สมช.โว30กันยายนคุมอยู่ ทำเนียบฯวอร์มรถนายกฯ

“บิ๊กป้อม” ยันหลังยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มีกฎหมายปกติรองรับ  เชื่อไม่มีอะไร ขณะที่ สมช.เผยมีความพยายามเคลื่อนไหววันที่ 30 ก.ย. แต่มั่นใจฝ่ายความมั่นคงควบคุมได้ ส่วนทำเนียบฯ เริ่มขยับ จนท.ยานพาหนะนำรถประจำตำแหน่งนายกฯ มาอุ่นเครื่องแล้ว

เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2565 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี  รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ครั้งที่ 12/2565 ถึงการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินว่า โฆษก ศบค.จะเป็นผู้ชี้แจง ตนไม่ได้เป็นโฆษกฯ ขอให้รอฟังจากโฆษกฯ ผู้สื่อข่าวถามว่าการดูแลสถานการณ์โควิดหลังจากนี้จะใช้กลไกอะไร พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า มันมีกฎหมายอยู่แล้ว ว่ากันตามกฎหมายปกติ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในวันที่ 30 ก.ย.นี้ ที่ศาลจะวินิจฉัยปม 8 ปี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รมว.กลาโหม จะมีกลุ่มผู้ชุมนุมต่างๆ มา จะดูแลอย่างไร พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “ปัดโธ่ ไม่มีอะไรหรอกครับ ไม่มีหรอก” เมื่อถามว่าการข่าวได้มีการแจ้งความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติมาหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวยืนยันว่า ไม่มี

ด้าน พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ให้สัมภาษณ์ถึงการเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆ ในวันที่ 30 ก.ย. ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยปม 8 ปี วาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าทางฝ่ายความมั่นคงไม่ได้รับรายงานข่าวที่ผิดปกติ เป็นการรายงานข่าวความมั่นคงประจำวัน ซึ่งในวันที่ 30 ก.ย.นี้ ทราบว่ามีหลายคนพยายามจะเคลื่อนไหว ซึ่งเรื่องเหล่านี้จริงๆ แล้วต่างคนก็ต่างมอง คนที่อยากสนับสนุนให้นายกฯ อยู่ต่อก็มี ถ้าเราดูด้วยใจที่เป็นกลาง ดูในมุมของความมั่นคงที่ในฐานะตนเป็นเลขาฯ สมช.

 “ผมดูประเทศไทยมาตั้งแต่ผมเป็นทหาร สิ่งที่ทำให้ประเทศไทยพัฒนามากที่สุดก็คือช่วงเวลาการมีเสถียรภาพของรัฐบาล และความตั้งใจของตัวท่านนายกฯ ที่ท่านตั้งใจมุ่งมั่นทำงาน และแผนงานต่างๆ ถ้าไปดูก็จะเห็น แต่ส่วนใหญ่เราก็จะไปดูข้อที่เป็นข่าวดังๆ ที่เป็นข่าวลบ ผมอยากให้ดูข้อดีๆ ที่ประเทศไทยเดินหน้ามาด้วยในทุกมิติ” เลขาฯ สมช.กล่าว

เมื่อถามว่า การข่าวได้แจ้งหรือไม่ว่าหลายกลุ่มที่พยายามเคลื่อนไหววันที่ 30 ก.ย.นี้ มีกลุ่มเคลื่อนไหวอย่างไร พล.อ.สุพจน์กล่าวว่า รายละเอียดตนไม่ได้ลงไปดูขนาดนั้น แต่สิ่งที่ตนรู้ในฐานะหน่วยงานความมั่นคงที่รับผิดชอบ ได้มีการเตรียมความพร้อมแก้ไขสถานการณ์ตามกฎหมาย เมื่อถามว่าเบื้องต้นมีการประเมินหรือไม่ว่าสถานการณ์จะเกิดความวุ่นวายหรือไม่ พล.อ.สุพจน์กล่าวว่าไม่มี และขอยืนยันว่าทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงดำเนินการได้

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลวันเดียวกันนี้ว่า เจ้าหน้าที่กองงานยานพาหนะทำเนียบรัฐบาล ได้เข้ามาตรวจสภาพและสตาร์ทรถยนต์ประจำตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หมายเลขทะเบียน 4 กต 29 กรุงเทพมหานคร และรถยนต์ทีมรักษาความปลอดภัยในขบวน ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รมว.กลาโหม ใช้ขณะปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ซึ่งจอดอยู่บริเวณโรงจอดรถข้างห้องทำงานผู้สื่อข่าว ตั้งแต่วันที่ 2 ก.ย. ที่ทีมรักษาความปลอดภัย พล.อ.ประยุทธ์นำมาส่งคืน

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่กองยานพาหนะเปิดเผยว่า เป็นการมาอุ่นเครื่องรถยนต์ประจำสัปดาห์ เพื่อไม่ให้เครื่องยนต์ติดขัด และเป็นการตรวจสภาพเครื่องยนต์ไปในตัว หากระบบเครื่องยนต์ขัดข้องจะได้นำเข้าศูนย์ซ่อมต่อไป แต่ในเบื้องต้นการเช็กสภาพระบบเครื่องยนต์ยังเป็นปกติ

อย่างไรก็ตาม มีกระแสข่าวว่าเป็นการเตรียมความพร้อมหากต้องใช้รถประจำตำแหน่ง ซึ่งในวันที่ 30 ก.ย.นี้ ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยปม 8 ปี

นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การตีความการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่กังวลว่าผลการวินิจฉัยจะออกมาอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์อยู่ต่อหรือไม่อยู่ต่อก็ไม่มีผลต่อพรรคเพื่อไทย เชื่อว่าประชาชนทั้งประเทศรับรู้และนับ 1-8 ครบหมด ทั้งหมดทั้งมวล ย้อนกลับไปที่จริยธรรมของ พล.อ.ประยุทธ์ ว่าท่านนับ 1-8 ครบหรือไม่ ประเด็นหลักจริยธรรมของคนเป็นผู้นำประเทศควรมี ไม่ควรเอาช่องกฎหมายเล็กๆ มาเป็นประโยชน์หาทางรอดให้ตัวเอง เพราะเรื่องนี้มันอยู่ที่จิตสำนึกของ พล.อ.ประยุทธ์เท่านั้นเอง

ที่บริเวณประตู 5 ทำเนียบรัฐบาล องค์การนิรโทษกรรมสากล (แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย นำโดย น.ส.ปิยนุช โคตรสาร ผู้อำนวยการแอมเนสตี้ฯ พร้อมด้วยนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย เดินทางมายื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้ยุติการประกาศใช้พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 และให้ยุติข้อกล่าวหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่เกิดจากการแสดงออกและการชุมนุมประท้วง โดยมีนายสมพาศ นิลพันธ์ ที่ปรึกษาสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนรับหนังสือ

โดย น.ส.ปิยนุชกล่าวว่า ในการประกาศใช้สถานการณ์ฉุกเฉินตลอด 2 ปีที่ผ่านมา มีผู้ที่ถูกดำเนินคดีตามข้อกล่าวหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 1,467 คน 647 คดี โดยมีเยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ถูกดำเนินคดีด้วยจำนวน 241 คน สำหรับการมายื่นหนังสือของพวกเราครั้งนี้ เพราะไม่ต้องการให้รัฐบาลนำกฎหมายมาปิดปากประชาชนเพื่อเป็นประโยชน์ทางการเมือง โดยข้อเรียกร้องของเราประกอบด้วย 1.ขอให้ยุติการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยคำนึงถึงความจำเป็นและความเหมาะสมในการจำกัดหรืองดเว้นการปฏิบัติตามสิทธิ์ที่ได้รับรองในกติกาสากลว่าด้วยสิทธิทางการเมืองและสิทธิพลเมือง 2.ขอให้อนุญาตและคุ้มครองให้บุคคลหรือกลุ่มใดๆ สามารถแสดงความเห็นของตัวเอง และสามารถชุมนุมประท้วงโดยสงบได้ในพื้นที่อย่างปลอดภัย 3.ขอให้ยุติการดำเนินคดีอาญากับบุคคลใดๆ อันเนื่องมาจากการใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงออกและการชุมนุมประท้วงโดยสงบ ซึ่งเป็นสิทธิ์ที่พึงมีและได้รับรองภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศและตามรัฐธรรมนูญ

ผอ.แอมเนสตี้ฯ กล่าวอีกว่า 4.ขอให้ดำเนินการให้มั่นใจว่าเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายทุกคนที่มีหน้าที่ควบคุมฝูงชนได้ปฏิบัติตามยุทธวิธีและกฎหมาย 5.ขอให้มีการรับประกันว่ามาตรการต่างๆ ที่นำมาใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน มีความถูกต้องและจำเป็น รวมถึงมีกลไกตรวจสอบที่เป็นอิสระ เพื่อติดตามการนำมาใช้ได้ และ 6.ขอให้ปรับปรุงพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 ให้สอดคล้องกับกติการะหว่างประเทศ เพื่อนำมาใช้แทน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง