เพื่อไทยทุบโต๊ะหาร100เท่านั้น

เพื่อไทยประกาศลั่น จะต่อสู้ทุกทางให้กฎหมายลูกกลับมาหารด้วย 100 เท่านั้น ส่วนก้าวไกลกั๊ก หันด่าสภาล่มแทน เล่นบทพระเอกต่อสู้แบบประชาธิปไตยควรต่อสู้กันซึ่งๆ หน้า "พีระพันธุ์" เผยรวมไทยสร้างชาติเนื้อหอม  สมัครสมาชิกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ "บิ๊กป้อม" นำทัพใหญ่หาเสียงที่หนองคาย ไม่รู้ ไม่รู้ ไม่แล้งมา 3 ปีแล้ว ยังไม่พอใจอีกหรือ

เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2565 นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยจะต่อสู้ยับยั้งกฎหมายลูกที่รัฐสภาจะพิจารณาในสัปดาห์หน้า ให้มีการแก้สูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อหารด้วย 500 ด้วยการทำให้กฎหมายพิจารณาไม่ทันกรอบเวลา 180 วัน เพื่อกลับไปใช่ร่างที่คณะรัฐมนตรีเสนอเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา ที่มีเนื้อหาสำคัญคือคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อด้วยการหาร 100 ว่า ร่างที่คณะรัฐมนตรีเสนอไม่ได้ถือว่าดีกว่าที่มีการปรับปรุงในรัฐสภา แต่สาระสำคัญคือหารด้วย 100 ถามว่าร่างที่พิจารณาในรัฐสภาดีกว่าหรือไม่ บางจุดมีการแก้ไขให้การทำงานของ กกต.สะดวกขึ้น แต่หลักใหญ่อยู่ที่การคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พอร่างที่กรรมาธิการพิจารณาแล้วเสร็จแต่มีการแก้ไขในรัฐสภาให้หารด้วย 500 กรรมาธิการของพรรคเพื่อไทยมองว่าขัดต่อหลักการที่รัฐสภามอบให้พิจารณา

"เราชี้แจงไปแล้วว่าไม่เคยมีกฎหมายฉบับไหนทำกันแบบนี้ กรรมาธิการเสียงข้างน้อยเขามีโอกาสชนะได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้หลักการที่รับหลักการมา ไม่ใช่หลุดหลักการออกไปเช่นนี้ เมื่อกฎหมายหลุดออกไปจากหลักการเช่นนี้ จึงเลือกที่จะให้กลับไปที่ร่างเดิมที่คณะรัฐมนตรีเสนอ เป็นช่องทางตามรัฐธรรมนูญมาตรา 132 ที่สามารถประกาศใช้เป็นกฎหมายได้เลย กรรมาธิการพรรคเพื่อไทยและเสียงข้างมากเราจึงเลือกวิธีนี้ดีที่สุด ไม่ต้องไปถึงศาลรัฐธรรมนูญ"

นายสมคิดยืนยันว่า ได้กฎหมายลูกที่ยึดตามหลักการที่รัฐสภารับมาในวาระแรกอย่างแน่นอน แต่ถึงอย่างไรสุดท้ายแล้วก็ต้องแล้วแต่เสียงข้างมากในรัฐสภา แต่พรรคเพื่อไทยจะต่อสู้ทุกทางให้กฎหมายลูกกลับมาหารด้วย 100 เท่านั้น

ด้านนายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. (ฉบับที่…) พ.ศ..… ให้สัมภาษณ์กรณีเกิดเหตุการณ์รัฐสภาล่ม เป็นเหตุอาจจะทำให้ร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. พิจารณาไม่ทันกรอบเวลา 180 วันหรือไม่ ว่า เรื่อง 180 วัน จะทันหรือไม่อยู่ที่การต่อสู้ระหว่าง 2 ฝ่าย คือฝ่ายที่เห็นด้วยกับสูตรหาร 500 และฝ่ายที่เห็นด้วยกับสูตรหาร 100 ซึ่งตนไม่สบายใจที่มีการใช้เกมการนับองค์ประชุมเพื่อให้ขาด แล้วให้เวลาผ่านเลยไปให้เกิน 180 วัน คือวันที่ 15 ส.ค. เพราะเป็นกรณีของการใช้รัฐสภาเป็นเครื่องมือในการที่จะทำให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้เปรียบในกติกาการเลือกตั้ง แต่ต้องแลกด้วยความเสื่อมของรัฐสภา  เพราะรัฐสภาเป็นสถาบันที่ออกกฎหมายอย่างตรงไปตรงมา เพื่อประโยชน์กับประชาชนมากกว่า

นายธีรัจชัยกล่าวต่อว่า ในความเห็นของตน เรื่องที่เกิดขึ้นดังกล่าวเป็นเรื่องไม่ดี ถึงแม้จะเกินกรอบพิจารณา แต่ก็สามารถไปคุยกันได้ระหว่างทั้ง 2 ฝ่ายว่าจะเอาอย่างไร เพราะถึงอย่างไรก็ต้องมีการคุยกันอยู่แล้ว หากไม่พอใจกับหาร 500 จะเอาสูตรหาร 100 ก็ไปตกลงกันว่าให้ตกวาระ 3 ไปในส่วนของหาร 500 แล้วค่อยมาเริ่มทำใหม่ในส่วนนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำได้ แต่ไม่ใช่การใช้เทคนิคเล่นเกมกันแบบนี้ ทั้งนี้ ตนคิดว่าจะไม่เป็นผลดีกับประเทศในระยะยาว

“การที่สภาจะล่มอีกหรือไม่ ก็อยู่ที่สำนึกของคนที่กระทำ ไม่ว่าอยู่พรรคฝ่ายไหน ถ้ามีความคิดที่จะเอาเปรียบการเลือกตั้งอย่างเดียว ผมคิดว่าเป็นสิ่งที่ไม่ดี แต่ถ้ามีสำนึก เขาก็คงจะไม่ทำ แต่เปลี่ยนไปใช้วิธีการอื่นมากกว่า เช่น ไปโหวตวาระ 3 ให้รู้ว่าเราจะเอาแบบไหน ทั้งนี้ การต่อสู้แบบประชาธิปไตยควรต่อสู้กันซึ่งๆ หน้า ไม่ใช่ควรเล่นเกมมากเกินไป อยากให้ทำอะไรคำนึงถึงประชาชนบ้าง  และในกรณีแบบนี้อาจจะเกิดการนอกเส้นทางมากไปหน่อย ผมเลยไม่สบายใจ” นายธีรัจชัยกล่าว

ขณะที่นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์เรื่องสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อแบบหารด้วย 100 และ 500 ว่า ไม่ได้ให้ความสนใจ และรู้สึกเบื่อมาก คิดว่าเป็นการเสียเวลาที่จะมาถกเถียงกันเรื่องนี้ แทนที่จะเอาเวลาไปหาทางช่วยเหลือประชาชนที่กำลังได้รับความเดือดร้อนอยู่ในขณะนี้ดีกว่า

“ในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ ควรที่จะมาคิดเรื่องการแก้ปัญหา ทำยังไงจะให้ประชาชนที่มีรายได้น้อยจะใช้ชีวิตผ่านช่วงนี้ไปได้ ผมไม่ได้คิดเรื่องของแลนด์สไลด์ที่จะเอาอำนาจมาใช้ทางการเมือง แต่คิดว่าทำยังไงจะได้อำนาจการเมืองมาเพื่อใช้ทำงานที่จะช่วยประชาชนให้ผ่านวิกฤตไปได้ เพราะตอนนี้คนอยู่ลำบาก บางคนต้องถูกฟ้องล้มละลาย ผมคิดว่าผมอยากคุยเรื่องนี้มากกว่าเรื่อง 100 เรื่อง 500 ไม่ว่าจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย หากเสียงข้างมากแบบไหนก็ต้องยอมรับ ดังนั้นเอาเวลามาเตรียมตัวพร้อมสู้ตามกติกาดีกว่า”

นายพีระพันธุ์เผยว่า หลังจากที่เปิดตัวพรรคไปเมื่อวันที่ 3 สิงหาคมที่ผ่านมา ปรากฏว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี มีผู้มาสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งมีกลุ่มคนที่หลากหลาย ทั้งผู้ทำงานด้านการเมืองเป็นที่รู้จักกันอยู่แล้ว และยังมีคนรุ่นใหม่ที่อยากจะทำงานด้านการเมืองและมีอุดมการณ์เดียวกันที่มาเข้าร่วม ที่ผ่านมาตนก็ไม่ได้ไปเดินสายหรือติดต่ออะไรกับใครเป็นพิเศษ เพราะทุกคนต่างก็มีความคิดเป็นของตัวเองทั้งนั้น ถ้าเห็นด้วยกับแนวทางการทำงานของพรรครวมไทยสร้างชาติ ตนก็ยินดีที่จะเข้ามาทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองด้วยกัน

ด้านนายเสกสกล อัตถาวงศ์ ว่าที่หัวหน้าพรรคเทิดไท กล่าวถึงการตั้งก่อพรรคเทิดไทว่า ตนเป็นหางราชสีห์มานาน ต้องเป็นหัวสักครั้ง อย่างไรก็ตาม ในฐานะที่ก่อตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติมาก่อน ตนยินดีและภูมิใจที่นายพีระพันธุ์เอาพรรคไปทำต่อ ทั้งนี้ ช่วงที่ตนตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติ ตนอึดอัดมาก มีการบีบนายกรัฐมนตรี ก็คิดว่าเราควรมีบ้านใหม่ให้นายกฯ คำว่ารวมไทยสร้างชาติเป็นมอตโตของนายกฯ ตนเสียดายถ้าเกิดมีใครเอาคำนี้ไปใช้ จึงให้ทีมงานไปจดทะเบียนพรรคไว้ แล้วในที่สุดนายพีระพันธุ์มาทำต่อ ให้เป็นสถาบันพรรคการเมือง ให้เป็นที่พึ่งพาของประชาชน ตนดีใจ ปลื้มใจ ถึงไม่ได้อยู่ร่วมพรรครวมไทยสร้างชาติ ไม่ได้เป็นกรรมการบริหารพรรคแล้วก็ตาม

ที่ลานชิคชิคมาร์เก็ต จ.หนองคาย พรรคพลังประชารัฐจัดงาน "พลังประชารัฐ พลังเพื่อชาติไทย" โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นำทีมรัฐมนตรี แกนนำ และ ส.ส.พรรค พปชร.อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม รองหัวหน้าพรรค, นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รองหัวหน้าพรรค ร่วมปราศรัยถึงผลงานของพรรคและรัฐบาล นอกจากนี้ยังมีนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางมาด้วย ทั้งนี้ยังมีการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ร้อยเอ็ด นายศักดิ์ดา จันทรสุวรรณ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.หนองคาย น.ส.ประภาลักษณ์ สิทธิ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.หนองบัวลำภู

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศก่อนเริ่มงานว่า ตั้งแต่เวลา 16.00 น. ประชาชน ทยอยเดินทางเข้างาน โดยพร้อมใจสวมเสื้อยืดสีน้ำเงิน สกรีนข้อความ “ไม่แล้ง ไม่จน สร้างคน สร้างงาน พลังประชารัฐ” ตามสโลแกนงาน เพื่อฟังการปราศรัยของพล.อ.ประวิตร ถึงผลงานการบริหารจัดการน้ำตามนโยบายรัฐบาล ขณะที่นายสุริยะจะพูดคุยกับประชาชนถึงยุคทองอุตสาหกรรมภาคอีสาน เชื่อมโยงอีอีซี  ขณะที่นายชัยวุฒิจะพูดถึงเรื่องเศรษฐกิจดิจิทัลก้าวทันโลกออนไลน์

ทั้งนี้ ในงานมีการจัดนิทรรศการแสดงผลงานพรรค โดยเฉพาะการบริหารจัดการน้ำ การจัดการที่ดินทำกิน และในช่วงเย็น พล.อ.ประวิตรให้สัมภาษณ์ก่อนขึ้นเวทีปราศรัยว่า การวางตัวผู้สมัคร ส.ส.อีสานตอนบนขณะนี้เต็มแล้ว ส่วนจังหวัดหนองคายที่มี 3 เขตเลือกตั้ง และเดิมเป็นของพรรคเพื่อไทยนั้น เราหวังทั้งหมดทั้ง 3 ที่นั่ง

"ส่วนที่พรรคเพื่อไทยเคยครองพื้นที่อยู่นั้น ก็ว่ากันไป ก็แข่งกันดิครับ ใครชนะก็ว่ากันไป เพราะผมจะเอา 3 เขต" พล.อ.ประวิตรกล่าว

เมื่อถามว่า หวัง ส.ส.ในพื้นที่อีสานทั้งหมดเท่าไหร่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า จะไปรู้การณ์ข้างหน้าได้อย่างไร แต่พอบอกไม่รู้ ก็บอกไม่รู้อีกแล้ว

ถามถึงสโลแกน "ไม่รู้ ไม่รู้ แต่ไม่แล้งแน่" พล.อ.ประวิตรย้อนถามว่า ก็ไม่แล้งใช่หรือไม่ ไม่แล้งมา 3 ปีแล้วยังไม่พอใจอีกหรือ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง