ขู่ฟ่อ!ประยุทธ์รอดคดีไม่จบ

“จตุพร” เตรียมนัดชุมนุมราชประสงค์ 30 ก.ย.นี้ หลังศาลรัฐธรรมนูญตัดสินปม 8 ปีนายกฯ ขณะที่ คณะหลอมรวมประชาชนจัดเวทีนับหนึ่งประเทศไทย ชี้ "ประยุทธ์" รอดเรื่องก็ไม่จบ หวั่นใช้สภาเลือกคนนอกมาสืบทอดอำนาจแทน ขณะที่ “สร้างอนาคตไทย” แรงไม่หยุด ซัดรัฐบาลเป็ดหัวขาด แซะ “บิ๊กป้อม” เพิ่งเริ่มใส่กางเกงยีนส์หาเสียง  “ชนะศักดิ์” โต้  “สุรนันทน์” ระวังเป็นพรรคผีหัวขาด ชี้เอาคนแบบนี้มาระวังพรรคพัง

เมื่อวันที่ 18 กันยายน เวลา 12.30 น. ที่ห้องประชุมมูลนิธิอนุสรณ์สถาน 14 ตุลา แยกคอกวัว ถนนราชดำเนินกลาง  กรุงเทพฯ คณะหลอมรวมประชาชน นำโดยนายจตุพร พรหมพันธุ์ พร้อมนายนิติธร ล้ำเหลือ หรือทนายนกเขา และกลุ่มประเทศไทยต้องมาก่อน จัดแถลงข่าวก่อนเริ่มงานเสวนา “นับหนึ่งประเทศไทย ด้วยอธิปไตยของปวงชน หลัง 30 กันยายน”

นายจตุพรกล่าวว่า พวกเราเองหลังจากได้รับฟังพี่น้องแวดวงต่างๆ วันที่ 30 กันยายน นัดหมายกันที่ราชประสงค์ เวลา 17.00 น. ซึ่งจะเกิดขึ้นภายหลังศาลรัฐธรรมนูญได้อ่านคำวินิจฉัยเรื่องวาระการดำรงตำแหน่งของรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องพ้นตำแหน่งครบ 8 ปีหรือไม่อย่างไร ซึ่งคณะหลอมรวมประชาชนก็ประกาศชัดเจนว่าเราจะไม่กดดันใดๆ ต่อศาลรัฐธรรมนูญ แต่ว่าเป็นหน้าที่ที่เราจะกดดันหัวใจพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งหลาย ว่าเราจะอดทนต่อสถานการณ์นี้อย่างไร เพราะคณะหลอมรวมประชาชนได้เห็นแล้วว่าประเทศไทยไทยเราไม่เคยมีนายกฯ ขาดตอน แต่ประเทศไทยนั้นได้ขาดตอนมา 8 ปีแล้ว ล้มเหลวทุกด้านโดยสิ้นเชิง ไม่เห็นอนาคต

“วันที่ 30 กันยายน ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร เรายังคงนัดหมายไม่เปลี่ยนแปลง 30 กันยายน เจอกันที่ราชประสงค์ ส่วนว่าจะทำอย่างไรหลังจากนั้นต่อไปจะประกาศ” นายจตุพรกล่าว

นายนิติธรกล่าวว่า ถ้าศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาให้ พล.อ.ประยุทธ์ไปต่อได้ ก็มีปัญหาข้อกฎหมายอีกต่อไปว่า เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม ที่ศาลสั่งให้ พล.อ.ประยุทธ์หยุดปฏิบัติหน้าที่แล้ว แล้วทุกคนต้องหยุด แต่ไม่มีใครหยุด ดังนั้นแม้ศาลจะสั่งให้ทำหน้าที่รัฐมนตรีต่อไป ก็จะติดกับปัญหาว่าวันที่ 24 สิงหาคม มีการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ ดังนั้นไม่ว่าศาลจะออกเป็นบวกลบ ทำหน้าที่ไม่ได้ทั้ง ครม.และสภาผู้แทนราษฎร เพราะวันที่ 24 สิงหาคม ทุกคนสมัครสมาน ร่วมใจกันฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ เพราะตามกลไกศาลสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่แล้วทุกคนต้องหยุด

“คณะหลอมรวมฯ ขอเชิญประชาชนทุกคนรักษาอำนาจอธิปไตยของตนเองก่อน แล้วช่วยกันเปลี่ยนแปลงบ้านเมือง ไม่ต้องผ่านนักการเมือง ไม่ต้องผ่านทหาร วันนี้ถ้าเปลี่ยนแปลงประเทศ จะสร้างอนาคตตัวเอง ทุกอย่างทำได้หมดเพียงแค่รักษาอำนาจอธิปไตยของตัวเองไว้ อย่าหลงคารมนักการเมือง อย่ายอมทหาร แค่นี้จะนับหนึ่งประเทศไทยได้ไม่ต้องใช้ความรุนแรง” นายนิติธรกล่าว

จากนั้น คณะหลอมรวมประชาชนจัดเสวนา “นับหนึ่งประเทศไทยของปวงชน หลัง 30 กันยายน” มีนายเจษฎ์ โทณะวณิก ประธานคณะนิติศาสตร์ วิทยาลัยบัณฑิตเอเซีย และอดีตที่ปรึกษากรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.), นายพิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ผอ.หลักสูตรปริญญาเอกสาขาการเมืองและยุทธศาสตร์การพัฒนา นิด้า และนายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง  ร่วมเสวนา

 นายเจษฎ์กล่าวว่า ถ้าศาลให้วันที่ 24 ส.ค. พล.อ.ประยุทธ์สิ้นสุดนายกฯ เรื่องก็ไม่จบ และยิ่งจะเป็นเรื่องใหญ่ เพราะต้องเลือกนายกฯ คนใหม่ ตามที่มีรายชื่อที่พรรคการเมืองแต่ละพรรคเคยเสนอชื่อไว้ แต่ถ้าไม่เอานายกฯ ตามรายชื่อดังกล่าว ก็จะต้องไปใช้เสียงของสภากึ่งหนึ่งให้มีการเอานายกฯ คนนอกมา เรื่องนี้อำนาจอธิปไตยก็ยังอยู่ที่สภา และสุดท้ายเขาก็กลับมาอีก เพราะถ้าดูตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ พล.อ.ประยุทธ์สามารถกลับมาเป็นนายกฯ รักษาการได้ และสามารถยุบสภาตั้งรัฐมนตรีได้ หรือถ้าศาลบอกนับตั้งแต่ปี 62 นั้น แสดงว่าการเป็นนายกฯ ได้ก็ต่อเมื่อมีการเลือกตั้งนั้นเอง

  นายเจษฎ์กล่าวอีกว่า ไม่ได้มองว่าการเคลื่อนไหวของประชาชนนั้นไม่ได้ ไม่ใช่การไม่เหมาะไม่ควร แต่ให้ระวัง เพราะมันจะมีคนอีกกลุ่มหนึ่งเข้ามา ในภาวะการชุมนุมมันจะมีกลุ่มคนที่ตีกิน ฉะนั้นพอเราเคลื่อนไหวของประชาชนแล้วมีคนกลุ่มหนึ่ง ถ้าเราชุมนุมจนเขาอ้างว่ามันไม่สงบ เท่ากับว่าจะมีการรัฐประหารแล้วตีกินอีก เราต้องทำให้อำนาจของเราเป็นอำนาจที่ไม่มีใครมาตีกินได้

นายเจษฎ์กล่าวว่า วันนี้เราไม่ได้เริ่มนับหนึ่ง แต่มันมีบทเรียนที่ทุกคนต้องนำมาหลอมรวม ใช้สันติวิธี แต่ตนเข้าใจว่าแบบสันติวิธีบางครั้งมันเหนื่อย ตนเคยบอกว่าเราไปยึดสถานที่ต่างๆ มันผิดกฎหมาย แต่สิ่งที่ตนเห็นในหลายๆประเทศ และมีเหล่าน้องๆ เขาใช้ นั่นคือแฟลชม็อบ มันได้ผล เพราะมันมาๆ ไปๆ ในการเคลื่อนไหวแบบสมัยใหม่ มันเป็นนวัตกรรม และดำเนินเชิงเนื้อหา มีเป้าที่ชัดเจน 

นายพิชายกล่าวว่า อำนาจอธิปไตยเราโดยปกติแสดงได้ผ่านการเลือกตั้ง แต่ 8 ปีนั้นอำนาจเราอยู่ในกรง ถูกจับและขังเอาไว้ ในปี 57 ถูกขัง และมาปี 60 แม้เอากำแพงออกแต่ใส่ลูกกรง กรงที่ขังนั้นคือรัฐธรรมนูญปี 2560 และมีเครื่องมือเป็นการให้อำนาจ ส.ว.ที่ให้เลือกนายกฯ ได้ ฉะนั้นส.ว.จึงไม่ได้มีหน้าที่อะไร แต่ทำหน้าที่ตามเจ้าของกรง

 ดังนั้นทางเดียวที่เราจะออกจากกรงขังคือเราต้องร่างรัฐธรรมนูญที่เป็นของประชาชน แต่มันก็ยังมีการขัดขวางอยู่ แล้วยังมีคนที่ประชาชนเลือกเข้าไปยังสภาไปร่วมมือกับเขา มีพรรคการเมืองบางพรรคไปจับมือกับเขา แล้วทำตัวเป็นจระเข้ขวางคลองขัดขวางการร่างรัฐธรรมนูญของประชาชน มีนักการเมืองส่วนหนึ่งร่วมมือกันกักขังอธิปไตยอำนาจของปวงชน

นายธีระชัยกล่าวว่า กฎหมายรัฐธรรมนูญคนละเรื่องกับกฎหมายอาญา แพ่งและพาณิชย์ ซึ่งถ้ากฎหมายแพ่งและพาณิชย์ใช้เพื่อตั้งกติกาเพื่อต้องการลงโทษบุคคลที่ละเมิด จึงมีการเขียนไว้อย่างชัดเจน แต่กฎหมายรัฐธรรมนูญเป็นเพียงกติกาที่กำหนดขึ้นมาเพื่อให้ระหว่างกัน เพื่อให้เกิดความสงบสุข ตนเองอยากคิดว่าถ้าการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญจะเป็นอย่างไรให้คำนึงถึงความสงบของประเทศและการเมือง ตนไม่อยากคิดเลยว่าใน 8 ปีนั้นมันเป็นการเลี้ยงความขัดแย้ง จึงจำเป็นต้องนับหนึ่งประเทศไทย และ 8 ปีนั้นมีการปิดประตูไม่ให้ประชาชนมีส่วนร่วมอะไรเลย

ด้านนายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ รองหัวหน้าพรรคและประธานภาคกรุงเทพฯ  พรรคสร้างอนาคตไทย  (สอท.) กล่าวถึงสถานการณ์ภายในพรรคร่วมรัฐบาลส่งสัญญาณใดหรือไม่ว่า ต้องบอกว่ารัฐบาลนี้ไม่ใช่รัฐบาลเป็ดง่อย แต่เป็นรัฐบาลเป็ดหัวขาด ทำงานไม่ได้ ไม่สามารถแก้ปัญหาให้ประชาชนได้ ความขัดแย้งในพรรคร่วมรัฐบาลก็เป็นความขัดแย้งในช่วง 5-6 เดือนสุดท้ายที่กำลังจะหมดอายุขัยของสภาผู้แทนราษฎร แต่ประชาชนรอไม่ได้ถึง 6 เดือน ตนคิดว่าถ้ารัฐบาลไม่กลับมาพูดคุยกันให้รู้เรื่องว่าในระยะเวลาต่อไปนี้รัฐบาลจะทำอะไร สร้างเครดิตให้กับประเทศอย่างไรในช่วงการประชุมเอเปก หรือดีที่สุดไปมากกว่านั้นคือยุบสภา เพื่อให้ประชาชนตัดสิน ไม่ต้องกลัวว่าช่วงเอเปกจะมีรัฐบาลรักษาการ แต่การยุบสภาเป็นประชาธิปไตย ทั่วโลกจะได้ยอมรับว่าประเทศไทยเป็นประชาธิปไตย โลกยอมรับการเลือกตั้งเกิดขึ้นได้ ซึ่งอาจจะเป็นเครดิตที่ดีกว่าที่เป็นรัฐบาลเป็ดหัวขาดนี้ด้วยซ้ำ

เมื่อถามถึงกรณี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ระบุพร้อมเลือกตั้งแต่ไม่รู้จะยุบสภาเมื่อไหร่นั้น นายสุรนันทน์ กล่าวว่า พล.อ.ประวิตรบอกพร้อมเลือกตั้ง และเพิ่งใส่กางเกงยีนส์เมื่อวานนี้ (17กย.) แต่ตนนั้นใส่กางเกงยีนส์เดินหาเสียงมาหลายเดือนแล้ว และทำงานให้ประเทศมา 7-8 ปี ไม่ว่าจะมีคนชอบหรือไม่ชอบ ก็ถือว่าหมดเวลาแล้วสำหรับ 3 ป. ถึงเวลาที่จะให้คนใหม่เข้ามา ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามที่ประชาชนเลือกเข้ามา จะแก้ปัญหาได้ดีกว่า เพราะจะมีแนวทางใหม่ๆ ที่มาแก้ปัญหาให้ประเทศ

เมื่อถามว่า ประเมินผลการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 30 กันยายนนี้อย่างไร นายสุรนันทน์กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์อยู่ต่อหรือไม่นั้น เป็นเหตุผลทางนิติศาสตร์ แต่ทางพฤตินัยหรือความชอบธรรมนั้น 8 ปีครบแล้ว หากตนเป็น พล.อ.ประยุทธ์ ไม่เลือกที่จะลาออกเพื่อให้กระบวนการประชาธิปไตยกลับเข้าสู่สภาเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ตนก็จะยุบสภา เพื่อคืนอำนาจให้กับประชาชนหลังจากที่ใช้อำนาจมา 8 ปี แต่ถ้าคงอยู่ต่อไป ขณะที่ประชาชนเดือดร้อนมาก พรรคการเมืองตีกัน พรรคร่วมรัฐบาลแก่งแย่งงบประมาณกัน ไม่มีอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน

ด้านนายชนะศักดิ์ อัตถาวงศ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ รองหัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย ออกมาวิจารณ์รัฐบาลเปรียบเป็น รัฐบาลเป็ดหัวขาด ระบุตามพฤตินัย-ความชอบธรรมบิ๊กตู่ครบ 8 ปีแล้วว่า แม้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะยุติการปฏิบัติหน้าที่ แต่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ รักษาราชการแทนนายกฯ อยู่ ซึ่งยังสามารถทำงานเพื่อพี่น้องประชาชนได้ตามปกติ  อีกไม่กี่สัปดาห์ก็จะถึงวันที่ 30 กันยายนแล้ว นายสุรนันทน์และพรรคสร้างอนาคตไทยก็จะได้รู้แล้วว่าอนาคตของ พล.อ.ประยุทธ์จะเป็นอย่างไร ซึ่งก็ขอให้รอก่อนไม่ใช่ออกมาวินิจฉัยแทนศาล ทำตัวเป็นนักกฎหมาย รู้ดีไปหมด ทั้งนี้ก็อดนึกสงสารแกนนำพรรคที่เอาคนแบบนี้มาร่วมงานทางการเมืองด้วย

“การออกมาพูดกล่าวหาว่าเป็นรัฐบาลเป็ดหัวขาดนั้น ผมว่าเป็นการกล่าวหาเกินความเป็นจริง การว่าคนอื่น ช่วยย้อนกลับมาดูพรรคสร้างอนาคตไทยจะดีกว่า ว่ากำลังจะกลายเป็นพรรคผีหัวขาดหรือไม่ เพราะเห็นว่าที่แคนดิเดตนายกฯ อย่างนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ กำลังโดนแกนนำสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์รุมกินโต๊ะอย่างเมามัน เพราะไปปราศรัยพลาดท่าเสียทีพาดพิงแกนนำและนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์จนถูกรุมกินโต๊ะสอนมวยจนเสียอาการทรงตัว อย่างนี้ต่อไปคงเดินไปรอดยากมาก ถึงอาจจะถอดใจไปเลย สุดท้ายจะกลายเป็นพรรคผีหัวขาด ยิ่งพรรคมีนายสุรนันทน์คอยปั่นสร้างราคาให้พรรคในสิ่งที่ไม่เหมาะไม่ควร ออกมาวิจารณ์คนอื่นในทางบิดเบือนเช่นนี้ สุดท้ายพรรคจะแพแตกเอาง่ายๆ” นายชนะศักดิ์กล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง