“ขุนคลัง” การันตี “บิ๊กตู่” ครบวาระ 8 ปี ไม่กระทบเศรษฐกิจ สั่งเดินเครื่องโครงการลงทุนประเดิมงบ 66 ดัน ศก.โตเต็มพิกัด 3-3.5% ส.อ.ท.ชี้คำสั่งศาลให้นายกฯ หยุดปฏิบัติหน้าที่ช่วยคลี่คลายบรรยากาศตึงเครียด รอลุ้นคำวินิจฉัยเดือนหน้า เอกชน-นักวิชาการเชื่อระยะสั้นไร้ผลกระทบ ห่วงยืดเยื้ออาจเกิดสุญญากาศ
เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีการสิ้นสุดตำแหน่งของนายกรัฐมนตรีในวาระครบ 8 ปีว่า ไม่กังวลว่าจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ เนื่องจากการลงทุนในโครงการต่างๆ มีข้อผูกพันอยู่แล้ว เรื่องเศรษฐกิจดำเนินการตามนโยบายที่รัฐบาลวางไว้ ดังนั้นการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไปจะยังมีเสถียรภาพ
สำหรับเศรษฐกิจไทยในปีนี้ คาดว่าจะขยายตัวได้ 3-3.5% โดยครึ่งปีแรกโตแล้ว 2-5% ส่วนช่วงครึ่งปีหลังยังมีแรงสนับสนุนจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งคาดว่าปีนี้จะอยู่ที่ 8-10 ล้านคน คิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 4 ก่อนช่วงโควิด-19 และการส่งออกที่ขยายตัวต่อเนื่อง ซึ่งได้หารือกับสภาผู้ส่งออก โดยขอให้เร่งการส่งออกปีนี้พยายามให้ขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า 10% จากเป้าหมาย 7% ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกขยายตัว 12% เป็นการขยายตัวที่ดีจากปีที่ผ่านมาที่ขยายตัว 20%
“เรื่องเงินบาทที่อ่อนค่าลงพอสมควรเมื่อเทียบกับปี 2563-2564 จะเป็นประโยชน์ให้กับภาคอุตสาหกรรมส่งออก รวมทั้งภาวะเศรษฐกิจโลกยังมีความไม่แน่นอนสูง จึงยังมีความต้องการสินค้าของไทย โดยเฉพาะในหมวดอาหารและสินค้าเกษตร จึงยังเป็นโอกาสในการส่งออก” นายอาคมกล่าว
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยภายในประเทศ ทั้งด้านการลงทุน ซึ่งในส่วนของการลงทุนภาครัฐ จะเร่งรัดการเบิกจ่ายในไตรมาส 4/2565 ซึ่งเป็นการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 ไตรมาสแรก ที่ผ่านการเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎร และเตรียมส่งเข้าสู่การพิจารณาชั้นวุฒิสภาในวันที่ 29 ส.ค. ซึ่งจะเริ่มใช้ในวันที่ 1 ต.ค.นี้ โดยจะเร่งรัดโครงการขนาดเล็ก ให้มีการเตรียมตัวประกวดราคาก่อนวันที่ 1 ต.ค. เมื่องบประมาณผ่าน ก็จะเบิกจ่ายรับเงินงวดได้ทันที
ทั้งนี้ ที่ผ่านมากรมบัญชีกลางได้มีมาตรการช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรมการสร้าง โดยระเบียบการจัดซื้อจัดจ้าง การยกเลิกเบี้ยปรับ และขยายเวลาให้โครงการลงทุนที่ติดขัดไม่สามารถลงทุนได้ในช่วงโควิด-19 เพื่อให้ผู้รับเหมาได้มีการเตรียมตัว สำหรับโครงการลงทุนภาครัฐต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งตามปกติงบประมาณ จะมีเม็ดเงินในโครงการลงทุน คิดเป็น 1 ใน 4 ของแต่ละไตรมาส แต่ที่ผ่านมาไตรมาส 1 ของทุกปีงบประมาณจะใช้ไม่ค่อยทัน
รมว.การคลังกล่าวด้วยว่า เศรษฐกิจไทยยังได้รับแรงสนับสนุนจากการบริโภคภายในประเทศ แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อมีการคาดว่าจะปรับเพิ่มสูงสุดในไตรมาส 3/2565 และเริ่มชะลอลงในปีหน้า จะกระทบกับการใช้จ่าย ซึ่งรัฐบาลก็ได้มีมาตรการสนับสนุนกำลังซื้อออกไปแล้ว เช่น มาตรการคนละครึ่งเฟส 5 แม้จำนวนเงินจะไม่มาก แต่ก็ช่วยเหลือเศรษฐกิจระดับฐานล่าง ได้ประโยชน์อย่างมาก และมีการกระตุ้นใช้งบประมาณได้ตรงกลุ่มเป้าหมาย
อย่างไรก็ดี กระทรวงการคลังไม่ห่วงภาวะเศรษฐกิจถดถอย แม้ว่าหลายประเทศในโลกจะมีความกังวล แต่ไทยก็ยังมีการค้าและการลงทุนกับประเทศในภูมิภาค จากการทำข้อตกลงการค้าเสรีกับประเทศไทยในภูมิภาค ซึ่งจะเป็นเกราะกำบังต่อผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก ซึ่งแต่ละประเทศก็สนับสนุนให้เกิดการค้าและการลงทุนเต็มที่ มีมาตรการจูงใจแตกต่างกัน ในส่วนของไทย ก็มีจุดแข็ง ในเรื่องของความสะดวกสบายและโครงสร้างพื้นฐาน ที่จะจูงใจนักลงทุนให้เข้ามาลงทุนในประเทศเพิ่มขึ้น
ทางด้านนายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องปม 8 ปีนายกฯ ไว้พิจารณา และมีมติเสียงข้างมากให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หยุดปฏิบัติหน้าที่ทันทีจนกว่าจะมีคำวินิจฉัยว่า คำตัดสินดังกล่าวส่งผลให้บรรยากาศหรือความตึงเครียดจากการชุมนุมบนท้องถนนคลี่คลายลง ก่อนที่อาจจะบานปลายได้ เพื่อที่จะทำให้ทุกฝ่ายไปตั้งหลักและรอคำวินิจฉัยที่คาดว่าจะมีการพิจารณาให้แล้วเสร็จภายในเดือนกันยายนนี้
ทั้งนี้ การพิจารณาดังกล่าวถือเป็นไปตามกลไกของรัฐธรรมนูญ ซึ่งหากนายกฯ ปฏิบัติหน้าที่ระหว่างไปรอคำตัดสินหากออกมาแล้วไปต่อคงไม่มีปัญหาอะไร แต่หากครบ 8 ปีแล้วไปต่อไม่ได้ระหว่าง 1 เดือนที่รอคำวินิจฉัย แล้วไปออกคำสั่งใดๆ อาจเกิดปัญหาได้ ศาลจึงต้องให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ระหว่างนี้คณะรัฐมนตรี (ครม.) จะปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี อันดับ 1 จะปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีแทนไปจนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยออกมานั้น แม้อาจจะมีสภาพ ครม.ไม่ 100% แต่ก็ยังคงขับเคลื่อนนโยบายหรือการทำงานต่างๆ ได้ปกติ ไม่ส่งผลกระทบแต่อย่างใด
ขณะที่นายภากร ปิตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ไม่กระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนไทยและต่างชาติ เนื่องจากการเมืองกับเศรษฐกิจไทยไม่เกี่ยวข้องกัน โดยนักลงทุนส่วนใหญ่มองเรื่องความสามารถของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) และนโยบายการเงินและการคลังมากกว่า อีกทั้งหากมองย้อนไปตลอดหลายปีที่ผ่านมา ไม่ว่าการเมืองพรรคไหนก็มีการต่อเนื่องด้านนโยบายโครงสร้างพื้นฐาน และยังมีการลงทุนต่อเนื่อง
