ยก‘บิ๊กตู่’สุภาพบุรุษ ผบ.ทบ.ชมชายชาติทหารปฏิบัติตามคำสั่งศาลนี่คือปชต.

“บิ๊กป้อม” ประเดิมหน้าที่ “รักษาการนายกฯ” นั่งหัวโต๊ะประชุม กภช. “บิ๊กตู่” บอกกลางวงสภากลาโหมผ่านวีทีซีจากบ้านพัก “อย่ากังวลให้ทำตามหน้าที่ต่อไป” โฆษก กห.ย้ำกลาโหมพร้อมหนุนทุกรัฐบาลที่มาถูกต้อง “ผบ.ทบ.” ชื่นชม “ประยุทธ์” สุภาพบุรุษ ชายชาติทหาร ปฏิบัติตามคำสั่งศาล รธน. “พท.” ซัดหนีไม่พ้น 3 ปี ได้ “ประวิตร”รรท.นายกฯ จี้ประยุทธ์ลาออกก่อนศาลวินิจฉัย “มงคลกิตติ์” เตรียมชงฝ่ายค้านร่วมลงชื่อ ยื่น “ชวน” ส่งศาล รธน.ตีความ ครม.ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ด้วย

เมื่อวันที่ 25 ส.ค.2565 ซึ่งเป็นวันแรกในการปฏิบัติหน้าที่รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในเวลา 10.00 น. ได้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารระบบการเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ (กภช.) ครั้งที่ 1/2565 ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ที่ห้องประชุมมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด โดยที่ประชุมได้รับทราบแนวทางการถ่ายโอนศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ จากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) มาสังกัดกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย ตั้งแต่ 15 ก.ย.2559

ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดิมมีกำหนดจะเข้าร่วมประชุมสภากลาโหม ประจำเดือนสิงหาคม ที่กระทรวงกลาโหม แต่ช่วงเช้ามีการแจ้งว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่เดินทางเข้ากระทรวงกลาโหม แต่จะใช้วิธีการประชุมผ่านวีทีซี จากบ้านพักในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ (ร.1 ทม.รอ.) แทน ทำให้ในที่ประชุมสภากลาโหม มี พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม, พล.อ.วรเกียรติ รัตนานนท์ ปลัดกระทรวงกลาโหม, พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผบ.ทสส., พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตรแก้วแท้ ผบ.ทบ., พล.อ.อ.นภาเดช ธูปะเตมีย์ ผบ.ทอ. และผู้แทน ผบ.ทร. อยู่ในห้องประชุม

พล.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงถึงจุดยืนของกระทรวงกระทรวงกลาโหม หากพล.อ.ประยุทธ์ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในวันข้างหน้าว่า กระทรวงกลาโหมพร้อมสนับสนุนการทำงานของทุกรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลไหนก็แล้วแต่ ในส่วนของตัวบุคคลที่เข้ามาถูกต้องตามกฎหมาย เราก็พร้อมที่จะรับฟังนโยบาย และปฏิบัติตาม ซึ่งคนที่จะเข้ามาอยู่ในตำแหน่ง รมว.กลาโหม ก็เป็นหนึ่งในคณะรัฐมนตรีที่มาถูกต้องในฐานะฝ่ายบริหาร

“ในที่ประชุมไม่มีการพูดกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้ พล.อ.ประยุทธ์หยุดปฏิบัติหน้าที่ บรรยากาศก็เป็นปกติ ท่านไม่เครียดอะไร บอกเพียงว่าทุกคนไม่ต้องกังวล ผมก็ทำหน้าที่ของผม และขอให้ทุกคนทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป” พล.อ.คงชีพกล่าว

ถามว่า กรณี พล.อ.ประยุทธ์ไม่เข้ามาที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.คงชีพกล่าวว่า เป็นเรื่องปกติของช่วงโควิด-19 ก็ใช้การประชุมวีทีซีอยู่แล้ว ซึ่งอยู่ที่ไหนก็สามารถประชุมได้หมด ดังนั้นการประชุมออนไลน์ หรือในห้องประชุมยังทำได้เหมือนเดิม

ซักว่า พล.อ.ประยุทธ์จะเข้ามาปฏิบัติราชการในกระทรวงกลาโหมหรือไม่ พล.อ.คงชีพกล่าวว่า ท่านยังดำรงตำแหน่งนายกฯ อยู่ เพราะศาล รธน.ให้เว้นการปฏิบัติหน้าที่เท่านั้น ต้องรอคำวินิจฉัยต่อไป ขณะเดียวกันท่านเป็น รมว.กลาโหม ก็ยังปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวอยู่ ยังลงนามในหนังสือต่อเนื่องทุกวัน ซึ่งการลงนามในหนังสือจะลงนามที่ไหนก็ได้

ถามว่า ตามระเบียบ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ต้องเข้ามาทำงานที่กระทรวงก็ได้ใช่หรือไม่ โฆษกกระทรวงกลาโหมกล่าวว่า ทำก็ได้ ไม่ทำก็ได้ เพราะที่ไหนก็ทำได้ และจะเข้าทุกวันก็ได้ ขึ้นอยู่กับงานสำคัญ วันนี้ก็มี รมช.กลาโหมทำงานอยู่ด้วย

“การลงนามในเอกสารกระทรวงกลาโหม เซ็นที่ไหนก็ได้ ซึ่งการลงนามในเอกสาร จะจรดปากกาที่ไหนก็เป็นคำสั่งเหมือนกัน ขอให้คนจรดปากกาเป็นคนคน เดียวกันที่มีอำนาจหน้าที่ ขออย่ากังวลในส่วนงานของ กห. เพราะท่านกำชับสั่งการได้ตลอดเวลา” โฆษก กห.กล่าว

ผบ.ทบ.ชมบิ๊กตู่สุภาพบุรุษ

เมื่อถามว่า ในวันที่ 26 ส.ค. พล.อ.ประยุทธ์จะเข้าประชุมที่กระทรวงกลาโหมหรือไม่ พล.อ.คงชีพกล่าวว่า ยังไม่ทราบ ต้องดูเป็นวันๆ ไป

ด้าน พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. กล่าวถึงกำหนดการประชุมคณะกรรมการปรับย้ายทหารชั้นนายพลว่า คาดว่าจะมีการนัดหมายประชุมใกล้ๆ นี้ เพราะที่ผ่านมาจะประชุมช่วงเดือน ส.ค. แต่ยืนยันไม่ใช่วันนี้ (25 ส.ค.) แน่นอน เพราะวันนี้เป็นเพียงการประชุมสภากลาโหม

ถามถึงข่าวลือเรื่องเปลี่ยนตัว ผบ.ทบ. พล.อ.ณรงค์พันธ์ตอบว่า อ๋อ ไม่ๆๆ บอกแล้วว่าอย่าไปคาดการณ์ถึงข่าวลือต่างๆ อยากฝากกับนักข่าวให้คิดในสิ่งที่ดี ช่วยทำให้สังคมมองและคิดในสิ่งที่ดีๆ เพื่อนำพาประเทศชาติไปในทางที่ดี

“ผมขอยกตัวอย่างเรื่องของท่าน พล.อ.ประยุทธ์ ทุกคนควรชื่นชมและยกย่องท่าน ท่านปฏิบัติตามระบบของประชาธิปไตย ทั้งนิติศาสตร์ คือการตรวจสอบ มีเรื่องอะไรก็ร้องไปที่ตุลาการ และทางตุลาการก็สั่งมาที่ฝ่ายบริหารว่าฝ่ายบริหารก็ปฏิบัติตามฝ่ายตุลาการ นี่คือระบบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ ต้องยอมรับและชื่นชมว่าท่านคือสุภาพบุรุษ ท่านคือผู้นำ ท่านคือแบบอย่างของชายชาติทหาร สุภาพบุรุษ ที่ว่าทางฝ่ายตุลาการปฏิบัติอย่างไรก็ปฏิบัติตาม นี่คือสิ่งที่ดีๆ ที่สังคมของประเทศเราที่ปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่ปฏิบัติอย่างนี้ ไม่ใช่ว่าพอตุลาการพูดมาก็ไปคิดแทน ไปคาดการณ์กันเอาเอง เหมือนฝ่ายอื่นๆ ซึ่งมันไม่ใช่ นี่คือสิ่งดีๆ ขึ้น” พล.อ.ณรงค์พันธ์กล่าว

ถามว่า ถึงที่สุดนายกฯ ต้องพ้นหน้าที่ไปจะอย่างไรต่อ พล.อ.ณรงค์พันธ์ไม่ตอบคำถามและเดินขึ้นรถไปทันที

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงเรื่องการเรียกชื่อตำแหน่ง พล.อ.ประยุทธ์และ พล.อ.ประวิตรว่า ในหนังสือราชการ สรุปได้ดังนี้ 1.กรณี พล.อ.ประยุทธ์ ใช้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเท่านั้น เนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย 2.กรณี พล.อ.ประวิตร ใช้รองนายกรัฐมนตรีเท่านั้น เนื่องจากการรักษาราชการแทน เป็นไปตามกฎหมายบริหารราชการแผ่นดิน และคำสั่งที่เกี่ยวข้องแล้ว จึงไม่ต้องต่อท้ายตำแหน่งด้วยคำว่ารักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี

ส่วน น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยืนยัน พล.อ.ประยุทธ์ยังคงมีตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่เพียงพักการทำงานการทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีชั่วคราว จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย และเพื่อความต่อเนื่องในการบริหารราชการแผ่นดิน จึงมี พล.อ.ประวิตรมาปฏิบัติหน้าที่รักษาการราชการแทนนายกรัฐมนตรี ดังนั้นคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ไม่มีผลกระทบใดๆ การบริหารประเทศ การปฏิบัติงานของข้าราชการ หรือการดำเนินนโยบายต่างๆ ของรัฐบาลสามารถดำเนินต่อเนื่องไปตามปกติ

"พล.อ.ประยุทธ์ขอบคุณทุกกำลังใจที่ส่งมายังท่าน และจะทำหน้าที่ในตำแหน่ง รมว.กลาโหม ที่ต้องรับผิดชอบปฏิบัติหน้าที่ต่อไป ท่านพร้อมทำหน้าที่เพื่อประชาชน เพื่อประเทศไทยในทุกๆวัน" น.ส.ทิพานันกล่าว

ถามถึงกรณี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และผู้นำฝ่ายค้าน ออกมาเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ลาออก รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม เป็นข้อเรียกร้องที่ไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรมอย่างแท้จริง สิ่งที่ นพ.ชลน่านควรทำคือเรียกร้องให้อดีตนายกฯ เช่น นายทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กลับมายอมรับกระบวนยุติธรรม ไม่หนีคดีทุจริตต่างๆ เป็นตัวอย่างที่ดีของผู้นำแบบ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ยอมรับในกระบวนศาล จึงอยากให้ นพ.ชลน่านทำความเข้าใจเสียใหม่ ว่านายกฯ เถื่อนนั้นหนีไปอยู่ดูไบ ส่วนนายกฯ ไทยยอมรับกระบวนการศาล คือ พล.อ.ประยุทธ์

พท.เย้ยประวิตรทำหน้าที่

ส่วนนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า คำสั่งดังกล่าวของศาลรัฐธรรมนูญถือเป็นกลไกที่เป็นไปตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ที่ได้รับการเสนอชื่อจากพรรค พปชร. เมื่อต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว กลไกทางกฎหมายที่พรรคได้ศึกษาไว้พบว่าไม่มีปัญหาใดๆทั้งสิ้น ในฐานะที่พรรคเป็นพรรคแกนนำรัฐบาล และ พล.อ.ประวิตรก็เป็นรองนายกรัฐมนตรี คนที่ 1 ซึ่งตาม พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน ได้ให้รองนายกฯ รักษาราชการแทน นั่นคือ พล.อ.ประวิตร

“พรรคน้อมรับคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ ตอนนี้รอกระบวนการวินิจฉัยของศาล แต่ไม่ว่าคำวินิจฉัยจะออกมาประการใด พรรคยังสามารถขับเคลื่อนในฐานะพรรคแกนนำรัฐบาล บริหารราชการแผ่นดินไปได้ตลอดจนกว่าจะครบวาระของสภา ซึ่งจะครบช่วงเดือน มี.ค.2566 ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตรห่วงใยทุกข์สุขประชาชนเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ดังนั้นไม่ว่าท่านจะทำงานในฐานะใด ทางพรรคขอให้ความมั่นใจได้ว่า การบริหารราชการแผ่นดิน ความมั่นคงของประเทศ จะเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย ไม่มีปัญหาเหมือนที่หลายคนปลุกปั่น การดำเนินการทุกอย่างอยู่ภายใต้กฎหมาย และทุกอย่างจะมีทางออกไม่ว่าจะเกิดกรณีใดทั้งสิ้น” นายไพบูลย์กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเสร็จสิ้นการแถลงข่าว นายไพบูลย์ได้นำหนังสือ “พี่ป้อม พี่ใหญ่ พี่ชายที่แสนดี” ซึ่งจัดพิมพ์เป็นครั้งแรก มอบให้แก่ผู้สื่อข่าว ซึ่งเนื้อหาภายในหนังสือระบุถึงประวัติส่วนตัวโดยย่อ ประสบการณ์ทำงาน ความสามารถของ พล.อ.ประวิตร โดยนายไพบูลย์ระบุด้วยว่า “ท่านเคยรักษาการนายกฯ หลายครั้งแล้ว การทำหน้าที่ของท่านมีความสามารถ ประสบการณ์สูงสุดในประเทศแล้ว”

วันเดียวกัน นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ กล่าวว่า ได้เตรียมที่จะเสนอพรรคฝ่ายค้านเข้าชื่อ ส.ส. 1 ใน 10 ของจำนวนสภาผู้แทนราษฎร หรือให้ได้ 49 คน ยื่นคำร้องถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยในประเด็นคำสั่งให้ พล.อ.ประยุทธ์หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ในทางปฏิบัติของกฎหมาย ทำให้รัฐมนตรีทั้งคณะไม่สามารถที่จะปฏิบัติหน้าที่ได้ หรือการลงนามในคำสั่งใดได้ จะต้องให้ปลัดกระทรวงทำหน้าที่แทนรัฐมนตรีแต่ละกระทรวง

ด้าน น.ส.ชญาภา สินธุไพร รองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ประเทศไทยเหมือนตกอยู่ในสภาวะหนีเสือปะจระเข้ ไม่หลุดพ้นจากการครอบงำของกลุ่มอำนาจ 3 ป.ได้เลย การมี พล.อ.ประวิตรรักษาการนายกฯ ไม่ต่างจากพาประเทศเดินถอยหลังเข้าคลองอีกครั้ง ภายใต้สถานการณ์และวิกฤตรอบด้านที่ท้าทาย ความเชื่อมั่นและความสามารถของผู้นำประเทศเป็นคุณสมบัติสำคัญที่จะนำพาประเทศให้รอดพ้นจากวิกฤตที่รุมเร้าไปได้ โดยเฉพาะการประชุมเอเปกที่จะมีขึ้นในเดือน พ.ย.2565 พล.อ.ประวิตรไม่ได้อยู่ในสภาพหรือมีความพร้อมที่จะเป็นเจ้าภาพในการจัดการประชุมได้ แต่เกรงว่าอาจจะกลายเป็นภาระให้กับประชาชนและคนรอบข้างแทนหรือไม่ ทั้งสภาพร่างกายภายนอกและความรู้ความสามารถในการบริหารงานราชการแผ่นดิน เชื่อว่าคนไทยคงไม่ต้องการเห็นผู้นำของตัวเองอยู่ในสภาพที่ต้องมีคนประคองหรือพยุงมารับแขกบ้านแขกเมืองบนเวทีระดับโลกแน่

