“พล.ต.วิระ” ยันส่งคำชี้แจงเรื่องวาระตำแหน่ง 8 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ก่อนกำหนด 15 วันแน่ “เพื่อไทย” ยังอุบชื่อพยานกฎหมายที่เตรียมชงศาล “บิ๊กป้อม” ฟิตประชุม ครม.นัดแรกแบบไม่มีพัก ให้เกียรติน้องตู่นั่งที่เดิมเมินหัวโต๊ะ “ลุงตู่” ยังเขินแค่คอนเฟอเรนซ์มา ผวา! ปัญหาสุญญากาศแก้คำสั่งนายกฯ เมื่อปี 2563 ใหม่ ให้รักษาการมีอำนาจเต็มทั้งเรื่องแต่งตั้งและงบประมาณย้อนตั้งแต่ 24 ส.ค. รักษาการนายกฯ ตอกย้ำไม่มีปรับ ครม. เด็กประชาธิปัตย์เดือดชงพรรคถอนตัวหลังถูกทวงคืน 2 กระทรวง
เมื่อวันอังคารที่ 30 สิงหาคม พล.ต.วิระ โรจนวาศ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้รับผิดชอบจัดทำคำชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญในประเด็นการดำรงตำแหน่ง 8 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ว่า การส่งคำชี้แจงจะทำให้เร็วและตามที่ศาลรัฐธรรมนูญกำหนด แต่คาดว่าจะส่งได้ก่อนกำหนด 15 วัน ถ้าเร็วก็จะดีขึ้นเท่านั้นเอง เพราะเราทราบความจำเป็นและความเร่งด่วนของเรื่องนี้ ซึ่งนายกฯ ไม่ห่วง ท่านให้ดูไปตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด ในกฎหมายมีหลักเกณฑ์อย่างไรก็ว่าไปตามนั้น
เมื่อถามว่า คำชี้แจงต้องระบุเรื่องการครบตำแหน่งของ พล.อ.ประยุทธ์ควรเป็นเวลาใดหรือไม่ พล.ต.วิระกล่าวว่า เราชี้แจงตามข้อกฎหมาย อะไรควรเป็นตรงไหน เวลาอะไรเท่านั้น คงไม่มีอะไรน่ากังวล เนื้อหาที่ส่งไปมีครบทุกประเด็นที่ผู้ร้องเขาร้องมา และข้อกฎหมายเป็นอย่างไร
“ศาลส่งคำร้องของผู้ร้องมา เราก็ตอบไปให้ครบ ศาลคงไม่สั่งเกินคำขอ ดังนั้นเราตอบทุกคำถามที่ถามมา และเรามีข้อกฎหมายที่สนับสนุนไม่สนับสนุนอะไร ตีความตามตัวอักษรของรัฐธรรมนูญกำหนด และที่ถูกต้องควรเป็นอย่างไร และให้ศาลใช้ดุลยพินิจอีกครั้งหนึ่ง เพราะศาลคงต้องพิจารณาข้อเท็จจริงทั้งสองฝ่ายมารวมกัน และความเห็นควรจะเป็นอย่างไร ท่านมี 9 คนก็คงพิจารณารอบคอบและเป็นดุลพินิจของศาล” พล.ต.วิระกล่าว
ถามว่า ในฐานะอดีตคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) มีความเห็นเรื่องนี้อย่างไร พล.ต.วิระกล่าวว่า ในบันทึกการประชุมของ กรธ.ครั้งที่ 500/2561 ประชุมเรื่องวาระการดำรงตำแหน่งนายกฯ 8 ปีจะนับอย่างไร ตอนนั้นคุยกัน แต่ยังไม่ได้ข้อยุติ และไม่ใช่ความคิดเห็นของคณะกรรมการส่วนใหญ่ และความมุ่งหมายของรัฐธรรมนูญก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้ จึงขึ้นอยู่กับการตีความรัฐธรรมนูญว่าจะตีความอย่างไร
เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ที่ศาลรัฐธรรมนูญเชิญนายมีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตประธาน กรธ.มาให้ความเห็น พล.ต.วิระกล่าวว่า ไม่กังวล ท่านเป็นคนมีความรู้ความสามารถ และเป็นอดีตประธาน กรธ. ส่วนในเรื่องข้อกฎหมาย การพิจารณาอะไรก็ว่าไปตามหลักเกณฑ์และเนื้อความกฎหมาย การตีความตามตัวอักษรและเจตนารมณ์เท่านั้น
เมื่อถามว่า ตัวจริงในการร่างรัฐธรรมนูญมาช่วยสู้คดีเอง ประเมินว่าน่าจะผ่านได้ใช่หรือไม่ พล.ต.วิระกล่าวว่า คงต้องแล้วแต่ดุลยพินิจของศาล เพราะท่านก็เป็นนักกฎหมาย ทำคดีเกี่ยวกับเรื่องศาลรัฐธรรมนูญมาเยอะ
พท.อุบชื่อพยานกฎหมาย
ขณะที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการประเมินเวลาที่ศาลรัฐธรรมนูญจะใช้พิจารณาประเด็นการดำรงตำแหน่ง 8 ปีว่า ตอบไม่ถูก ต้องให้เวลา โดยให้ พล.อ.ประยุทธ์ชี้แจง 15 วัน และทราบว่าศาลรัฐธรรมนูญให้คนอื่นชี้แจงด้วยเช่นกัน เมื่อครบ 15 วันแล้ว เมื่อผู้ชี้แจงได้แจงกันหมดแล้ว จะเริ่มมองเห็นแล้วว่าจะใช้เวลานานเท่าใด ซึ่งไม่ควรนานเพราะไม่มีการสืบพยานเรื่องนี้
ส่วน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีนายอดิศร เพียงเกษ โฆษกผู้นำฝ่ายค้าน แถลงว่าฝ่ายค้านจะทำหนังสือผ่านนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อทำความเห็นปมวาระการดำรงตำแหน่งนายกฯ 8 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งจะเชิญนายมีชัยและนายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขานุการ กรธ.มาเป็นพยานต่อศาลเป็นลายลักษณ์อักษรว่า 2 คนน่าจะไม่เพียงพอ ที่ประชุมพรรคร่วมฝ่ายค้านจึงเห็นว่าควรเสนอชื่อไป แต่ศาลจะพิจารณารับหรือไม่รับนั้นก็เป็นอีกขั้นหนึ่ง แต่สิ่งที่เราทำคือมีช่องทางกฎหมายให้เพิ่มเติมพยานได้ก็จะทำผ่านประธานรัฐสภาไป
“ขณะนี้มีรายชื่อที่เหมาะสมอยู่ในใจแล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากต้องพูดคุยกันในรายละเอียดว่าท่านยินยอมทำหน้าที่นี้หรือไม่ จะทำให้เร็วและครอบคลุมที่สุด” นพ.ชลน่านกล่าว
ขณะเดียวกันที่พรรคเพื่อไทย คณะกรรมการสื่อสารการเมืองได้จัดเสวนา “พอเถอะครับ ประเทศไทยต้องไปต่อ” โดยมี นพ.ชลน่านและแกนนำพรรคร่วมกิจกรรม โดย นพ.ชลน่านกล่าวว่า ขณะนี้ประชาชนถูกแบ่งเป็น 3 ส่วน ได้แก่ 1.สนับสนุนระบอบ พล.อ.ประยุทธ์ 20% 2.คัดค้านต่อต้านระบอบ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นฝ่ายประชาธิปไตย 20% และ 3.กลุ่มพร้อมไปทางใดก็ได้ 60% ซึ่งกลุ่มนี้กำลังถูกเจาะความศรัทธาและความเชื่อมั่นต่อระบบการเมืองไทย เกรงว่าหาก พล.อ.ประยุทธ์ได้ไปต่อ หรือระบอบ พล.อ.ประยุทธ์ยังอยู่ ประชาธิปไตยจะถูกทำลายไปอย่างสิ้นเชิง สุดท้ายทุกคนจะถูกครอบด้วยประชาธิปไตยจอมปลอมมีแต่เปลือก
“เราไม่ก้าวล่วงอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ รอศาลวินิจฉัย มีความมั่นใจอยู่ลึกๆ ว่า พล.อ.ประยุทธ์ไปต่อไม่ได้ ดังนั้นต้องรอกลไกอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ ทางเลือกต่อมาคือคืนอำนาจให้ประชาชน คือยุบสภา ซึ่งฝ่ายค้านไม่อยากเป็นเครื่องมือให้เกิดสุญญากาศทางการเมือง แต่ยุบสภาดีที่สุดเมื่อมีกฎหมายเลือกตั้งแล้ว” นพ.ชลน่านกล่าว
ส่วนที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล คณะหลอมรวมประชาชนนำโดยนายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายนิติธร ล้ำเหลือ เดินทางมาอ่านแถลงการณ์พร้อมยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะรักษาราชการแทนนายกฯ เพื่อให้ปรับ พล.อ.ประยุทธ์ออกจากตำแหน่ง รมว.กลาโหม ระหว่างถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ เพื่อความเหมาะสม
นายจตุพรกล่าวว่า วันนี้ยังพบสัญญาณ พล.อ.ประยุทธ์ และคณะ 3 ป.จะไม่ยอมสละอำนาจเบ็ดเสร็จ แต่มีเจตนาชัดเจนสืบทอดอำนาจกันต่อไป ผ่านการออกกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. เพื่อชะลอไม่ให้การเลือกตั้งเกิดขึ้นโดยปกติ และเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ยังไม่ยอมหยุดปฏิบัติหน้าที่ในฐานะ รมว.กลาโหม ทำให้เกิดสภาพอิทธิพลแทรกแซงทางการเมือง ครอบงำควบคุมการทำงานของรัฐบาล ทหารทุกเหล่าทัพ เกิดสภาพสองนายกฯ พร้อมกันเวลาเดียวกันในคณะรัฐมนตรี (ครม.) เดียวกัน ทั้งที่ตำแหน่งนายกฯ และรัฐมนตรีนั้นต้องไม่ใช่การได้มาด้วยการทุจริต ฉ้อฉล บิดเบือนอำนาจ ตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ 2560
นายจตุพรยังกล่าวถึงการชุมนุมครั้งต่อไปว่า จะมีขึ้นวันศุกร์ที่ 2 ก.ย.นี้ โดยจะแจ้งให้ทราบในวันพฤหัสบดีที่ 1 ก.ย. และจะมีอีกในวันอาทิตย์ที่ 3 ก.ย.นี้ ซึ่งจะแจ้งให้ทราบในวันที่ 2 ก.ย. โดยจะเป็นพื้นที่ศูนย์กลางธุรกิจในเขตเมือง ซึ่งรูปแบบกิจกรรมจะเป็นการฉายภาพที่ต้องหยุดอำนาจ 3 ป.เพื่อนับหนึ่งประเทศไทย ส่วนสถานที่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้เพราะทราบว่าวิชามารเยอะ
ประวิตรฟิตประชุม ครม.
วันเดียวกัน มีการประชุม ครม.ซึ่ง พล.อ.ประวิตรจะทำหน้าที่เป็นประธานการประชุมครั้งแรก หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้ พล.อ.ประยุทธ์หยุดปฏิบัติหน้าที่ โดยเมื่อเวลา 08.44 น. พล.อ.ประวิตรเดินทางถึงตึกสันติไมตรี มีนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน พร้อมคณะทำงานตั้งแถวรอรับ โดย พล.อ.ประวิตรลงรถด้วยท่าทีกระฉับกระเฉง ไม่มีทีมรักษาความปลอดภัยเข้าประคอง พร้อมโบกมือช่วงเดินผ่านช่างภาพและสื่อมวลชน
จากนั้น พล.อ.ประวิตรเดินเข้าห้องรับรองสีเหลือง มี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทยรอรับ ใช้เวลาพูดคุยประมาณ 20 นาที จากนั้นทั้งสองคนเดินมายังบริเวณห้องโถง ตึกสันติไมตรี เพื่อร่วมประชาสัมพันธ์โครงการแรงงานพันธุ์ดี ตามวิถีเศรษฐกิจพอเพียง ที่นายสุชาตินำเสนอ ซึ่งระหว่าง พล.อ.ประวิตรเดินผ่านสื่อมวลชนก็ได้หันมาทักทาย ยกมือรับไหว้อย่างยิ้มแย้มแจ่มใส
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า พล.อ.ประยุทธ์จะเข้าร่วมประชุม ครม.ด้วยหรือไม่ พล.อ.ประวิตรหันมาตอบว่า จะประชุมผ่านคอนเฟอเรนซ์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้าที่ พล.อ.ประวิตรจะเดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 06.00 น. ทีมเลขาธิการคณะรัฐมนตรี, ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ และเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้เดินทางเข้าพบเพื่อสรุปข้อมูลวาระการประชุม ครม.ที่มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด
ทั้งนี้ ก่อนการประชุม ครม. พล.อ.อนุพงษ์ตอบคำถามสื่อมวลชนว่าได้ให้กำลังใจ พล.อ.ประยุทธ์ หลังถูกสั่งพักการปฏิบัติหน้าที่อย่างไรบ้างว่า "ท่านก็ทำงานของท่าน" เมื่อถามต่อว่า พล.อ.ประยุทธ์กำลังใจเป็นอย่างไรบ้าง พล.อ.อนุพงษ์เปิดเผยว่า "กำลังใจดี โอเค"
ภายหลังการประชุม ครม. สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกฯ ได้เผยแพร่ภาพบรรยากาศในห้องประชุมที่มี พล.อ.ประวิตรเป็นประธาน ซึ่งปรากฏภาพชัดเจนว่า พล.อ.ประวิตรนั่งเก้าอี้ประจำตำแหน่งรองนายกฯ ที่เดิม ส่วนเก้าอี้นายกฯ ได้ปล่อยว่างไว้
ในเวลา 12.15 น. หลังประชุม ครม. พล.อ.ประวิตรตอบคำถามถึงบรรยากาศการประชุมวันนี้ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ว่า ไม่มีอะไร เรียบร้อยดี
เมื่อถามว่า เป็นอย่างไรบ้างครบ 7 วันที่รักษาราชการแทนนายกฯ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่ต้องห่วงหรอก ไม่เหนื่อย
เมื่อถามว่า สุขภาพใจดีกำลังใจดีใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ดังฟังชัดว่า ใช้ใจบันดาลแรง ไม่ใช่ใช้แรงบันดาลใจ พร้อมย้ำก่อนขึ้นรถอีกครั้งว่า "ใช้ใจบันดาลแรง"
ทั้งนี้ ก่อนขึ้นรถมีนายสุชาติ, นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลฯ และนายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม เดินมาส่งด้วย
'บิ๊กป้อม' อำนาจเต็ม
รายงานข่าวจากทำเนียบฯ แจ้งว่า ก่อนการประชุม ครม. พล.อ.ประวิตรได้เข้าไปนั่งห้องรับรองตามปกติ โดยมี พล.อ.อนุพงษ์และรัฐมนตรีคนอื่นๆ เข้าไปพูดคุยด้วย โดยบรรยากาศการประชุม แม้ พล.อ.ประวิตรจะเป็นประธาน แต่ไม่ได้นั่งเก้าอี้ของนายกฯ ที่เว้นว่างเอาไว้ โดยนั่งเก้าอี้ตัวเดิม และก่อนเข้าวาระ พล.อ.ประวิตรได้สั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เตรียมรับมือเรื่องน้ำท่วมน้ำหลาก และช่วยเหลือประชาชนให้ทันท่วงที จากนั้นได้เข้าสู่วาระการประชุม โดยเลขาธิการ ครม.ได้รายงานคำสั่งสำนักนายกฯ ที่ 215/2565 เกี่ยวกับการรักษาราชการแทนนายกฯ ของ พล.อ.ประวิตร และอำนาจหน้าที่ของรักษาราชการแทนนายกฯ ในคำสั่งฉบับนี้ ซึ่งปรับปรุงมาจากคำสั่งสำนักนายกฯ ที่ 237/2563
โดยนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ อธิบายเพิ่มเติมคำสั่งว่า เป็นการยกเลิกคำสั่งฉบับเก่า แล้วเอาคำสั่งล่าสุดมาใช้ มีผลตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค. พร้อมย้ำว่า พล.อ.ประวิตรมีอำนาจเต็มทุกประการ ไม่มีข้อยกเว้นใดๆ จะมีข้อยกเว้นคือ กรณี พล.อ.ประวิตรไม่อยู่ แล้วให้รองนายกฯ ลำดับถัดมารักษาราชการแทนนายกฯ ถึงจะมีข้อจำกัด ขณะที่นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข ได้สอบถามว่าเป็นการปรับปรุงคำสั่งเดิมหรือออกคำสั่งใหม่ นายวิษณุจึงย้ำว่าเป็นคำสั่งเดิมที่ปรับปรุง ทำให้ยกเลิกคำสั่งเดิมไปโดยปริยาย เนื้อหาก๊อปปี้มาหมด แค่เปลี่ยนเรื่องการบริหารบุคคลและเรื่องงบประมาณ ขณะเดียวกันนายวิษณุยังระบุด้วยว่า พล.อ.ประยุทธ์ยังเป็น รมว.กลาโหม มีผลตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค. จนกว่าจะมีคำวินิจฉัย ยังเป็น ครม.อำนาจเต็ม มีอำนาจทุกอย่าง
รายงานข่าวแจ้งว่า ในการประชุม ครม.ครั้งนี้ไม่มีพักเบรกเหมือนตอนที่ พล.อ.ประยุทธ์เป็นประธาน และเวลาจบแต่ละวาระ พล.อ.ประวิตรมักถามว่ามีใครจะแสดงความเห็นอะไรหรือไม่ ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้พูดอะไรเลย เนื่องจากไม่มีวาระของกระทรวงกลาโหม
ขณะที่นายวิษณุกล่าวถึงบรรยากาศการประชุม ครม.ว่า รัฐมนตรีบางคนประชุมผ่านออนไลน์ ซึ่งเป็นเรื่องปกติ ทุกสัปดาห์ก็มีเช่นนี้
เมื่อถามว่า คำสั่งศาลรัฐธรรมนูญอาจทำให้บางคนรู้สึกว่าเกิดสุญญากาศในการบริหารประเทศ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่มีสุญญากาศ วันนี้ได้ชี้แจงที่ประชุมว่าไม่มีสุญญากาศ ครม.คือ ครม.อำนาจเต็ม ไม่ใช่ ครม.รักษาการ คนรักษาการนายกฯ มีคนเดียวคือ พล.อ.ประวิตร
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงบรรยากาศการประชุมว่า ราบรื่นดี พล.อ.ประยุทธ์ได้วิดีโอคอนเฟอเรนซ์เข้ามาร่วมประชุม ซึ่งประชุมรวดเดียวไม่ต้องพัก โดยนายวิษณุได้ชี้แจงในที่ประชุมให้เห็นว่า ครม.ยังบริหารราชการแผ่นดินได้ปกติ ส่วน พล.อ.ประยุทธ์นั้นอยู่ในจอตลอด แต่วันนี้ไม่มีวาระจากกระทรวงกลาโหมก็เลยไม่ได้ยินเสียงท่าน
“พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้ไปไหน ท่านก็ยังเป็นนายกฯ ของรัฐบาลชุดนี้อยู่ ส่วน พล.อ.ประวิตรก็ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมได้สมบูรณ์ ดำเนินการประชุมด้วยความเรียบร้อย ซึ่งวันนี้ก็มีผ่านตั้งหลายเรื่อง” นายอนุทินกล่าวและว่า เราก็ต้องให้กำลังใจ พล.อ.ประยุทธ์ เพราะรัฐบาลก็เกือบจะครบเทอมแล้ว เราก็อยากเห็นให้อยู่ครบเทอม การทำงานจะได้มีความต่อเนื่อง ส่วนหลังเลือกตั้งก็อีกเรื่องหนึ่งต้องดูผลก่อน
ด้าน นพ.ชลน่านกล่าวถึงอำนาจรักษาการนายกฯ ของ พล.อ.ประวิตรในการยุบสภาว่า มีข้อถกเถียงกันเยอะ คนที่ตีความตามกฎหมายเขาบอกว่าถ้ามีอำนาจเต็มก็ทำได้ทุกอย่าง แต่เรามองว่ายังมีความเห็นที่ต่างกันอยู่ ฉะนั้นต้องระมัดระวังการตีความตรงนี้ และต้องดูข้อเท็จจริงว่าเหมาะสมหรือไม่
นพ.ชลน่านยังกล่าวถึงการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจที่ พล.อ.ประวิตรเป็นประธานด้วยว่า มีข้อถกเถียงกันอยู่พอสมควร โดยมี 2 เรื่องคือ ข้อกฎหมายว่าสามารถทำได้ตามข้อกฎหมายหรือไม่ ซึ่งจะมีการพูดคุยกับพรรคร่วมฝ่ายค้านอีกครั้งว่าจะมีประเด็นอะไรหรือไม่ นอกจากนี้ต้องดูข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น แม้มีอำนาจตามกฎหมาย แต่ผลการกระทำที่ไม่ชอบต่อความเสียหาย เช่น การแต่งตั้งโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรม หรือมีการกระทำในสิ่งที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเอื้อประโยชน์ต่อผู้ใดผู้หนึ่งโดยมิชอบ เป็นหน้าที่ของพรรคฝ่ายค้านที่ต้องตรวจสอบอยู่แล้ว เอาผลการกระทำเป็นตัววัด
ยันไม่มีปรับคณะรัฐมนตรี
สำหรับกระแสข่าวการเมืองที่วุ่นวายในขณะนี้ พล.อ.ประวิตรกล่าวย้ำว่าไม่มีอะไร และเมื่อถามว่าจะมีการปรับ ครม.ในช่วงที่เป็นรักษาการหรือไม่ พล.อ.ประวิตรยืนยันไม่มีการปรับ ครม.
เมื่อถามถึง ส.ส.ประชาธิปัตย์ขู่ถอนตัวจากกระแสข่าว ส.ส.ภาคใต้พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เสนอให้ปรับ ครม. โดยริบโควตากระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงพาณิชย์ พล.อ.ประวิตรย้อนว่า "ไปถาม ส.ส.ใต้ดู เพราะผมไม่ได้พูด"
เมื่อถามย้ำว่า จะปรับ ครม.หรือไม่ในช่วงนี้ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ปรับทำไมยังทำงานได้
นายชัยวุฒิกล่าวถึงกรณี ส.ส.ภาคใต้ พปชร.เรียกร้องให้ พล.อ.ประวิตรปรับ ครม.ว่า ไม่ทราบ ไม่มี เพิ่งได้ยินจากสื่อว่ามีการกดดัน
นายสาธิตกล่าวถึงกรณีนายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช และรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เสนอให้พรรคถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาลในกรณีนี้ว่า ไม่ทราบเรื่องนี้ แต่วันนี้จะมีการประชุมพรรค ไม่แน่ใจว่าเป็นข้อเรียกร้องส่วนตัวหรือไม่ ซึ่งหากเป็นข้อเรียกร้องส่วนตัวและเป็นความต้องการของ ส.ส. ก็ต้องนำเข้าสู่ที่ประชุมพรรค ส่วนข้อสรุปสุดท้ายขึ้นอยู่กับกรรมการบริหารพรรค
นายสาธิตยังระบุว่า พรรคไม่ได้มีการพูดคุยถึงกรณีของนายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ หากหลุดตำแหน่งหลังศาลรัฐธรรมนูญนัดฟังคำวินิจฉัยสถานะความเป็นรัฐมนตรีในวันที่ 14 ก.ย.
ทั้งนี้ นายชัยชนะกล่าวถึงกรณีนายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรค พปชร. ที่เสนอเรื่องดังกล่าวว่า หากผู้ใหญ่ในรัฐบาลมีแนวคิดจะยึดคืนตำแหน่งรัฐมนตรีสัดส่วนพรรคประชาธิปัตย์ ตามที่นายสัณหพจน์ เสนอมานั้น ก็ขอให้ทบทวนความคิดดีๆ เนื่องจากพรรค ปชป.ไม่เคยกลัว และหากเป็นจริงแกนนำรัฐบาลและพรรคพลังประชารัฐเปรียบเสมือนศรีธนญชัย หลอกได้แม้กระทั่งคนที่มีบุญคุณ ที่ให้โอกาสสนับสนุนกันมา ก็ถือว่าที่ผ่านมาอยู่ร่วมกันมามีความรักแค่เหมือนเสือกอด คือระแวงต่อกัน เพราะฉะนั้นจึงขอให้ พล.อ.ประวิตรช่วยอบรมมารยาทการทำงานร่วมกันระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลให้นายสัณหพจน์ และ ส.ส.ภาคใต้ของพรรคที่มีพฤติกรรมล้ำเส้นไปมาก จนอยากเสนอให้พรรคถอนตัวออกจากรัฐบาล เพราะรับไม่ได้กับพฤติกรรมดูถูกดูแคลนและไม่ให้เกียรติกัน.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ชูศักดิ์ยอมนิกร พรบ.ประชามติ ไม่ใช่กม.การเงิน
“ชูศักดิ์” ลั่นเพื่อไทยเอาแน่ ค้าความปิดปากเอาคืน “ธีรยุทธ” แต่ไม่รู้เมื่อไหร่
ไฟเขียวไร่ละ1พัน10ไร่ ตรึงค่าไฟฟ้าราคาน้ำมัน
ชาวนาเฮ! นบข.ไฟเขียวช่วยไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 10 ไร่ จ่อชงเข้า ครม.สัญจรเชียงใหม่ 29 พ.ย.นี้
อวยทักษิณชนะนายกอบจ.
"ภูมิธรรม" โว พท.ชนะนายก อบจ.อุดรฯ เป็นเรื่องธรรมดา เหตุ ปชช.ยังรัก “ทักษิณ” ชอบผลงานที่ทำมา
กรมที่ดินท้ารฟท.พิสูจน์เขากระโดง
กรมที่ดินยืนยัน ไม่เพิกถอนโฉนดเขากระโดง ยึดตาม กก.สอบสวน มาตรา 61
ตร.เชียงรายรวบ‘สามารถ’ ‘เมีย-ลูก’หมอบุญนอนคุก
"ผบ.ตร." นั่งไม่ติดตั้ง "พล.ต.อ.ธนา" คุมสอบสวนคดี "หมอบุญ"
ม็อบเสื้อเหลืองคืนชีพ ‘สนธิ’นัดบุกทำเนียบฯ2ธค. ‘อ้วน’หวั่นซํ้ารอยปิดเมือง
"ภูมิธรรม" ไม่กังวล "สนธิ" ปลุกม็อบลงถนน เป็นสิทธิตาม รธน.