ครม.ไฟเขียว กฟผ.กู้เงิน 85,000 ล้านบาท บริหารค่าเอฟที "สุพัฒนพงษ์" ชงมาตรการช่วยเหลือค่าไฟครัวเรือน เข้า ครม.สัปดาห์หน้า ให้มีผลทันรอบบิลเดือน ก.ย.นี้ ครม.อนุมัติงบกลางกว่า 279 ล้านบาท จ่ายค่าทำศพผู้สูงอายุรายละ 3,000 บาท กว่า 9.3 หมื่นคน
ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 6 กันยายน นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.เห็นชอบแผนการกู้เงินเพื่อบริหารภาระค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ (เอฟที) ตามนโยบายของรัฐบาล ประจําปีงบประมาณ 2566 วงเงินประมาณ 85,000 ล้านบาท ส่วนการประชุม ครม.ในสัปดาห์หน้า กระทรวงพลังงานจะเสนอมาตรการบรรเทาผลกระทบด้านพลังงานแก่ประชาชนในด้านค่าไฟฟ้าและราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ให้ที่ประชุมพิจารณา โดยจะสามารถออกมาตรการช่วยเหลือได้ทันในรอบบิลเดือนนี้
“การประชุม ครม.วันนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี แสดงความเป็นห่วงประชาชน โดยเฉพาะภาระค่าไฟฟ้าที่เพิ่มสูงขึ้น แต่รัฐบาลทำควบคู่ไปกับการส่งเสริม การติดตั้ง Solar Rooftop แต่กระบวนการต้องใช้เวลานาน จึงจะบูรณาการทำงาน ทั้งจากกระทรวงพลังงาน และการไฟฟ้าฯ โดยจะเร่งรัดการดำเนินการให้เร็วขึ้น เพื่อเป็นทางเลือกหนึ่งเพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายในครัวเรือน สำหรับครัวเรือนที่มีศักยภาพในการติดตั้งหรือลงทุนใน Solar Rooftop ได้” นายสุพัฒนพงษ์ระบุ
ด้านนายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ที่ประชุม ครม.เห็นชอบให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กู้เงินเพื่อบริหารภาระค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ วงเงินไม่เกิน 85,000 ล้านบาท โดยให้ กฟผ.สามารถปรับโครงสร้างหนี้ได้จนกว่าจะชำระหนี้เสร็จสิ้น เพื่อให้เกิดความเหมาะสมตามสภาพคล่องและสภาวะตลาดเงินในขณะนั้น เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการบริหารจัดการภาระหนี้ โอกาสนี้ ครม.ยังรับทราบผลการบริหารอัตราค่าไฟฟ้าตามสูตรการปรับอัตราค่าเอฟทีของ กฟผ. ตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ 4/2565 เมื่อวันที่ 22 มิ.ย.65
นายอนุชากล่าวว่า สถานการณ์ราคาพลังงานปัจจุบันยังคงมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ กฟผ.ยังคงต้องรับภาระเอฟทีที่เพิ่มขึ้น โดยชะลอการนำค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงงวดตั้งแต่เดือนก.ย.-ธ.ค.65 (งวดปัจจุบัน) จากราคาพลังงานที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ผลักภาระเป็นค่าใช้จ่ายของประชาชนตามนโยบายของรัฐบาล ในการช่วยเหลือลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนจากราคาพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ซึ่งเป็นผู้กำกับดูแลอัตราค่าบริการพลังงานไฟฟ้าตามนโยบายภาครัฐได้มอบหมายให้ กฟผ. ช่วยรับภาระอัตราค่าเอฟทีที่เพิ่มขึ้น ชะลอการนำค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงตั้งแต่งวดเดือน ก.ย.-ธ.ค.64 จนถึงงวดเดือน พ.ค.-ส.ค.65 เป็นเงินรวมทั้งสิ้น 87,849 ล้านบาท (ค่าประมาณการ ณ มี.ค.65) ที่จะเรียกเก็บกับประชาชนในระยะนี้เลื่อนออกไปก่อน ส่งผลให้ กฟผ. ต้องรับภาระอัตราค่าเอฟที ทำให้สภาพคล่องทางการเงินลดลงอย่างต่อเนื่อง
โดยมีการประมาณการกระแสเงินสดของ กฟผ.ว่า จะขาดเงินสูงสุดในวันที่ 30 มี.ค.66 จำนวนเงินประมาณ 74,000 ล้านบาท จึงมีความจำเป็นจะต้องกู้เงินเพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงินเพิ่มเติมปีงบประมาณ 2566 เพื่อบริหารภาระค่าเอฟที ตามนโยบายของรัฐบาล ภายใต้กรอบวงเงินไม่เกิน 84,000 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วยสัญญากู้ยืมเงิน (Term Loan) กู้เบิกเกินบัญชี ตั๋วสัญญาใช้เงิน การทำ Trust Receipt (T/R) และการทำสัญญากู้เงินเมื่อทวงถาม (Call Loan) ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะเป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการค้ำประกันการชำระหนี้ของหน่วยงานรัฐ รัฐวิสาหกิจหรือสถาบันการเงินของภาครัฐ
นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ครม.อนุมัติงบกลางปี 2565 รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน 279.38 ล้านบาท เพื่อเป็นเงินสนับสนุนค่าจัดการศพผู้สูงอายุตามประเพณีรายละ 3,000 บาท ที่ค้างจ่ายในงบประมาณปี 2565 ตั้งแต่เดือน ต.ค.2564-พ.ค.2565 จำนวนทั้งสิ้น 93,127 ราย ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
ส่วนขั้นตอนการยื่นคำขอรับเงินค่าจัดการศพผู้สูงอายุที่เข้าเกณฑ์ สามารถยื่นคำขอในท้องที่ที่ผู้สูงอายุมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านหรือภูมิลำเนาที่เสียชีวิต หากเป็นพื้นที่ กทม. ให้ยื่นคำขอที่สำนักงานเขต ส่วนจังหวัดอื่น ให้ยื่นคำขอที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด หรือที่ว่าการอำเภอ หรือสำนักงานเทศบาล หรือที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบล หรือศาลาว่าการเมืองพัทยา โดยต้องยื่นคำขอภายใน 6 เดือน นับตั้งแต่วันที่ออกใบมรณบัตรพร้อมเอกสารประกอบการยื่นคำขอเงินค่าจัดการศพ
รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ ได้ย้ำเตือนกรณีร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น (ร้านธงฟ้า) บางแห่งที่มีพฤติกรรมที่เอาเปรียบผู้บริโภคว่า หากประชาชนพบเห็นร้านค้ามีพฤติกรรมที่เอาเปรียบผู้บริโภค หรือทำผิดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขต่างๆ สามารถร้องเรียนได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ รวมถึงแจ้งเบาะแสการกระทำผิดผ่านช่องทางการส่งไปรษณีย์ลงทะเบียนถึง “สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง ถนนพระรามที่ 6 แขวงพญาไท เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร 10400” หรือส่งไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) มายัง [email protected].
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เอ๊ะยังไง! 2 สัปดาห์ ชื่อ 'กิตติรัตน์' ประธานบอร์ด ธปท. ยังไม่ถึงมือขุนคลัง
'พิชัย' บอกยังไม่ได้รับรายงาน ผลการเลือก 'ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ' คาดติดช่วงวันหยุด ชี้ช่วยค่าเกี่ยวข้าวชาวนาไร่ละ 500 บาท ขอฟังความเห็นที่ประชุม นบข.
ตั้งกก.สอบผกก.บางซื่อ ทนายปาเกียวเล็งทิ้งตั้ม
“ดีเอสไอ” เตรียมสรุปสำนวนคดี 18 บอสดิไอคอนเสนออัยการคดีพิเศษภายใน 20 ธ.ค.นี้
นิกรหักเพื่อไทย เตือนส่อผิดกม. ให้กมธ.ตีความ
“นิกร” หักข้อเสนอ “ชูศักดิ์” เลยช่วงเวลาแปลงร่างประชามติเป็นกฎหมายการเงินแล้ว
‘สนธิ’ลั่นการเมืองใกล้สุกงอม!
“อุ๊งอิ๊ง” เมินปม กกต.สอบครอบงำต่อ เด็ก พท.ยันเป็นการดำเนินการตามปกติ
จ่อส่งคดีหมอบุญให้DSI
ตร.สอบปากคำอดีตภรรยา-ลูกสาว “หมอบุญ” เพิ่มเติม
ทักษิณรอดคลุมปี๊บ! ส้มเหลวปักธงอุดรธานี ‘คนคอน’ตบหน้า‘ปชป.’
เลือกตั้ง อบจ. 3 จังหวัด “เพชรบุรี-อุดรธานี-นครศรีธรรมราช” ราบรื่น