รองโฆษกพรรค พท.กล่าวว่า หากพล.อ.ประยุทธ์มีสำนึกรับผิดชอบมากพอ    ก็ไม่ควรอยู่รอคำวินิจฉัยปม 8 ปีจากศาลรัฐธรรมนูญ หรือรอให้ใครมาบอก แต่ควรใช้สามัญสำนึกและมีความเกรงกลัวที่จะกระทำผิดบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศบ้าง ควรตัดสินใจประกาศลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีทันที เพื่อเปิดทางให้รัฐสภาได้เดินหน้าเลือกนายกรัฐมนตรีจากบัญชีรายชื่อแคนดิเดตนายกฯ ให้ประเทศได้มีผู้นำที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาทำงานตามวิถีทางประชาธิปไตย

“ประเทศชาติเสียเวลามามากพอแล้ว  เราช้าและล้าหลังไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว ประเทศไทยต้องไปต่อ แต่ 3 ป.ต้องพอแค่นี้ การมี พล.อ.ประวิตรรักษาการแทน ยิ่งตอกย้ำซ้ำเติมวิกฤตประเทศ ที่ไม่สามารถก้าวพ้นจากกับดักเผด็จการสืบทอดอำนาจไปได้แม้แต่น้อย” รองโฆษกพรรค พท.กล่าว

อย่างไรก็ตาม น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาตอบโต้พรรคเพื่อไทย (พท.) ถึงประเด็นดังกล่าวว่า การเข้ามารักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประวิตรนั้น ถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามกระบวนการตามระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน ภายใต้คำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 237/2563 ที่มอบหมายรองนายกรัฐมนตรีตามลำดับ ซึ่งหากพิจารณาความเห็นจากภาคเอกชนตามสื่อต่างๆ ก็ไม่ได้สะท้อนถึงความหวั่นไหวหรือวิตกกังวลต่อการเข้ามาทำหน้าที่ของ พล.อ.ประวิตรแต่อย่างใด ตรงกันข้าม กลับมีความเชื่อมั่นว่าการขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ และการทำงานของรัฐบาลที่ผ่านมา โดยเฉพาะมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจะสามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง” น.ส.ทิพานันกล่าว

รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวต่อว่า ในช่วงที่ประเทศไทยตกอยู่ในสายตาของต่างชาติ จับจ้องในฐานะที่เราจะเป็นเจ้าภาพการประชุมเอเปกด้วยแล้ว การแสดงความเห็นของฝ่ายต่างๆ โดยเฉพาะฝ่ายนิติบัญญัติ ที่ถือเป็น 1 ใน 3 อำนาจอธิปไตย จึงต้องระมัดระวังในการแสดงความคิดเห็น และการสื่อสารอย่างสร้างสรรค์ ไม่ควรเป็นตัวอย่างของการแสดงออกด้วยคำพูดหรือพฤติกรรมที่ก้าวร้าว หรือการล้อเลียนบุคคลอื่น เพียงเพื่อสะท้อนถึงนิสัยส่วนลึกที่ไม่ควรแสดงออกมาอย่างไม่มีวุฒิภาวะแบบนี้.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

งัดกม.กดดันนายกฯ พปชร.อ้างข้อบังคับพรรค ทวงใบกรอกประวัติ‘ป๊อด’

"อุ๊งอิ๊ง" ยังเล่นบทเตมีย์ใบ้ "หมอมิ้ง" ขึงขังไม่ขีดเส้นตายรายชื่อ รมต. แต่ถ้าไม่ส่งก็ถือว่าไม่ส่ง พลิ้วไม่รู้หนังสือ