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ กล่าวว่า เรื่องนี้ถือเป็นการดำเนินการตามครรลองกรอบกฎหมาย จึงเชื่อว่าไม่กระทบต่อความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจระยะสั้น เพราะรัฐบาลยังคงอยู่ ครม.ยังประชุมและบริหารประเทศได้ ขณะที่งบประมาณปี 66 ผ่านการพิจารณาไปแล้ว อีกทั้งภาคเศรษฐกิจหลักที่คอยขับเคลื่อนประเทศ ทั้งภาคส่งออก การท่องเที่ยว หรือภาคการผลิต ยังเดินหน้าได้เป็นปกติ ที่สำคัญจะช่วยผ่อนคลายบรรยากาศของการชุมนุมทางการเมืองไปได้
“มองว่าเศรษฐกิจระยะสั้นคงไม่มีผลกระทบจากเรื่องนี้ ยกเว้นตลาดเงินตลาดทุน อาจมีการชะลอมองดูความชัดเจนบ้าง แต่ท้ายที่สุดเชื่อว่าเศรษฐกิจในประเทศยังมีโอกาสเติบโตได้ตามกรอบ 3-3.5% และการส่งออกไทยจะโตได้ 6-8% อย่างไรก็ตาม อาจมีผลต่อการตัดสินใจลงทุนในระยะยาวได้อยู่ เพื่อรอดูว่าหลังจากนี้ศาลจะพิจารณานายกฯ ให้ดำรงตำแหน่งได้หรือไม่ ซึ่งเป็นประเด็นที่ต้องติดตามกันต่อ” นายธนวรรธน์ระบุ
นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) มองว่า ในระยะสั้นไม่น่าจะกระทบต่อภาพรวมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทย โดยเฉพาะในภาคการส่งออกนั้นมีคำสั่งซื้อล่วงหน้าอยู่แล้ว และยังโชคดีที่งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 66 ผ่านความเห็นชอบของสภาไปแล้ว ซึ่งทำให้งานประจำสามารถเดินไปต่อไปได้ แต่กังวลในเรื่องของนโยบาย มาตรการเยียวยาด้านเศรษฐกิจอาจจะหยุดชะงักลงได้ในอนาคต รวมทั้งการเจรจาการค้า การขยายตลาด ได้รับผลกระทบบ้าง เพราะจะต้องได้รับการตัดสินใจจากรัฐบาล
“สรท.หวังว่าการพิจารณาตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาและสรุปได้เร็วที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดสุญญากาศทางการเมืองนานจนเกินไป ซึ่งจะกระทบต่อเศรษฐกิจไทย ถือเป็นความเสี่ยงสำคัญของประเทศ จึงอยากให้มีข้อสรุปเรื่องนี้โดยเร็ว เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ เพราะหากเกิดสุญญากาศทางการเมืองนาน ย่อมมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของต่างประเทศแน่นอน รวมทั้งภาคการลงทุนในอนาคต” ประธาน สรท.กล่าว.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ตั้งกก.สอบผกก.บางซื่อ ทนายปาเกียวเล็งทิ้งตั้ม
“ดีเอสไอ” เตรียมสรุปสำนวนคดี 18 บอสดิไอคอนเสนออัยการคดีพิเศษภายใน 20 ธ.ค.นี้
นิกรหักเพื่อไทย เตือนส่อผิดกม. ให้กมธ.ตีความ
“นิกร” หักข้อเสนอ “ชูศักดิ์” เลยช่วงเวลาแปลงร่างประชามติเป็นกฎหมายการเงินแล้ว
‘สนธิ’ลั่นการเมืองใกล้สุกงอม!
“อุ๊งอิ๊ง” เมินปม กกต.สอบครอบงำต่อ เด็ก พท.ยันเป็นการดำเนินการตามปกติ
จ่อส่งคดีหมอบุญให้DSI
ตร.สอบปากคำอดีตภรรยา-ลูกสาว “หมอบุญ” เพิ่มเติม
ทักษิณรอดคลุมปี๊บ! ส้มเหลวปักธงอุดรธานี ‘คนคอน’ตบหน้า‘ปชป.’
เลือกตั้ง อบจ. 3 จังหวัด “เพชรบุรี-อุดรธานี-นครศรีธรรมราช” ราบรื่น
‘ยิ่งลักษณ์’ กลับคุก ‘บิ๊กเสื้อแดง’ รู้มา! ว่าไปตามราชทัณฑ์ไม่ใช้สิทธิพิเศษ
“เลขาฯ แสวง” ยันเดินหน้าคดี “ทักษิณ-เพื่อไทย” ล้มล้างการปกครองต่อ เพราะใช้กฎหมายคนละฉบับกับศาล รธน. "จตุพร" ลั่นยังไม่จบ! ต้องดูสถานการณ์เป็นตอนๆ ไป