“ธปท.” ยันดูแลสถานการณ์บาทอ่อนยวบใกล้ชิด พร้อมเข้าดูแลหากผันผวนสูงและเร็วเกินไป แต่จะไม่ฝืนทิศทางตลาด “กรณ์” เชื่อมั่น ธปท.รับมือ พร้อมยกบทเรียนจากวิกฤตเงินปอนด์ เตือนรัฐบาลอย่าลดแลกแจกแถม กระทบวินัยการคลัง
เมื่อวันพฤหัสบดี นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า การอ่อนค่าของเงินบาทนั้นเป็นผลมาจากเศรษฐกิจโลก และการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์สหรัฐ ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน เงินบาทอ่อนค่าแล้วราว 12% ซึ่งอยู่ในระดับกลางๆ เมื่อเทียบกับประเทศอื่น ซึ่ง ธปท.พร้อมดูแลค่าเงินบาทในช่วงที่ผันผวนผิดปกติ เพราะไม่อยากให้กระทบต่อการนำเข้าและส่งออก รวมถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ สำหรับเงินบาทที่อ่อนค่าลงในปัจจุบันจะมีผลต่อเสถียรภาพไม่มากนัก เนื่องจากไทยมีการกู้เงินจากต่างประเทศในระดับต่ำ ขณะที่ทุนสำรองระหว่างประเทศอยู่ในระดับสูงที่ 2.4 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนการเคลื่อนย้ายของเงินทุนในปัจจุบันนั้นยังไม่มีอะไรที่น่าเป็นกังวล โดยพบว่ายังเป็นการไหลเข้าสุทธิอยู่
“ธปท.เฝ้าติดตามเกี่ยวกับสถานการณ์ค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิด และพร้อมที่จะเข้าไปดูแลตอนที่ความผันผวนผิดปกติ เพราะไม่อยากให้กระทบกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และไม่อยากเห็นความผันผวนที่สูงเกินไป แต่การดูแลจะต้องไม่ฝืนทิศทางตลาด เพราะรู้ว่าคงฝืนไม่ได้และไม่เหมาะสม อีกทั้งเราไม่ใช้นโยบายในการกำหนดอัตราแลกเปลี่ยน และไทยเองเคยมีบทเรียนจากวิกฤตปี 2540 มาแล้ว โดย ธปท.เองไม่ได้มีระดับในใจว่าเงินบาทจะต้องอยู่ที่เท่าไหร่ แต่สิ่งที่ ธปท. ดู คือไม่ให้เกิดความผันผวนจนส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ” นายเศรษฐพุฒิกล่าว
นายเศรษฐพุฒิกล่าวอีกว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปีนี้ยังเชื่อว่าจะฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง จากอุปสงค์ภายในประเทศ ทั้งการบริโภคและการท่องเที่ยวที่กลับมาฟื้นตัวได้ดีขึ้น ส่วนภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มถดถอยนั้น ยอมรับว่าอาจจะส่งผลกระทบกับการส่งออก โดยล่าสุด ธปท. ได้คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะขยายตัวได้ที่ 3.3% ขณะที่ปี 2566 ที่ระดับ 3.8% ซึ่งรวมสถานการณ์ดังกล่าวไว้แล้ว และอาจทำให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวช้ากว่าที่ควรจะเป็น สำหรับแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อทั่วไปนั้น คาดว่าจะกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายที่ระดับ 1-3% ได้ในปี 2566 จากที่ทำสถิติสูงสุดในไตรมาส 3/2565 ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานคาดว่าจะทำสถิติสูงสุดในไตรมาส 4/2565 โดยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายนั้น ถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยทำให้เงินเฟ้อกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมาย
“ไม่ได้มีเป้าหมายในใจว่าจะต้องปรับเท่าไหร่ หรือปรับขึ้นกี่ครั้ง แต่ขึ้นอยู่กับเวลาและบริบทที่เหมาะสมกับประเทศไทยมากกว่า หากสถานการณ์เปลี่ยนไป โดยเฉพาะเงินเฟ้อพื้นฐาน ซึ่งเป็นสิ่งที่เรากังวล เพราะเป็นตัวสะท้อนว่าเครื่องยนต์เงินเฟ้อติดหรือไม่ หากปัจจัยเหล่านี้ต่างจากคาดการณ์ คณะกรรมการนโยบายการเงินพร้อมที่จะปรับทิศทางนโยบายการเงิน หรือพร้อมที่จะประชุมนัดพิเศษต่อไป” นายเศรษฐพุฒิกล่าว
ทางด้านนายกรณ์ จาติกวณิช อดีต รมว.การคลัง โพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณีการลดค่าเงินปอนด์ของอังกฤษว่า ถือเป็นการปรับลดค่าเงินปอนด์อย่างรุนแรง เป็นผลโดยตรงจากนโยบายเศรษฐกิจของนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีคลังคนใหม่ ตามที่นายกฯ Liz Truss ได้หาเสียงไว้ว่าจะเพิ่มเงินกู้อย่างมหาศาล และจะปรับลดภาษีพร้อมกัน ท่ามกลางความกดดันที่มีอยู่เดิมจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ ซึ่งอังกฤษขาดดุลบัญชีเดินสะพัดอยู่แล้วถึง 8% ของ GDP และอาจจะเพิ่มเป็น 10% ได้ด้วยนโยบายของนายกฯ คนใหม่ ในขณะที่หนี้สาธารณะอยู่ที่กว่า 100% ของ GDP อยู่แล้ว
นายกรณ์ระบุว่า วันนี้เงินปอนด์อยู่ที่ประมาณ 1.08 ต่อดอลลาร์ มีอยู่ช่วงหนึ่งที่อ่อนค่าที่สุดเป็นประวัติศาสตร์เมื่อเทียบกับดอลลาร์ สาเหตุคือวิกฤตศรัทธา นักลงทุนสูญเสียความไว้วางใจในนโยบายรัฐบาล นี่คือสิ่งที่น่ากลัวที่สุด ไทยเราเองกำลังจะเข้าสู่ฤดูการเลือกตั้ง คือเข้าสู่ช่วงลดแลกแจกแถม จึงต้องตระหนักในความรับผิดชอบทางการคลัง ไทยเป็นประเทศที่มีส่วนต่างดอกเบี้ยที่กว้างมากที่สุดในอาเซียนเมื่อเทียบกับดอกเบี้ยของอเมริกา หากทำอะไรให้เกิดวิกฤตศรัทธาขึ้นมา จะเสี่ยงที่จะถูกตลาดเงินกดดันให้ต้องเพิ่มดอกเบี้ยอย่างแรง ซึ่งจะไม่เป็นผลดีกับผู้ประกอบการและประชาชนที่เป็นหนี้
"ระหว่างนี้ขอแนะนำ 3 ข้อดังนี้คือ 1. อย่าพยายามไปสู้กับดอลลาร์ อย่าไปชี้ว่าบาทต้องเท่านี้เท่านั้น เขาเป็นเจ้าของแท่นพิมพ์ สู้ไปมีแต่เจ๊ง 2.แบงก์ชาติมาถูกทางแล้ว ที่ไม่คิดใช้อัตราดอกเบี้ยเป็นเครื่องมือต่อกรกับดอลลาร์ ยิ่งเพิ่มดอกเบี้ยมากคนไทยยิ่งเจ็บ อย่าลืมว่า 'ดอลลาร์แข็ง บาทไม่ได้อ่อน' รัฐบาลเพียงอย่าไปทำให้บาทอ่อนขึ้นมาเหมือนเงินปอนด์ และ 3. ต้องเร่งเพิ่มปัจจัยที่ทำให้บาทแข็งค่า เพิ่มภูมิคุ้มกัน นั่นคืออุดการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด เพิ่มรายได้เข้าประเทศ ส่งเสริมภาพลักษณ์เพื่อดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาให้มาก" นายกรณ์ระบุ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ครม.ตั้ง‘โต้ง’19พ.ย. ดี๊ด๊าคุมธปท.ฝ่าเสียงต้าน สถิตย์การันตีล้วงลูกไม่ได้
"กิตติรัตน์" ดี๊ด๊า! แชร์ข่าวได้นั่ง "ปธ.บอร์ด ธปท." ระบุทุกเสียงสนับสนุนคือกำลังใจ
นัดถกบอร์ดศก. ปล่อยกู้7หมื่นล. สางหนี้-ซื้อบ้าน
นายกฯ นัดถก "บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ" ครั้งแรก 19 พ.ย.นี้
เรียก‘พื้นที่อ้างสิทธิ’เลิกใช้‘ทับซ้อน’
เลขาฯ กฤษฎีกาชี้ชัดยกเลิก "เอ็มโอยู" ฝ่ายเดียวได้แต่ไม่ควร
รบ.โต้ขัดแย้งเขากระโดง คลอดพรฎ.แก้พิพาทที่ดิน
แกนนำรัฐบาลประสานเสียงปมที่ดินเขากระโดง ไม่สร้างขัดแย้ง "เพื่อไทย-ภูมิใจไทย"
อิ๊งค์อยู่ครบเทอม พท.ชิ่งก๊วนมาม่า
“นายกฯ อิ๊งค์” ลั่นกลางวงประชุมทูตภาคพื้นอเมริกา บอกรัฐบาลมั่นใจอยู่ครบเทอม
อสส.ชงศาลรธน.คดีล้มล้างฯ
อัยการสูงสุดส่งเอกสารปม “ธีรยุทธ” ร้อง “ทักษิณ-เพื่อไทย” ครอบงำ-ล้มล้างให้ศาลแล้ว