รบ.ลั่นดูแลปชช. รอครม.เคาะFT ดีเดย์บัตรคนจน

“อนุชา” ยันรัฐบาลไม่ยิ่งดูดายปัญหาปากท้อง  โดยเฉพาะเรื่องค่าเอฟที คาดเร็วๆ นี้ ครม.เคาะมาตรการช่วยเหลือ “คลัง” ย้ำความพร้อมเปิดรับลงทะเบียนบัตรสวัสดิการคนจน ชี้ผู้มีสิทธิ์ใหม่-เก่าต้องแจ้งใหม่หมด ฟุ้งคนละครึ่งใช้แล้วกว่า 4 ล้านคน ยอดรวมใกล้พันล้าน “จิรายุ” จี้ “ประวิตร” เร่งแก้ปัญหาพลังงาน 4 ข้อ

เมื่อวันที่ 2 กันยายน นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลได้ดำเนินการรับมือสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ ทั้งในด้านความผันผวนของราคาพลังงานและภาวะเศรษฐกิจโลก ที่ส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชนโดยทั่วไป โดยรัฐบาลได้ออกมาตรการช่วยเหลือภาระค่าใช้จ่ายแก่ประชาชนในระยะต่างๆ อย่างต่อเนื่อง และมีการประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ เตรียมแผนล่วงหน้าเพื่อให้สามารถให้การช่วยเหลือตามแผนได้ทันทีเมื่อเกิดสถานการณ์ขึ้น

นายอนุชากล่าวอีกว่า ในแนวทางการช่วยเหลือค่าไฟฟ้าเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนจากการปรับขึ้นค่า FT รอบใหม่ คาดว่าต้องใช้งบประมาณประมาณ  7-8 พันล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามมติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) นั้น คาดว่าจะนำเสนอเข้าสู่วาระการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในเร็วๆ นี้ โดยเบื้องต้นแนวทางที่จะเสนอให้ ครม.พิจารณาจะแบ่งการช่วยเหลือออกเป็น 2 กรณี คือ 1.ช่วยเหลือกลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้าบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน โดยให้ส่วนลดค่าไฟฟ้าเป็นจำนวนเงินที่ชัดเจน ตั้งแต่เดือน ก.ย.-ธ.ค.65 และ 2.ช่วยเหลือกลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้าที่ใช้ไฟฟ้าระหว่าง 301-500 หน่วยต่อเดือน โดยให้ส่วนลดแบบขั้นบันได ซึ่งข้อสรุปนี้จะต้องผ่านการพิจารณาและความเห็นชอบจาก ครม.ก่อน ซึ่งหากมีมติเป็นอย่างไร รัฐบาลจะเร่งแจ้งให้ประชาชนได้ทราบโดยเร็วที่สุด

นายอนุชากล่าวอีกว่า นอกจากนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ยังมีมติให้คงราคาน้ำมันดีเซลไว้ที่ลิตรละ 34.94 บาท แม้ราคาน้ำมันยังคงผันผวนปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่วนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ครม.ได้มีมติเห็นชอบมาตรการลดค่าครองชีพรอบใหม่เป็นเวลา 3 เดือน (ก.ค.-ก.ย.) เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนไปแล้ว ทั้งเงินคืนค่าน้ำประปาไม่เกิน 100  บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน เงินเพิ่มเบี้ยความพิการ 200  บาทต่อเดือน และส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม 100 บาทต่อ  3 เดือน

“สถานการณ์ปัจจุบันมีข้อจำกัดที่เกิดขึ้นหลายปัจจัย  รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยได้ติดตามประเมินสถานการณ์ และเร่งดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง และกลุ่มที่ได้รับผลกระทบ” นายอนุชากล่าว

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง ระบุว่า  กระทรวงและหน่วยงานรับลงทะเบียนมีความพร้อมในการเปิดรับลงทะเบียนโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 ที่จะเริ่มเปิดรับลงทะเบียนวันแรกในวันที่ 5  ก.ย. ถึงวันที่ 19 ต.ค.65 โดยสามารถลงทะเบียนได้ผ่านทาง https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th  หรือ https://welfare.mof.go.th หรือผ่านหน่วยงานรับลงทะเบียน 7 หน่วยงาน ได้แก่ สาขาของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.),  ธนาคารออมสิน, ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน),  สำนักงานคลังจังหวัดทั้ง 76 จังหวัดทั่วประเทศ, ที่ว่าการอำเภอทั้ง 878 อำเภอทั่วประเทศ, สำนักงานเขตกรุงเทพมหานครทั้ง 50 เขต และศาลาว่าการเมืองพัทยา เมืองพัทยา รวมจุดรับลงทะเบียนไม่น้อยกว่า  7,000 จุดทั่วประเทศ

สำหรับการลงทะเบียนโครงการเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐปี 2565 ครั้งนี้จะเป็นการลงทะเบียนใหม่ทั้งหมด ดังนั้น ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในปัจจุบันและผู้ที่ไม่เคยมีบัตรจะต้องลงทะเบียนใหม่ทุกคน โดยหลังจากลงทะเบียนแล้วผู้ลงทะเบียนสามารถตรวจสอบสถานะการลงทะเบียนได้ทุกวันศุกร์ในแต่ละสัปดาห์ เริ่มตั้งแต่วันศุกร์ที่ 16 ก.ย.65  เป็นต้นไป หากผู้ลงทะเบียนพบว่าผลการลงทะเบียนไม่สมบูรณ์ เนื่องจากข้อมูลผู้ลงทะเบียนหรือข้อมูลสมาชิกในครอบครัวไม่ตรงตามฐานข้อมูลกรมการปกครอง สามารถติดต่อขอแก้ไขข้อมูลได้ ณ หน่วยงานรับลงทะเบียนที่ผู้ลงทะเบียนได้ยื่นแบบฟอร์มลงทะเบียน หากเป็นผู้ลงทะเบียนที่ไม่มีครอบครัวที่ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์สามารถติดต่อขอแก้ไขข้อมูลได้ ณ หน่วยรับลงทะเบียนที่ผู้ลงทะเบียนสะดวก โดยจะมีการประกาศผลการตรวจสอบคุณสมบัติได้ในช่วงเดือน ม.ค.66 ซึ่งจะแจ้งวันประกาศผลให้ทราบอีกครั้ง

ทั้งนี้ การใช้สิทธิ์ผ่านบัตรสวัสดิการรอบใหม่จะใช้สิทธิ์ผ่านบัตรประจำตัวประชาชน ดังนั้น หลังการประกาศผลผู้ลงทะเบียนต้องไปยืนยันตัวตนผ่าน ธ.ก.ส., ธนาคารออมสิน หรือธนาคารกรุงไทย ได้ตั้งแต่วันที่ประกาศผลการตรวจสอบคุณสมบัติเป็นต้นไป

นายพรชัยยังกล่าวถึงความคืบหน้าการใช้สิทธิ์มาตรการรักษาระดับการบริโภคภายในประเทศ ปี  2565 ระยะที่ 2 ซึ่งประกอบด้วย โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 5, โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ระยะที่ 3 และโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 ที่เปิดให้ใช้จ่ายตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.65 โดยข้อมูล ณ วันที่ 1 ก.ย. เวลา  23.00 น. พบว่ามีผู้ใช้สิทธิ์ทุกโครงการรวม 8.93  ล้านคน และมียอดใช้จ่ายสะสมทั้งสิ้น 1,873.77 ล้านบาท โดยโครงการผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐมีผู้ใช้สิทธิ์  4.27 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม 847.61 ล้านบาท,  โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้ผู้ต้องการความช่วยเหลือพิเศษ   มีผู้ใช้สิทธิ์ 193,499 คน ยอดใช้จ่าย 38.14 ล้านบาท และ 3.โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 มีผู้ใช้สิทธิ์ใหม่และเก่ารวม 4.47 ล้านคน ยอดใช้จ่ายรวม 988.02  ล้านบาท โดยแบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่าย 499.99  ล้านบาท และเงินที่รัฐร่วมจ่าย 488.03 ล้านบาท

สำหรับยอดใช้จ่ายสะสมแบ่งตามประเภทร้านค้า  ได้แก่ ร้านอาหารและเครื่องดื่ม 340.99 ล้านบาท,  ร้านธงฟ้า 253.60 ล้านบาท, ร้านโอท็อป 54 ล้านบาท, ร้านค้าทั่วไป 322.13 ล้านบาท, ร้านบริการ  16.75 ล้านบาท กิจการขนส่งสาธารณะ 0.55 ล้านบาท และใช้จ่ายผ่านผู้ให้บริการฟู้ดเดลิเวอรี 30.42  ล้านบาท

ขณะที่นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) กิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และกองทุน กล่าวว่า กมธ.ได้พิจารณากรณีต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้น และแนวโน้มที่รัฐบาลจะผลักภาระที่เกิดขึ้นจากความผิดพลาดในการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลไปให้ประชาชนด้วยการขึ้นค่าไฟ ซึ่งคาดว่าจะสูงขึ้นถึง 5 บาทต่อหน่วยในช่วงก่อนสิ้นปีนี้แน่นอน ถือเป็นความห่วยแตกในการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล

นายจิรายุกล่าวต่อว่า ขอให้รักษาการนายกรัฐมนตรี เร่งแก้ไขเป็นวาระเร่งด่วน ดังนี้ 1.ขอให้ยกเลิกการกู้เงินเพื่อมาชดเชยให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ซึ่งกู้เงินไปแล้ว 1.1 แสนล้านบาท และมีแนวโน้มขอกู้เพิ่มอีก  2.ขอให้ยกเลิกหรือทบทวนการรับซื้อไฟฟ้าจากเอกชนที่ไปลงทุนในประเทศลาว 3,800 เมกะวัตต์ ที่จะเริ่มต้นในปี 2570 3.ให้รัฐบาลยกเลิกหรือชะลอการจ่ายค่าความพร้อมของโรงงานผลิตไฟฟ้าเอกชน ที่รัฐบาลต้องแบกรับภาระปีละแสนล้านบาท และ 4.ให้เร่งแก้ไขปัญหาข้อพิพาทระหว่างบริษัทเชฟรอนและโททาล กรณีแท่นขุดเจาะก๊าซธรรมชาติในทะเล

“หากรัฐบาลยังเพิกเฉย ปล่อยให้ข้าวของแพง ราคาค่าไฟพุ่งสูงแบบไม่หยุด ก็ขอให้ประชาชนจดจำผลงานของรัฐบาลชุดนี้ เลือกตั้งครั้งหน้าขอให้นึกถึงคนในรัฐบาลนี้ที่ทำเจ๊งทั้งแผ่นดิน” นายจิรายุกล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

งัดกม.กดดันนายกฯ พปชร.อ้างข้อบังคับพรรค ทวงใบกรอกประวัติ‘ป๊อด’

"อุ๊งอิ๊ง" ยังเล่นบทเตมีย์ใบ้ "หมอมิ้ง" ขึงขังไม่ขีดเส้นตายรายชื่อ รมต. แต่ถ้าไม่ส่งก็ถือว่าไม่ส่ง พลิ้วไม่รู้หนังสือ