บิ๊กตู่อยู่บ้านลุ้นศาล กางแผนรับม็อบ30ก.ย. กองทัพยันไร้รัฐประหาร

กองทัพยืนยันไร้รัฐประหาร  ขอประชาชนอุ่นใจ "ประยุทธ์" ผ่อนคลาย 30 ก.ย. ปักหลักกลาโหม ก่อนกลับบ้านพัก รอลุ้นศาล รธน.วินิจฉัยปมนายกฯ 8 ปี "อนุทิน" ยันอยู่ครบวาระ ต้องให้กำลังใจหัวหน้ารัฐบาล ด้าน ผบ.ตร.แจงแผนรับมือม็อบ ยันไม่แรงเหมือนปี 2553 ขณะที่คณะหลอมรวมฯ ยึดพื้นที่ราชประสงค์

เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2565 พล.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกระแสข่าวรัฐประหาร โดยยืนยันว่า ไม่มีรัฐประหาร ใครจะพูดอย่างไร ด้วยวัตถุประสงค์อะไร ก็ต้องไปถามคนนั้น เพราะทหารไม่มีเงื่อนไขอะไรที่นำไปสู่ตรงนั้น อีกทั้งในที่ประชุมสภากลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ก็ไม่ได้พูดถึงประเด็นดังกล่าว

"ผมยืนยันว่าไม่มีรัฐประหารทั้งสิ้น ขอให้อุ่นใจและสบายใจ ส่วนวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์มีภารกิจอะไรต่อนั้น คงตอบไม่ได้"

ด้าน พ.อ.วันชนะ สวัสดี รองโฆษกกระทรวงกลาโหม ย้ำว่า ในที่ประชุมสภากลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวขอบคุณ กล่าวถึงสมาชิกสภากลาโหมทุกคนที่ปฏิหน้าที่ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา โดยบรรยากาศมีความเป็นกันเอง โดย พล.อ.ประยุทธ์มีท่าทีผ่อนคลายและไม่ได้พูดกรณีที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะอ่านคำวินิจฉัย ปัญหาการดำรงตำแหน่งครบวาระ 8 ปีนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 30 ก.ย.นี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในที่ประชุมสภากลาโหม พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้นำแผนรับมือผู้ชุมนุมในวันที่ 30 ก.ย. โดยยืนยันว่า สถานการณ์ไม่รุนแรงเหมือนปี 2552 และ 2553

ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ได้ให้พรกับผู้ที่จะเกษียณอายุราชการ 30 ก.ย.นี้ พร้อมฝากถึงผู้ที่ได้รับตำแหน่งต่อให้ทำหน้าที่ให้ดีเหมือนกับคนก่อนหน้านี้ และกำชับให้ดูแลกำลังพล โดยเฉพาะการแสดงออก พฤติกรรมต่างๆ เพราะทหาร 1 นาย ส่งผลเสียต่อภาพรวมของหน่วยทหาร เช่น กรณีจ่าสิบเอกก่อเหตุยิงเพื่อนร่วมงานในช่วงที่ผ่านมา

หลังเสร็จการประชุมสภากลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ได้หลบผู้สื่อข่าวไปลงประตูด้านข้างศาลาว่าการกลาโหม ก่อนจะขึ้นรถส่วนตัวกลับออกไป

สำหรับในช่วงเช้าวันที่ 30 ก.ย. พล.อ.ประยุทธ์จะเดินทางเข้าทำงานภายในกระทรวงกลาโหมตามปกติ และจะเดินทางออกไปในช่วงเที่ยงของวันเดียวกัน เนื่องจากทางกระทรวงกลาโหมจัดพิธีอำลาตำแหน่งและรับ-ส่งหน้าที่ของปลัดกระทรวงกลาโหม ซึ่งคาดว่า พล.อ.ประยุทธ์จะกลับเข้าบ้านพักที่ ร.1 รอ. เพื่อลุ้นคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะหลอมรวมประชาชน นำโดยนายจตุพร พรหมพันธุ์  และนายนิติธร ล้ำเหลือ ได้นัดชุมนุมวันที่ 30 ก.ย.นี้ที่แยกราชประสงค์ โดยจัดเวทีสาธารณะ “หยุด 3 ป. หยุดรัฐประหาร  นับหนึ่งประเทศไทย” ซึ่งจะมีการแถลงข่าวเวลา 17.00 น. หลังจากนั้นเริ่มเวทีปราศรัย

พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ ฐากูรปุณยสิริ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) เปิดเผยว่า จากข้อมูลเบื้องต้นทราบว่าจะมีกลุ่มผู้ชุมนุม ส่วนแรกจะไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อรอฟังคำตัดสินของศาล โดยคาดว่ามีกลุ่มผู้ชุมนุมประมาณ 50-100 คน ได้มีการจัดสถานที่ไว้รองรับแล้ว เพื่อไม่ให้มีกลุ่มผู้ชุมนุมเข้าไปในเขตพื้นที่ของศาล โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจะใช้กำลังควบคุมฝูงชนของ บก.น.2 ที่ได้จัดเตรียมเอาไว้แล้ว                   และยังมีกลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนประกาศนัดชุมนุมกันที่บริเวณมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ แต่ตำรวจยังไม่ทราบจำนวนของกลุ่มผู้ชุมนุมที่จะไปร่วมชุมนุม นอกจากนี้ยังมีกลุ่มคณะหลอมรวมประชาชน นำโดย นายนิติธร ล้ำเหลือ และนายจตุพร พรหมพันธุ์ ที่จะชุมนุมกันบริเวณแยกราชประสงค์ 

 “ในแต่ละจุดนั้น ถือว่าไม่น่าเป็นห่วง เพราะแต่ละจุดการชุมนุมจะมีการจัดเตรียมกำลังตำรวจพื้นที่ในการเข้าไปควบคุมดูแล รวมถึงมีการจัดเตรียมกำลังควบคุมฝูงชนเอาไว้ตามสถานการณ์”

รอง ผบช.น.กล่าวว่า การขออนุญาตใช้พื้นที่เพื่อการชุมนุม ขณะนี้ยังไม่มีกลุ่มใดแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พื้นที่เพื่อขอชุมนุม คาดว่าอาจจะมีการร้องขอก่อนวันชุมนุมประมาณ 24 ชั่วโมง ซึ่งตำรวจจะให้ชุมนุมได้ตาม พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ โดยมีวัตถุประสงค์ กรอบเวลา ไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่น และไม่อยู่ในพื้นที่ต้องห้าม ตำรวจก็พร้อมดูและอำนวยความสะดวก  ทางกลุ่มคณะหลอมรวมประชาชนได้แจ้งไปยัง สน.ปทุมวันและ สน.ลุมพินี ว่าจะมีการใช้พื้นที่บริเวณแยกราชประสงค์ ชุมนุมในช่วงบ่ายวันที่ 30 กันยายน จนถึงเวลาประมาณเที่ียงคืน เป็นเพียงการแจ้งให้ทราบ แต่ยังไม่ได้มีการขอใช้พื้นที่ดังกล่าวแต่อย่างใด 

 “การชุมนุมนั้นสามารถทำได้ภายใต้กรอบของ พ.ร.บ.ชุมนุมสาธาณะ ซึ่งจะต้องดูในรายละเอียดการชุมนุมว่ามีการขออนุญาตใช้เครื่องเสียงหรือไม่อย่างไร การชุมนุมสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้กับประชาชนหรือไม่ ซึ่งเหตุผลเหล่านี้จะต้องนำมาพิจารณาในการชุมนุมวันดังกล่าวอีกครั้ง” พล.ต.ต.รุ่งโรจน์กล่าว

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า เราต้องให้กำลังใจหัวหน้ารัฐบาลของเรา ทำงานร่วมกันมาจะ 4 ปีอยู่แล้ว ถ้าสปิริตที่ดีที่สุดก็คือ มีทุกข์ร่วมทุกข์ มีสุขร่วมเสพ

เมื่อถามว่า จากการที่ได้พบ พล.อ.ประยุทธ์ 2 ครั้งที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ วิตกกังวลอะไรหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า พล.อ.ประยุทธ์รอคำพิพากษา จะไปวิตกกังวลอะไรมากกว่านี้ก็คงไม่ได้ เพราะเราไม่ทราบว่าผลจะเป็นอย่างไร ของบางอย่างมันก็อยู่เหนือความควบคุม

ถามว่า สังคมกังวลว่าหาก พล.อ.ประยุทธ์ได้ไปต่อจะมีม็อบ นายอนุทิน ตอบว่าสังคมไม่ต้องเป็นห่วง สภาชุดนี้จะครบเทอมวันที่ 23 มี.ค.2566 เหลือเวลาอีก 5-6 เดือน เราก็ประคับประคองบ้านเมืองไป จะมีงานประชุมเอเปก ใครจะมา-ไม่มาไม่เป็นไร แต่การประชุมต้องเกิด เพราะต่อให้ตัวจริงไม่มาก็มีตัวแทนมา แต่ว่าข้อหารือยังคงอยู่

