คุ้ยต้นตอเพลิงเผาเมาน์เทนบี

"เสี่ยบี" นอนคุกคืนแรกแยกขังเดี่ยวเครียดจัด ตำรวจภาค 2 ส่งเซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิดเมาน์เทนบีให้ พฐ.2 ตรวจพิสูจน์หาสาเหตุเพลิงไหม้ เผยครอบครัวผู้เสียชีวิตยื่นขอเยียวยา 5 ราย  ส่วนญาติผู้บาดเจ็บ 31 ราย พร้อมเรียกสอบบริษัทฉีดโฟมหลังคาผับ ขณะที่เจ้าของ บ. โต้พียูโฟมไม่ใช่เชื้อเพลิงลามไฟ

เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศหน้าโรงพัก สภ.พลูตาหลวง จ.ชลบุรี ยังคงมีสื่อมวลชนติดตามข่าวความคืบหน้าเหตุเพลิงไหม้เมาน์เทนบีผับ ต.พลูตาหลวง อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี อย่างต่อเนื่อง ส่วนยอดผู้เสียชีวิตคงอยู่ 15 ราย และผู้ได้รับบาดเจ็บ 38 คน โดยมีผู้เจ็บสาหัส 8 คน ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ

สำหรับนายพงศ์ศิริ ปั้นประสงค์ หรือ เสี่ยบี อายุ 27 ปี เจ้าของผับ ซึ่งถูกควบคุมตัวอยู่ในห้องขังเป็นคืนแรกนั้น โดยสิบเวรเผยว่า ช่วงประมาณ 23.00 น. วันที่ 6 ส.ค.ที่ผ่านมา มีญาตินำสิ่งของเครื่องใช้มาฝากให้ ซึ่งนายพงศ์ศิริถูกแยกขังในห้องเดี่ยว มีสภาพจิตใจย่ำแย่ สีหน้าเคร่งเครียดตลอดเวลา ทั้งยังนอนหลับๆ ตื่นๆ เป็นช่วงๆ ทางตำรวจเดินตรวจห้องขังในทุกๆ ชั่วโมง จนกระทั่งรุ่งเช้าประมาณ 07.00 น. จึงมีญาตินำอาหารและน้ำดื่มมาฝากให้กับผู้ต้องขัง โดยวันนี้ตำรวจจะเบิกตัวมาสอบปากคำเพิ่มเติมต่อไป

ด้านนางเปรมใจ แซ่อึ้ง แม่ของนายฉัตรชัย ชื่นค้า นักร้องนำที่เสียชีวิต ได้เดินทางมาดำเนินการด้านเอกสารที่ สภ.พลูตาหลวง เพื่อขอออกเอกสารใบมรณบัตรต่อเทศบาล ซึ่งขณะนี้ได้ตั้งบำเพ็ญกุศลศพลูกชายที่วัดโขดหิน อ.เมืองฯ จ.ระยอง โดยจะมีการฌาปนกิจวันที่ 9 ส.ค.นี้

นางเปรมใจเล่าว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับการประสานจากเจ้าของหรือตัวแทนเมาน์เทนบีผับในเรื่องเงินเยียวยาและการช่วยเหลือ แต่ทราบมาว่ามีบางครอบครัวได้รับการติดต่อแล้ว แต่ในส่วนการแจ้งความดำเนินคดีนั้น อยู่ระหว่างการปรึกษาทนายความว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ทั้งนี้ ยังติดใจประเด็นการล็อกประตูด้านหลังร้าน ที่ปกติแล้วเป็นทางเข้า-ออกของนักดนตรี ซึ่งหากไม่ได้ล็อกประตู นักดนตรีและลูกชายก็จะรอดชีวิต อย่างไรก็ตาม ไม่ได้กังวลว่าจะไม่ได้รับการเยียวยาเหมือนกับกรณีของผู้เสียหายเหยื่อผู้เสียชีวิตจากสถานบันเทิงชื่อดังเมื่อ 10 ปีก่อน (ซานติก้าผับ) เพราะเชื่อว่าครอบครัวของเจ้าของผับทำธุรกิจหลายอย่าง

ขณะที่ พล.ต.ต.ชัยต์พจน สูวรรณรักษ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 และโฆษกตำรวจภูธร ภาค 2 เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 14.00 น. ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 พร้อมด้วยผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี ได้ประชุมคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนเพื่อเร่งรัดสั่งการสืบสวนสอบสวนเหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้ และผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรีได้นัดหมายสอบปากคำพยานบริษัทผู้ดำเนินการฉีดโฟมกันเสียงใต้หลังคาและติดแผ่นกันเสียงบริเวณผนังด้านในอาคาร พร้อมให้นำวัตถุตัวอย่างที่ติดตั้งมาส่งตรวจพิสูจน์ และส่งตัวเซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิดภายในร้านที่เสียหายไปยังศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 2 เพื่อตรวจพิสูจน์

สำหรับข้อมูลผู้ได้รับผลกระทบจากกรณีเพลิงไหม้ร้านเมาน์เทนบี จ.ชลบุรี มีดังนี้ 1.ผู้เสียชีวิตทั้งหมด จำนวน 15 ราย มีญาติมายื่นคำร้องขอรับการเยียวยา จำนวน 5 ราย 2.ผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมดจำนวน 38 ราย มีญาติมายื่นคำร้องขอรับการเยียวยา จำนวน 24 ราย ข้อมูลการเข้ารับการรักษาพยาบาล ผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 38 ราย กลับบ้านแล้ว 7 ราย ยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 31 ราย ทั้งนี้ เหตุการณ์เพลิงไหม้ในครั้งนี้ เป็นเหตุการณ์ที่มีความรุนแรง มีความสูญเสียเป็นจำนวนมาก และเป็นเหตุการณ์ที่อยู่ในความสนใจของประชาชน หากมีความคืบหน้าประการใด ตำรวจภูธรภาค 2 จะแจ้งให้ทราบต่อไป

ส่วนนายพิเชษฐ์ ธินนท์ เจ้าของบริษัท ใหญ่สตาร์ อินซูเลชั่น จำกัด (ติดตั้งฉนวน) ซึ่งเป็นบริษัทติดตั้งพียูโฟม หลังคาเมาน์เทนบีผับ แถลงว่า บริษัทได้รับการว่าจ้างจากเมาน์เทนบีผับให้ดำเนินการพ่นสารพียูโฟม เป็นน้ำยาจากประเทศเยอรมนี ใช้กับโรงงานใหญ่ ได้มาตรฐานโลก โดยมีคุณสมบัติกันความร้อน กันเสียง กันรอยรั่ว และไม่ลามไฟ ซึ่งได้พ่นให้กับทางผับที่บริเวณใต้หลังคาและบนหลังคา โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อป้องกันเสียงออกไม่รบกวนชาวบ้าน โดยเริ่มติดตั้งให้กับทางผับมาตั้งแต่ 2564 และเข้ามาทำอีกครั้งเมื่อเดือน มิ.ย.65 เนื่องจากเสียงยังดังอยู่ สารตัวนี้มีอายุการใช้งานรับประกันยาวนานถึง 10 ปี

"จากกรณีในสื่อโซเชียลต่างๆ พูดถึงโฟมที่อยู่ใต้หลังคาของทางผับเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดไฟลุกลามอย่างรวดเร็ว จนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ขอยืนยันว่าสารพียูโฟมที่ทำการฉีดพ่นนี้ไม่ลุกลามไฟ และไม่เป็นเชื้อเพลิงไฟ ส่วนยางรถยนต์ที่อยู่บนหลังคานั้น ทางบริษัทไม่ได้เป็นผู้ติดตั้ง แต่ทางร้านนำมาวางไว้ เพื่อไม่ให้หลังคากระพือเวลาปะทะกับลมแรง เนื่องจากหลังคาเป็นวัสดุเมทัลชีทที่มีความเบา ส่วนการที่เกิดไฟลุกลามอย่างรวดเร็วนั้น น่าจะมาจากสารตัวอื่น หรือวัสดุชนิดอื่นที่ติดตั้งร่วมอยู่บนหลังคา การออกมาแถลงข่าวในครั้งนี้ เพื่อไม่ให้สังคมไม่เกิดความเข้าใจผิด เนื่องจากบริษัทเป็นตัวแทนจำหน่าย ซึ่งอาจทำให้ผู้ใช้บริการขาดความเชื่อมั่น จึงต้องออกมาเผยความจริงให้สังคมรับรู้" นายพิเชษฐ์ระบุ

พล.ร.ท.ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า พล.ร.อ.สมประสงค์ นิลสมัย ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้มีความห่วงใยต่อผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ  และขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต พร้อมทั้งสั่งการให้กรมแพทย์ทหารเรือให้การดูแลรักษาผู้ที่ได้รับบาดเจ็บอย่างเต็มกำลังความสามารถ รวมถึงให้หน่วยขึ้นตรงของกองทัพเรือ ทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล และสัตหีบ จัดกำลังพลร่วมบริจาคโลหิตให้แก่โรงพยาบาลต่างๆ ที่ให้การรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุเพลิงไหม้ในครั้งนี้ ให้พ้นจากวิกฤตอันตราย และได้รับความปลอดภัยในชีวิต ดั่งคำที่ว่า "กองทัพเรือ ไม่ทอดทิ้งประชาชน"

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 15.00 น. บรรดาญาติมิตรของจ่าเอกรังสิมันต์ หรือวิน วนิชโรจนาการ อายุ 30 ปี สังกัดศูนย์ส่งกำลังกรมพลาธิการทหารเรือ กองทัพเรือ และอยู่ในวงดุริยางค์ทหารบก ได้นิมนต์พระสงฆ์มาทำพิธีอัญเชิญดวงวิญญาณบริเวณหน้าเมาน์เทนบีผับ เพื่อนำไปทำพิธีสวดพระอภิธรรมยังฌาปนสถานกองทัพเรือ (สัตหีบ) ซึ่งบรรยากาศบริเวณหน้าร้านเต็มไปด้วยความเศร้าโศกของเหล่าบรรดาญาติพี่น้อง และผู้สนิทมักคุ้นของผู้เสียชีวิต เนื่องจากเมื่อเดือนที่แล้วจ่าเอกรังสิมันต์ หรือวิน เพิ่งสอบเลื่อนฐานะขึ้นเป็นชั้นยศ “พันจ่าตรี” อีกทั้งยังเป็นเสาหลักของครอบครัว นับเป็นความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของตระกูล “วนิชโรจนาการ”

วันเดียวกัน นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงปัญหาเรื่องผับบาร์ว่า มีคำสั่งตั้งแต่ 20 มิ.ย.ที่ผ่านมา ให้ดำเนินการตรวจสอบทั้งหมดเรื่องความปลอดภัยกับสถานบริการในพื้นที่เรื่องทางออกประตูหนีไฟ โดยรายงานทุกวันที่ 5 ของแต่ละเดือน ซึ่งมีรายงานว่ามีทั้งหมด 83 แห่งที่มีปัญหา ซึ่งบางส่วนบางแห่งยืนยันว่าสั่งปิดและยืนยันการแก้ไขเรื่องปัญหาทางหนีไฟไม่เพียงพอ วันนี้จะลุยดูอีกที ให้มีการดูว่า 83 แห่งมีการดำเนินงานแก้ไขแล้วหรือไม่ และอาจไม่ได้ปิดทั้ง 83 แห่ง แต่มีการดำเนินการ ซึ่งเป็นโชคดีที่เราได้ดำเนินการล่วงหน้ามาก่อนแล้ว แล้วประจวบกับเหตุการณ์ที่น่าเสียใจที่ชลบุรี ที่ทำให้เราอย่างน้อยมีข้อมูลอยู่ในมือ แล้วต้องเร่งดำเนินการเข้มข้นต่อไป

ที่ จ.ภูเก็ต นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ได้มอบหมายให้นายอานุภาพ รอดขวัญ ยอดระบำ รองผู้ว่าฯ ภูเก็ต รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ลงนามในหนังสือด่วนที่สุด ที่ ภก 0018.1/ว 5873 เรื่องมาตรการควบคุมสถานบริการและสถานประกอบการที่เปิดให้บริการในลักษณะที่คล้ายกับสถานบริการ    สั่งการไปยังผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต, โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดภูเก็ต, สรรพสามิตพื้นที่ภูเก็ต, นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต, หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดภูเก็ต, นายอำเภอทุกอำเภอ และผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่ง  ถือปฏิบัติและดำเนินการกำชับให้สถานบริการและสถานประกอบการที่เปิดให้บริการในลักษณะที่คล้ายกับสถานบริการในพื้นที่ ถือปฏิบัติตามกฎหมายและมาตรการต่างๆ ของทางราชการอย่างเคร่งครัด.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง