชาชนไม่เชื่อมั่นกับคนที่เป็นนายกฯ ได้แค่ 2 ปี พรรคไหนจะเสนอชื่อไม่เชื่อก็ลองดู

นายนพดล ปัทมะ แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เป็นที่ชัดเจนว่านายกฯ คนปัจจุบันสามารถเป็นนายกฯ ต่อไปได้จนถึงปี 2568 เห็นว่าบทบัญญัติใดในรัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นธรรม ไม่เป็นประชาธิปไตยควรได้รับการแก้ไข โดยควรแก้ไขมาตรา 272 ของรัฐธรรมนูญให้เฉพาะ ส.ส.ที่มาจากการเลือกตั้งเท่านั้นมีอำนาจโหวตนายกฯ ถ้าแก้มาตรา 272 สำเร็จ จะขจัดปมความขัดแย้งทางการเมืองปมหนึ่ง เป็นจุดเริ่มต้นของการเดินเข้าสู่ถนนปรองดองของคนในชาติ กอบกู้ภาพลักษณ์ว่าประเทศมีกติกาที่เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น

นายณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวว่า คงไม่สามารถก้าวล่วงไปออกความเห็นในส่วนของพรรค พปชร.ได้ เพียงแต่ตั้งข้อสังเกตว่า นายวีระกรไม่ใช่หัวหน้าพรรค เป็นเพียง ส.ส.ท่านหนึ่งเท่านั้น ยังไม่ได้ยินเรื่องนี้จาก ส.ส.ท่านอื่น แกนนำ หรือแม้กระทั่งหัวหน้าพรรคว่ามีความเห็นอย่างไร อดตั้งข้อสังเกตไม่ได้ว่า อาจจะมีการเสนอชื่อทั้ง 3 ป.เลยหรือไม่ แต่ประเด็นของ 3 ป. ไม่ใช่แค่เรื่องของวาระการดำรงตำแหน่งนายกฯ แต่เป็นเรื่องการยอมรับของประชาชน ในส่วนของพรรค ก.ก. เราไม่ได้กังวล ยืนยันมาตั้งแต่ต้นว่าจะเสนอชื่อเดียวคือ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรค ก.ก. เป็นนายกฯ เท่านั้น เรายิ่งมั่นใจว่าจากกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีผลตัดสินออกมาแบบนี้ และเสียงของประชาชนที่ส่งผ่านช่องทางต่างๆ ไม่ยอมรับกับการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ และไม่ยอมรับนายกฯ ที่ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์อีกต่อไป

นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค ก.ก. กล่าวว่า พล.อ.ประวิตรขึ้นมาทำงานแทน พล.อ.ประยุทธ์ 1 เดือน คนอาจรู้สึกดีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ ทั้งในแง่การสื่อสารการเมือง และคาแรกเตอร์ หรือความแข็งกร้าว แต่ไม่ได้หมายความว่ากระแสความนิยมจะดีขึ้นในระดับที่ประชาชนจะยอมรับให้เป็นแคนดิเดตนายกฯ อย่าเพิ่งฝันหวานไป พล.อ.ประยุทธ์มีสภาพเหมือนตัวถังเครื่องยนต์ที่หมดสภาพ ไปต่อไม่ได้แล้ว คนที่คิดจะเสนอชื่อ พล.อ.ประวิตรเองดูถูกประชาชนหรือเปล่า ที่จะส่งตัวถังรถแบบนั้นมาให้คนยุคสมัยนี้ใช้งาน ยุคนี้เขาไฮเปอร์ลูปกันแล้ว ยังจะส่งตัวถังยุคเก่าๆ มาให้ ไม่ได้บูลลี่เรื่องวัย อายุ หรือสุขภาพ แต่พูดเรื่องศักยภาพความสามารถ

"ก็ต้องตั้งคำถามกลับไปว่า พปชร.ไม่มีตัวเลือกที่มีความหวังให้กับประชาชนมากกว่านี้แล้วจริงๆ หรือ พปชร.หนีไม่พ้น สลัดไม่หลุดจาก 3 ป. อย่าดูถูกประชาชน ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไม่ใช่สมบัติที่พี่น้อง 3 ป.จะผลัดกันชมใช่หรือไม่ มันจะเพิ่มความเดือดดาลให้ประชาชน และทำให้มองวงการทหารอย่างไร รัตนโกสินทร์สิ้นคนดีขนาดนั้นเลยหรือ พปชร.สิ้นคนดีขนาดนั้นเลยหรือ" นางอมรัตน์กล่าว

พท.ฝังกลบมากกว่าแลนด์สไลด์

นายธนกร วังบุญคงชนะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พปชร. กล่าวถึงกรณีที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค พท. ระบุว่า การที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ความเป็นนายกฯ ของ พล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญปี 2560 เป็นผลดีกับพท.มากๆ ทำให้มีโอกาสได้แลนด์สไลด์มากขึ้นว่า หาก นพ.ชลน่านหลอกตัวเองแบบนั้นแล้วสบายใจ ก็ไม่ว่ากัน เพราะการจะแลนด์สไลด์หรือไม่ เขาวัดกันที่ความจริงใจในการแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชน โดยไม่มีการทุจริตอย่างมโหฬารชนิดที่อดีตหัวหน้ารัฐบาลเองก็ยังหนีความรับผิดชอบไปอยู่ต่างประเทศ และนโยบายของรัฐบาลที่เข้าถึงคนทุกพื้นที่ ไม่ใช่แค่จังหวัดที่เลือกคนของตัวเองเข้ามาเป็นรัฐบาล ถ้าวันนี้ยังตั้งโจทย์ผิด การเลือกตั้งสมัยหน้า พท.คงไม่แลนด์สไลด์ แต่จะเป็นการฝังกลบมากกว่า

ที่โรงแรมอวานี พลัส เกาะลันตา จังหวัดกระบี่ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ให้สัมภาษณ์ก่อนสัมมนา ส.ส.และรัฐมนตรีของพรรค ถึงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ต้องเริ่มจาก พล.อ.ประยุทธ์กลับมาปฏิบัติหน้าที่เสียก่อน เพราะที่ผ่านมาไม่ได้ไปรบกวนนายกฯ แต่ได้สื่อสารทางด้านอื่นและประสานงานกับนายกฯ มาตลอด เมื่อนายกฯ กลับมาปฏิบัติหน้าที่ก็จะได้มีโอกาสหารือว่ามีความคิดเห็นอย่างไร ต้องนับหนึ่งที่นายกฯ ด้วย เราต้องให้เกียรติผู้ที่เป็นผู้นำรัฐบาล สำหรับตนเมื่อมีโอกาสเหมาะสมก็จะไปหารือกับนายกฯต่อไป

เมื่อถามว่า ระยะเวลาที่เหลืออยู่ของรัฐบาลเหมาะสมที่จะปรับ ครม.หรือไม่ นายจุรินทร์กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของแต่ละสถานการณ์ ไม่ว่ารัฐบาลใดก็ตาม หรือเหลือเวลาเท่าใดก็ตาม และคงเป็นไปตามตำแหน่งเดิมยังไม่มีสัญญาณที่จะเปลี่ยนแปลง แต่ทั้งหมดต้องหารือกับนายกฯ มั่นใจภายใน ปชป.ไม่มีแรงกระเพื่อมแน่นอน ทุกอย่างจะเรียบร้อยและราบรื่น เพราะต้องผ่านกระบวนการขั้นตอนของพรรค

ถามต่อว่า หลังจากนี้รัฐบาลจะอยู่ครบเทอมหรือยุบสภาก่อน นายจุรินทร์ กล่าวว่า เป็นไปได้ทั้งสองทาง ทั้งหมดอยู่ที่หัวหน้ารัฐบาล แต่คิดว่าน่าจะมีการหารือกันระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล ก็เชื่อว่านายกฯ จะให้เกียรติพรรคร่วมรัฐบาลในการสอบถามหารือด้วย ส่วนถ้ายุบสภาช่วงการประชุมเอเปกจะยุ่ง เพราะการประชุมนี้เป็นการประชุมระดับโลก ที่มีสมาชิกจาก 21 เขตเศรษฐกิจทั่วโลก

ต่อมานายจุรินทร์กล่าวเปิดงานสัมมมาตอนหนึ่งว่า ภารกิจสำคัญของรัฐบาลในช่วงครึ่งปีสุดท้ายนี้มี 2 เรื่อง คือ 1.การเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปก และ 2.การแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ ที่สำคัญคือการส่งออก ซึ่งกระทรวงพาณิชย์สามารถทำงานร่วมกับภาคเอกชนโดยประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ในปี 2564 ที่ผ่านมา สามารถทำยอดการส่งออกได้ถึง 8.5 ล้านล้านบาท ส่วนในปีนี้ตั้งเป้าไว้ที่ 9 ล้านล้านบาท มั่นใจว่าจะสามารถทำได้ 3 ปีในการร่วมรัฐบาล ประชาธิปัตย์สร้างผลงานเกินตัว เกิน 52 เสียงที่มีอยู่ มั่นใจ ปชป.แม้จะมี 52 เสียง แต่จะเป็นพรรคการเมืองที่เป็นที่พึ่งหวังประชาชน กล้ายืนหยัดในสิ่งที่ถูกต้องและประโยชน์สูงสุด

ปชป.โวคัมแบ็ก 70-80 เสียง

 “ผมอยู่ในพรรคมาหลายยุค เห็นการเตรียมการเลือกตั้งมาหลายครั้ง ครั้งนี้เป็นอีกครั้งที่มีความพร้อมไม่แพ้หลายยุค และพร้อมเดินหน้าก้าวเข้าสู่การเลือกตั้ง เพียงแต่ขอให้ทุกคนช่วยกันทุ่มเท หนักแน่น และเป็นเอกภาพ ผมมั่นใจว่าถ้าเราทำได้แบบนี้ การเลือกตั้งเที่ยวหน้าประชาธิปัตย์คัมแบ็กแน่นอน” นายจุรินทร์กล่าว

จากนั้นเป็นการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครส.ส.กระบี่อย่างเป็นทางการทั้ง 3 เขต ได้แก่ 1.นายธนวัช ภูเก้าล้วน (เคี่ยง) ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กระบี่ เขต 1 อ.เมืองฯ และ อ.เหนือคลอง 2.นายสาคร เกี่ยวข้อง หรือโกแดง ส.ส.กระบี่ ว่าที่ผู้สมัครเขต 2 อ. อ่าวลึก อ.ปลายพระยา และ อ.เขาพนม ซึ่งเป็น ส.ส.กระบี่หลายสมัย และ 3.น.ส.พิมพ์รพี พันธุ์วิชาติกุล ส.ส.บัญชื่อรายชื่อ ปชป. ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กระบี่เขต 3 อ.ลำทับ อ.คลองท่อม และ อ.เกาะลันตา

นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรค ปชป. ในฐานะผู้อำนวยการการเลือกตั้งพรรค ย้ำถึงการเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้ง โดยขณะนี้ได้มีการเตรียมทั้งตัวผู้สมัคร ในพื้นที่เป้าหมายหลักเกือบครบทั้งหมดแล้ว สิ่งที่ต้องเตรียมต่อมาก็คือในเรื่องของนโยบาย คาดว่าจะชัดเจนในเดือนพฤศจิกายน ทั้งนี้ เมื่อเปลี่ยนรูปแบบเป็นบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ก็มั่นใจ และตั้งเป้าให้ได้ ส.ส. 70-80 คน ในการเลือกตั้งครั้งหน้า

ขณะที่นายเดชอิศม์ ขาวทอง รองหัวหน้าพรรค ปชป. ที่ดูแลภาคใต้ ยืนยันว่าหากมีการปรับ ครม. จะไม่ขอรับตำแหน่งรัฐมนตรี เพราะยังไม่ได้สร้างผลงาน แต่สำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้า ก็ต้องรอดูผลการเลือกตั้งที่มีตนเป็นแม่ทัพภาคใต้เสียก่อน

ที่ จ.สุพรรณบุรี พรรคทวงคืนผืนป่าประเทศไทย ได้จัดการประชุมใหญ่วิสามัญพรรคทวงคืนผืนป่าประเทศไทย ครั้งที่ 1/2565 โดยที่ประชุมมีมติเปลี่ยนชื่อพรรค เป็นพรรคโอกาสไทย และให้นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ อดีตหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ เป็นหัวหน้าพรรคแทนนายสุชิน เพียรทอง

ด้านนายดำรงค์ พิเดช อดีตประธานที่ปรึกษาพรรครักษ์ผืนป่าฯ กล่าวว่า การเปลี่ยนชื่อและหัวหน้าพรรคเพื่อเตรียมการสำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้า ซึ่งการทำงานของพรรคจะมีมิติหลากหลายขึ้น ตนยังคงร่วมงานกับพรรคโอกาสไทยต่อไป ส่วนรายละเอียดการทำงาน ต้องถามนายมิ่งขวัญที่จะเป็นผู้นำในการสู้ศึกเลือกตั้งครั้งต่อไป

ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา พรรคเป็นธรรม โดย ดร.ปิติพงศ์ เต็มเจริญ หัวหน้าพรรค เปิดตัวนายกัณวีร์ สืบแสง ประธานยุทธศาสตร์และรองหัวหน้าพรรคเป็นธรรม พร้อมเปิดนโยบาย "เปลี่ยน สร้าง สู้" เพื่อประชาธิปไตยที่เป็นธรรม โดย ดร.ปิติพงศ์และนายกัณวีร์ร่วมกันวางพวงมาลาสดุดีวีรชนเพื่อประชาธิปไตย เนื่องจากเหตุผลสำคัญที่มาใช้สถานที่ในการเปิดนโยบายเพื่อระลึกถึงวีรชนที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย

ขณะที่ นายสรยุทธ เพ็ชรตระกูล เลขาธิการพรรคเป็นธรรม แสดงความยินดีที่นายกัณวีร์มาร่วมงานกับพรรค ที่ตั้งใจเป็นพรรคการเมืองที่แท้จริง ไม่ได้ตั้งมาเพื่อจะควบรวมกับพรรคการเมืองอื่น จึงขอโอกาสประชาชน.          

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘ยิ่งลักษณ์’ กลับคุก ‘บิ๊กเสื้อแดง’ รู้มา! ว่าไปตามราชทัณฑ์ไม่ใช้สิทธิพิเศษ

“เลขาฯ แสวง” ยันเดินหน้าคดี “ทักษิณ-เพื่อไทย” ล้มล้างการปกครองต่อ เพราะใช้กฎหมายคนละฉบับกับศาล รธน. "จตุพร" ลั่นยังไม่จบ! ต้องดูสถานการณ์เป็นตอนๆ ไป