 “จะให้ดีที่สุดก็คือความเป็นประเทศเจ้าบ้าน เจ้าภาพก็ควรที่จะมีผู้ที่เป็นผู้นำประเทศของเรา ได้ทำหน้าที่เป็นเจ้าภาพอย่างเต็มที่ พอพ้นเดือน พ.ย.และธ.ค.ก็จะเป็นเทศกาลปีใหม่ แป๊บเดียว อาจจะยุบสภาแล้วเลือกตั้งใหม่ ซึ่งพรรคภูมิใจไทยพร้อมตลอด เพราะฉะนั้นทุกอย่างรอเต็มที่ถึงแค่เดือน มี.ค.นี้เท่านั้น" นายอนุทินกล่าว

นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.การคลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค พปชร. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีฝ่ายค้านนำเรื่องการจัดงานอุ้มพระดำน้ำ จ.เพชรบูรณ์ มาเป็นประเด็นโจมตีทางการเมืองว่า ประเพณีอุ้มพระดำน้ำเป็นประเพณีที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาว จ.เพชรบูรณ์และจังหวัดใกล้เคียงให้ความศรัทธาและมากราบไหว้บูชาองค์พระใหญ่ หรือพระพุทธมหาธรรมราชา ซึ่งเป็นประเพณีอันดีงามที่จัดงานในช่วงวันสารทไทยทุกปี และปฏิบัติสืบเนื่องกันมาหลายร้อยปี

ส่วนกรณี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย พาดพิงคนเพชรบูรณ์ไปรับโปรยทานหลังเสร็จพิธีนั้น นายสันติกล่าวว่า หัวหน้าพรรคฝ่ายค้านไม่น่าพูดกล่าวหาพี่น้องชาว จ.เพชรบูรณ์ เพราะการโยนขนมลูกโยนเมื่อเสร็จพิธีอุ้มพระดำน้ำ เทวดาในงานก็จะโยนขนมดังกล่าวจากเรือขึ้นมาให้กับประชาชนริมฝั่ง เพื่อเก็บไว้เป็นสิริมงคล หรือรับสิ่งของไปกราบไหว้บูชา ส่วนขนมนำไปรับประทาน

 “การที่หัวหน้าพรรคฝ่ายค้านมากล่าวหาดูถูกชาวเพชรบูรณ์ว่ามีการไปรับทาน  ทั้งที่ความจริงไม่ใช่ เพราะเป็นประเพณีปฏิบัติกันมาเป็นร้อยๆ ปี และไม่น่าที่คนระดับหัวหน้าพรรคจะมีความคิดที่ไม่สูงส่ง หรือมีความคิดที่ไม่ดี มากล่าวหาทั้งที่เป็นของศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นความคิดที่ไม่ดีและผมไม่เห็นด้วย” นายสันติกล่าว

นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย เปิดเผยถึงผลการเลือกตั้ง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดร้อยเอ็ดที่ผ่านมา พบว่าประชาชนตอบรับผู้สมัครพรรคเพื่อไทยเกินกว่าที่คาดหมายไว้ สะท้อนประชาชนส่งสัญญาณถึงรัฐบาลว่า ต้องการการเปลี่ยนแปลงเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น การเลือกตั้งท้องถิ่นที่ผ่านมาทั้ง 3 แห่งคือ กรุงเทพมหานคร หรือ ส.ก.ที่พรรคเพื่อไทยคว้าชัยชนะได้มากกว่า 20 เขตในกรุงเทพฯ ที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ล่าสุดเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดร้อยเอ็ดทั้ง 3 แห่ง ประชาชนออกมาลงคะแนนเลือกตั้งเป็นจำนวนมาก ตอกย้ำว่าประชาชนเบื่อรัฐบาลนี้เต็มทีแล้ว

เขากล่าวว่า การเลือกตั้งใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในปี 2566 พรรคเพื่อไทยตั้งเป้าแลนด์สไลด์ เพราะมั่นใจว่าประชาชนตอบรับ การทำงานที่ผ่านมาของ ส.ส.พรรคเพื่อไทยทุกคน ลงพื้นที่ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่ แม้ไม่มีอำนาจแต่ก็ไม่เคยทิ้งพื้นที่ ทั้งโควิด น้ำท่วม ไม่ทอดทิ้งประชาชน อยู่พื้นที่หาทางช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มความสามารถ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง