สุญญากาศกัญชาเสรี จี้ทบทวนปลดล็อก‘อนุทิน’จ่อ ออกประกาศสธ.ทดแทน

กฎหมายกัญชาบานปลาย! "สส.ปชป." จี้ "อนุทิน" เอากัญชากลับเป็นยาเสพติดระหว่างช่วงสุญญากาศ หวั่นกระทบสังคม อ้างมติสภาเสียงข้างมากปัดแตะตัดขาภท. "ศุภชัย" ซัดกลับ ปชป.บิดเบือน โทษ "ปชป.-พท." ทำให้กัญชากลับไปเป็นยาเสพติดอีกครั้ง คนปลูกนับล้านมีความผิดอาญา "เสี่ยหนู" โวยบางพรรคดึงเช็งถ่วงไว้ หากมีปัญหาต้องรับผิดชอบ แก้ลำออกประกาศ สธ.มาทดแทน เครือข่ายนักวิชาการจี้ยกเลิกประกาศ สธ.ฉบับปลดล็อกกัญชาพ้นยาเสพติด ปิดกัญชาเสรีในภาวะสุญญากาศ

เมื่อวันที่ 15 กันยายน มีความเห็นหลากหลายภายหลังที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีมติถอนร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ.... ที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญฯ พิจารณาเสร็จแล้วในวาระสอง ออกไปจากวาระการประชุมสภาฯ ซึ่งทำให้ไม่ทันในการประชุมสภาสมัยประชุมนี้ ที่จะปิดสมัยประชุมในวันที่ 19 ก.ย. และเปิดสมัยประชุมอีกครั้งในวันที่ 1 พ.ย.2565-28 ก.พ.2566

โดยนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ให้สัมภาษณ์ย้ำจุดยืน ปชป.ว่า ไม่ได้คัดค้านร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง โดยเฉพาะการใช้กัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ หรือใช้เป็นพืชเศรษฐกิจ แต่มีเจตนาที่ต้องการเห็นเนื้อหาในการกำกับควบคุมการใช้กัญชา ให้อยู่ในกรอบที่คำนึงถึงผลกระทบต่อเด็กและเยาวชน เนื่องจากร่างกฎหมายที่รับหลักการ และผ่านการพิจารณาของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯ มีการแก้ไขโดยเพิ่มเนื้อหาจำนวนมาก จากเดิมมี 45 มาตรา แต่คณะ กมธ.ปรับแก้เพิ่มเป็น 95 มาตรา คือมีการเพิ่มใหม่ 69 มาตรา และมีการตัดบางมาตราทิ้ง โดยเฉพาะมีบางส่วนที่เห็นว่าอาจจะกำกับดูแลควบคุมไม่ดีพอ เช่น การให้ประชาชนทั่วไปขอจดแจ้งปลูกกัญชาครัวเรือนบ้านละ 15 ต้น ใช้เพื่อประโยชน์ในครัวเรือน แต่มีการบัญญัติไว้ว่าเพื่อการบริโภคภายในครัวเรือน เพื่อประโยชน์ในการรักษาสุขภาพ แต่ไม่มีการกำหนดมาตรการควบคุมที่ส่งผลกระทบต่อเด็กและเยาวชน

 “หากเมื่อวานนี้ (14 ก.ย.) ไม่ถอนร่างกฎหมายดังกล่าวออกไป อาจทำให้ร่างกฎหมายค้างอยู่ในการพิจารณาของสภา ซึ่งจะทำให้ไม่สามารถนำไปแก้ไขปรับปรุงให้เกิดความรอบคอบรอบด้านได้ แต่หากถอนออกไปสามารถจะทำให้แก้ไขปรับปรุงร่างกฎหมายได้เพื่อไม่ให้เสี่ยงต่อการถูกคว่ำในวาระ 2-3” นายสาทิตย์กล่าว

นายสาทิตย์กล่าวต่อว่า ในช่วงที่เป็นสุญญากาศ จึงมีข้อเรียกร้องไปยัง รมว.สาธารณสุข ทบทวนเรื่องการปลดล็อกกัญชา โดยขอให้ทุกฝ่ายเลือกใช้เหตุผลทางการเมืองมาวิเคราะห์ร่างกฎหมาย เนื่องจากร่างกฎหมายฉบับนี้ส่งผลกระทบต่อสวัสดิภาพของคนในสังคม รวมถึงผู้ปกครองและบุคลากรทางการแพทย์

เมื่อถามว่า มีข้อสังเกตว่าการเสนอให้ถอนร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯ เป็นเกมการเมืองในพรรคร่วมรัฐบาลในการตัดคะแนนนิยมทางการเมือง นายสาทิตย์ กล่าวว่า เนื่องจากการเสนอถอนร่างกฎหมายมีทั้งพรรคร่วมรัฐบาล และพรรคการเมืองฝ่ายค้านเห็นด้วย จึงยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องที่มาตัดแข้งตัดขากัน และยืนยันว่าไม่มีเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่เป็นเรื่องเนื้อหาของกฎหมาย หากสภารีบตรากฎหมายโดยไม่มีความรับผิดชอบต่อสังคมนั้นย่อมไม่ได้ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าเรื่องดังกล่าวจะไม่กระทบความสัมพันธ์ของพรรคร่วมรัฐบาล เนื่องจากพรรคประชาธิปัตย์มีเพียง 40 เสียงเท่านั้นที่เห็นด้วยกับการถอนร่างกฎหมาย ซึ่งทั้งหมดนั้นเป็นมติของสภา ไม่ใช่มติของพรรคการเมืองใดพรรคหนึ่ง เราเชื่อว่าไม่มีปัญหาในการทำงานร่วมกันในพรรคร่วมรัฐบาล

ปชป.หวั่นกระทบเด็กเยาวชน

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคปชป. กล่าวว่า พรรค ปชป.ยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวไม่ใช่เป็นเรื่องการเมืองที่จะนำมาเป็นประเด็นต่อสู้ห้ำหั่นกัน และไม่มีเจตนาที่จะไปเตะตัดขาพรรคภูมิใจไทย เป็นกระบวนการการทำหน้าที่ในระบบรัฐสภาที่พรรคการเมือง ส.ส.ย่อมมีสิทธิ์คิดทำตัดสินใจภายใต้ดุลพินิจที่เคลือบไว้ด้วยคำว่าประโยชน์ส่วนรวมของสังคม พรรคต้องรับฟังเสียงของประชาชนและหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีข้อมูลมาจากหลายส่วน เช่น จากประชาชนที่สะท้อนมุมมองที่มีความห่วงใยต่อลูกหลานที่ยังเป็นเด็กและเยาวชน จากข้อมูลวงการแพทย์ รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั่วทั้งประเทศ ที่ได้แสดงความกังวลต่อร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว ที่มองว่าอาจจะมีผลกระทบต่อสังคมโดยภาพรวม โดยเฉพาะเด็กและเยาวชน การให้นำกัญชามาใช้ในทางการแพทย์นั้น เชื่อว่าทุกคนสนับสนุนอย่างเต็มที่ แต่ถ้าหากเปิดช่องให้มีการเสพกัญชาที่ไม่ได้เป็นไปในทางการแพทย์ ผลกระทบย่อมตามมาอย่างแน่นอน

นายราเมศกล่าวว่า ที่นายศุภชัย ใจสมุทร กล่าวว่าคนชอบนโยบายของพรรคภูมิใจไทยทำให้พรรคอื่นตื่นตกใจนั้น นายศุภชัยต้องแยกให้ออกระหว่างผลประโยชน์ต่อส่วนรวมกับผลประโยชน์ของพรรคการเมือง เชื่อว่าในทางการเมืองไม่มีพรรคไหนตกใจพรรคไหนแน่นอน ต่อสู้กันเต็มที่อยู่แล้ว ส่วนที่นายศุภชัยพูดเรียกร้องเรื่องมรรยาททางการเมือง เรื่องนี้ตอบได้สั้นๆ ว่าหลักคิดของนักการเมืองที่ดี ประโยชน์ของส่วนรวมอยู่เหนือมารยาทในทางการเมือง เป็นหลักคิดพื้นฐานในทางการเมือง

ด้านนายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ในฐานะประธาน กมธ.วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ.... แถลงถึงกรณีสภามีมติถอนร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯ ออกจากระเบียบวาระการประชุมสภาฯ  ว่า ยืนยันสิ่งที่ กมธ.พิจารณามานั้นครบถ้วนแล้ว ป้องกันผลกระทบที่จะเกิดขึ้นแก่สังคม ดังนั้นต้องถามว่าจะให้ทบทวนรื่องอะไร เพราะหากนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ได้อ่านเนื้อหาในร่างพร.บ.ก็จะเข้าใจ แต่นี่ไม่ได้อ่าน กลับอ้างว่ามีความหละหลวม เป็นการกล่าวหาเลื่อนลอย ไม่ได้เอาความจริงมาพูดและบิดเบือน อย่าทำสิ่งที่เป็นประโยชน์กับประชาชนต้องเสียไป จากนี้ไปสมาชิกที่เห็นว่าร่างนี้ไม่สมบูรณ์ ขอให้ส่งข้อห่วงใยมาให้ กมธ. เพื่อที่จะนำไปปรับปรุงและพิจารณาก่อนที่จะนำเข้าสู่ที่ประชุมสภาในสมัยประชุมหน้า

 นายศุภชัยกล่าวว่า ตนไม่ได้ดื้อ เพราะเห็นว่าร่างที่ทำมานั้นสมบูรณ์แล้ว และถ้าถอนออกแปลว่าร่างนี้ต้องไปต่อคิวเข้ามาใหม่ จึงเห็นว่าเจตนาที่ให้ถอนร่าง เพราะไม่อยากให้กฎหมายนี้แล้วเสร็จ นี้ไม่ใช่ร่างนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย แต่เป็นร่างของสภา เพราะผ่านวาระรับหลักการมาแล้ว และใน กมธ.ทั้ง 25 คน พรรคเพื่อไทยก็มี กมธ.มากที่สุด ส่วนพรรคประชาธิปัตย์มี 2 คน พรรคภูมิใจไทยมี 2 คน และในร่างไม่พบว่า กมธ.จากพรรคเพื่อไทยแปรญัตติไว้มากขนาดไหน

ภท.โวยบางพรรคถ่วง กม.

 “หากกฎหมายนี้ไม่สามารถออกมาใช้ได้ สถานการณ์ของกัญชาจะเป็นอย่างข้อห่วงใยที่ท่านอ้าง และหากเกิดอะไรขึ้น ท่านต้องรับผิดชอบ เพราะกมธ.บางคนที่อยู่ในพรรคที่อ้างว่าห่วงเยาวชน ก็เสนอให้สูบกัญชาในสถานที่ท่องเที่ยวได้ด้วยซ้ำไป แต่เราไม่เห็นด้วยดังนั้นขอให้พูดความจริง อย่าให้ผมต้องเอามาแฉ ดังนั้นขอให้หยุดเล่นการเมืองก่อน แล้วมาทำงานเพื่อประชาชนกัน ขอให้ก้าวข้ามการเมือง เพราะเชื่อว่าคนที่ปลูกกัญชาทุกคนจะไม่ได้เลือกพรรคภูมิใจไทย เพราะบางคนจะเลือกพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคเพื่อไทย สิ่งที่ผมเป็นห่วงคือทั้งสองพรรคจะทำให้กัญชากลับไปเป็นยาเสพติดอีกครั้ง คนที่ปลูกนับล้านคน กลายเป็นมีความผิดอาญาทันที ส่วนคนกว่า 7 พันคน ที่ออกจากเรือนจำก็ต้องกลับเข้าเรือนจำ และยังมีผู้ที่อยู่ระหว่างดำเนินคดีอีกจำนวนมาก ก็ต้องกลับไปถูกดำเนินคดีอีก จึงขอถามว่าเตรียมคุกพอไว้ขังประชาชนหรือไม่”นายศุภชัยกล่าว

ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ขั้นตอนขณะนี้ยังไม่ถึงการคว่ำร่างกฎหมาย เพียงแต่ให้คณะ กมธ.ไปพิจารณาใหม่ แต่แปลกตรงที่เป็นการกดดันให้ถอดร่าง ทั้งที่ยังไม่เริ่มพิจารณาแม้แต่มาตราเดียว กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) คิดไว้หมดแล้ว ว่าอาจจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เพราะจะทำให้บางพรรคมีแต้มทางการเมืองสูง ที่ผ่านมาเลยใช้ประกาศของ สธ.เข้าไปดูแลการใช้ ต่อให้ พ.ร.บ.จะค้างอยู่ในสภา ก็มีทางออกด้วยการออกประกาศกระทรวง เพื่อให้เกิดความรัดกุม ต้องไปดูว่าในร่างพ.ร.บ.นี้มีเนื้อหาอย่างไรบ้าง แล้วออกประกาศกระทรวงตามนั้น ทำเท่าที่ทำได้

 “จะบอกว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับการเมือง ก็พูดได้ไม่เต็มปาก ตอนรับหลักการของร่าง พ.ร.บ.เข้ามาก็โหวตรับกันทั้งสภา ตอนนั้นมี 45 มาตรา ก็รับกันหมด มาวันนี้บอกหละหลวม ทั้งที่มีมาตรามากขึ้น ถ้า กมธ.ทำงานหละหลวม จำนวนมาตรามันต้องลด แต่นี่เพิ่มขึ้นมาอีกเท่าตัว เพราะทางคณะทำงาน ฟังประชาชน ฟังทุกเสียงความห่วงใยแล้วนำมาปรับแก้ให้สมบูรณ์ คณะ กมธ.มีทั้งฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล ตัวแทนประชาชน แพทย์ นักวิชาการ มาช่วยกันคิด เราคิดเพื่อให้กัญชา เกิดประโยชน์กับประชาชน" นายอนุทิน กล่าว

เมื่อถามว่า การออกร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯ หากเป็นไปด้วยความล่าช้า จะเกิดปัญหาหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ก็ต้องออกประกาศกระทรวงมาทดแทน เรื่องนี้มีทางออก ทั้งที่ความจริงการออก พ.ร.บ.ก็ถือว่าครอบคลุมในทีเดียว แต่เมื่อบางพรรคดึงเช็ง ถ่วงกฎหมาย ก็ต้องออกประกาศกระทรวงมาใช้แทน ระหว่างนี้ ถ้ามีคำถามเรื่องของปัญหาเกี่ยวกับการใช้กัญชา ให้ไปถามพรรคที่ค้านออก พ.ร.บ. เพราะพรรคภูมิใจไทย สนับสนุนให้ออกกฎหมายมาควบคุมการใช้อยู่แล้ว แต่มีบางพรรคถ่วงไว้  ขอบคุณพรรคก้าวไกล พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคเหล่านี้ ที่ร่วมมือกันผลักดันร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯ เห็นแก่ประโยชน์ของประชาชนมากกว่าเรื่องคะแนนเสียง แม้ใกล้เลือกตั้งก็ยังใจกว้าง

ถามว่า เมื่อไม่มี พ.ร.บ.ออกมาจะเกิดสุญญากาศกฎหมายกัญชาหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า มันไม่มีสุญญากาศอยู่แล้ว เพราะใช้ประกาศ สธ.มาตลอด อย่าไปคิดว่ากัญชาไม่มีกฎหมาย เพราะประกาศยังบังคับใช้อยู่ ใครใช้กัญชาผิดกฎหมายมีโทษหนักถึงจับคุก ตรงนี้ต้องทำความเข้าใจ         

จี้ยกเลิกประกาศ สธ.ปลดล็อก

วันเดียวกัน เครือข่ายนักวิชาการ และภาคประชาชนต้านภัยยาเสพติด รวม 39 รายชื่อ นำโดย นพ.ชาตรี บานชื่น อดีตกรรมการแพทยสภา อดีตอธิบดีกรมสุขภาพจิต และอดีตอธิบดีกรมการแพทย์ ออกจดหมายเปิดผนึกฉบับที่ 3 ขอขอบคุณสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และขอเรียกร้อง รมว.สาธารณสุข และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ยกเลิกประกาศกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ฉบับปลดกัญชาจากการเป็นยาเสพติด ส่งถึง ส.ส.ที่ลงมติให้ถอนร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯ รมว. สธ. และนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี และประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด

  โดยหนังสือดังกล่าวสรุปว่า (1) ร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯ ฉบับนี้มุ่งเน้นกัญชาเพื่อนันทนาการ ไม่ใช่กัญชาทางการแพทย์อย่างที่กล่าวอ้างไว้ (2) การอนุญาตให้ปลูกกัญชาในครัวเรือนโดยไม่มีมาตรการป้องกันการรั่วไหลที่เพียงพอ จะทำให้เยาวชนนำดอกกัญชาไปสูบ ให้กัน และจำหน่ายอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้ (3) มาตรการควบคุมการขายและโฆษณากัญชามุ่งควบคุมเฉพาะช่อดอกและยางกัญชา จะเกิดการโฆษณาและส่งเสริมการขายดอกกัญชาโดยใช้กลยุทธ์โฆษณาและส่งเสริมการขายใบกัญชาแทน ในทุกสื่อตลอด 24 ชั่วโมง  (4) ร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯ ฉบับนี้ บังคับให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ทำหน้าที่สนับสนุนผู้ประกอบการกัญชา แทนที่จะทำหน้าที่คุ้มครองผู้บริโภค อันเป็นการบิดเบือนภารกิจหน้าที่ของหน่วยงานของ สธ.อย่างร้ายแรง และ (5) จะนำประเทศไทยไปกระทำผิดต่ออนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยยาเสพติด จะส่งผลให้ประเทศไทยอาจถูกลงโทษห้ามนำยาที่จำเป็นบางชนิดเข้ามาใช้ในประเทศไทย (เช่น มอร์ฟีน) เป็นต้น

"การมีมติให้ถอนร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯ นี้ เพื่อให้มีการทบทวนให้รอบคอบ จึงเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เพราะการได้กฎหมายที่ไม่มีประสิทธิภาพจะก่อปัญหามากกว่าแก้ปัญหา ตกไปแล้วทำให้เกิดสภาวะสุญญากาศ จึงมีความจำเป็นต้อง "ปิดกัญชาเสรีในสภาวะสุญญากาศก่อน" เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบร้ายแรงต่อประเทศและอนาคตของเยาวชน จึงขอเรียกร้องให้ รมว.สธ. และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ยกเลิกประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับปลดกัญชาจากการเป็นยาเสพติด เพื่อปิดสภาวะสุญญากาศทันที ในขณะที่กำลังพัฒนาร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯ ฉบับนี้ให้รอบคอบ ประเทศไทยจะกลับไปเป็นกัญชาทางการแพทย์อย่างเดิม ซึ่งจะสามารถพัฒนาให้ผู้ป่วยเข้าถึงกัญชาทางการแพทย์ให้ดียิ่งขึ้นได้ต่อไป หากทำเช่นนี้จะเรียกได้ว่าเป็นนโยบายกัญชาที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม" จดหมายเปิดผนึกระบุ.