กกต.-ผู้ตรวจการแผ่นดิน ประสานเสียง จ่อส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยปม "บิ๊กตู่" นั่งนายกฯ ครบ 8 ปี ฝ่ายค้านตีปี๊บ ยื่นคำร้อง 17 ส.ค.นี้ พร้อมให้ "ประยุทธ์" ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ด้วย ก้าวไกลดักคอศาลมาจากรัฐประหาร
เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2565 นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวกรณีที่นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้เสนอเรื่องพร้อมความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยสถานะการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 8 ปี ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่า โดยหลักการเมื่อสำนักงาน กกต.ได้รับเรื่องแล้ว จะมีการประมวลความเห็นเพื่อเสนอต่อที่ประชุม กกต. ว่ากรณีนั้นมีเหตุสิ้นสุดลงของความเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ หากที่ประชุมเห็นว่ามีเหตุดังกล่าวจะจัดทำคำร้องยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 ต่อไป อย่างไรก็ตาม ทราบจากข่าวว่าทาง ส.ส.จะมีการเข้าชื่อร่วมกันเพื่อยื่นคำร้องประเด็นนี้ต่อศาลรัฐธรรมนูญเช่นกัน
ขณะที่ พ.ต.ท.กีรป กฤตธีรานนท์ เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวว่า ตามกระบวนการเมื่อมีผู้มายื่นคำร้อง ทางสำนักงานโดยฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะต้องดำเนินการตรวจสอบคำร้อง ลำดับแรกต้องพิจารณาว่าผู้ตรวจการแผ่นดินมีอำนาจที่จะรับไว้พิจารณาหรือไม่ หากมีอำนาจให้สามารถรับเรื่องไว้ได้ ขั้นตอนต่อมาต้องดูเนื้อหาสาระที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายว่าเปิดช่องให้ทางผู้ตรวจการแผ่นดินส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาวินิจฉัยได้หรือไม่ ถ้ากฎหมายเปิดช่องให้ส่งไปได้ ต้องมาดูที่เนื้อหาสาระว่าขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่อย่างไร
"ทุกเรื่องที่ผู้ตรวจฯ จะต้องพิจารณาว่าจะเสนอเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ ล้วนแล้วเป็นเรื่องที่มีความสำคัญเกี่ยวข้องกับบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ จึงจำเป็นต้องดูข้อกฎหมายเป็นพิเศษ และหาข้อมูลด้วยความรอบคอบ เมื่อตรวจสอบว่ามีอำนาจจะพิจารณาโดยเร็ว เนื่องจากกรณีดังกล่าวเป็นประเด็นที่อยู่ในความสนใจของคนในสังคม" พ.ต.ท.กีรปกล่าว
นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ว่า ไม่ขอก้าวล่วง เพราะเป็นเรื่องคำวินิจฉัยศาล จึงยังไม่ถึงเวลาพูดและนายกฯ ไม่ได้พูดกับคณะรัฐมนตรี (ครม.) แต่ส่วนตัวเชื่อว่าจะผ่านไปได้ และไม่เกี่ยวข้องกับคะแนนนิยมของรัฐบาลและพรรคพลังประชารัฐที่กำลังจะสร้าง โดยการลงพื้นที่ในวันนี้ แม้จะเป็นฐานเสียงเดิมของพรรคเพื่อไทย แต่ไม่เกี่ยวกัน เพราะเป็นปกติของการเมือง และยืนยันคะแนนของพรรคพลังประชารัฐไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่อง 8 ปีของนายกรัฐมนตรี
“ส่วนตัวผมเชื่อว่านายกฯ จะผ่านเรื่องนี้ไปได้ ด้วยศักยภาพของรัฐบาลจะทำให้ประชาชนเลือกผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐ และอย่าไปคิดว่าใครเป็นคู่แข่ง” นายชัยวุฒิกล่าว
นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านจะยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญในช่วงกลางเดือน ส.ค. ทั้งนี้ หากตีความตามรัฐธรรมนูญมาตรา 158 วรรคสี่ ก็ชัดเจนว่า พล.อ.ประยุทธ์ที่เป็นนายกฯ ตั้งแต่ปี 2557 นั้น ดำรงตำแหน่งนายกฯ ครบ 8 ปีในเดือน ส.ค.2565 นอกจากนี้ในคำร้องยังระบุให้ พล.อ.ประยุทธ์ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับศาลรัฐธรรมนูญจะตีความ
เมื่อถามถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ระบุว่าให้เป็นไปตามที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน นายธีรัจชัยกล่าวว่า ปฏิเสธไม่ได้ว่าศาลรัฐธรรมนูญมีที่มายึดโยงกับการทำรัฐประหารเมื่อปี 2557 และที่ผ่านมาศาลรัฐธรรมนูญไม่เคยตีความให้ พล.อ.ประยุทธ์มีความผิดเลย เรื่องนี้จึงทำให้หลายฝ่ายเกิดความไม่มั่นใจว่าผลการตัดสินจะเป็นอย่างไร แต่ผลการตัดสินที่ออกมาจะถูกบันทึกเป็นประวัติศาสตร์ต่อไป
นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ว่า เข้าใจว่าพรรคร่วมฝ่ายค้านจะยื่นคำร้องได้ประมาณวันที่ 17 ส.ค. และคาดว่าประธานสภาฯ คงจะส่งเรื่องให้ตรวจสอบความสมบูรณ์ของคำร้อง และตรวจสอบรายชื่อสมาชิก น่าจะให้เวลาประมาณ 7 วันบวกลบ ก่อนส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญได้ในเวลาที่อยู่ครบกำหนด 8 ปี ตามเงื่อนไขที่รัฐธรรมนูญกำหนด
เขากล่าวว่า สาระที่เป็นข้อกฎหมาย คงจะรับรู้โดยทั่วกันแล้วว่ารัฐธรรมนูญมาตรา 264 ให้คณะรัฐมนตรีที่เป็นอยู่ก่อนรัฐธรรมนูญ 2560 ประกาศใช้ เป็นคณะรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญนี้ โดยยกเว้นคุณสมบัติบางประการ แต่ที่ไม่ยกเว้นให้คือการเป็นนายกฯ เกิน 8 ปี ที่ทำให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลง ซึ่งเราได้ศึกษาและค่อนข้างมั่นใจว่าต้องพ้น คือเจตนารมณ์ของมาตรา 264 มาตรา 158 ที่ชัดเจนว่ามีจุดมุ่งหมายอย่างไร ซึ่งมิได้มีการระบุว่าต้องเป็นนายกฯ ตามรัฐธรรมนูญ 2560 เท่านั้น พร้อมทั้งได้ยกคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ได้วินิจฉัยลักษณะต้องห้ามของรัฐมนตรีในยุคพล.อ.ประยุทธ์ ก่อนรัฐธรรมนูญ 2560 ประกาศใช้ คำวิจฉัยในเรื่องกฎหมายไม่มีผลย้อนหลังว่าตีความอย่างไร โดยรวมคณะทำงานฝ่ายกฎหมายของฝ่ายค้าน ค่อนข้างมีความมั่นใจว่าคำร้องมีความสมบูรณ์ทั้งในเรื่องของข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย และเจตนารมณ์ เข้าข่ายที่จะทำให้ สรุปได้ว่าความเป็นนายกฯ ของ พล.อ.ประยุทธ์สิ้นสุดลง
นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ว่า ไม่ได้ดูข้อกฎหมายอะไรมากมาย เพราะตีความไปซ้ายไปขวาได้ แต่นายกฯ ควรยึดเจตนารมณ์ที่รัฐธรรมนูญไม่ต้องการให้ใครเป็นนายกฯ เกิน 8 ปี ฝ่ายกฎหมายจะพิจารณาอย่างไรไม่สามารถบอกได้ว่าใครผิดใครถูก เรื่องนี้นายกฯ ต้องตัดสินใจด้วยตัวเองว่าสังคมส่วนมากคิดอย่างไร เพราะนายกฯ เป็นบุคคลสาธารณะ ต้องดูความรู้สึกของคนหมู่มากด้วย.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แฉระบบเด็กฝาก ทำลายองค์กรตร. ดับฝัน‘ดาวฤกษ์’
เช็ก 41 รายชื่อแต่งตั้งนายพลสีกากี ระดับรอง ผบ.ตร.-ผบช.
ยธ.เมินแจงกมธ. ปมนักโทษเทวดา รพ.ตำรวจชั้น14
ชั้น 14 น่าพิศวง "โรม" กวักมือเรียก “ทักษิณ” ไปสภา เข้าแจง กมธ.มั่นคงฯ
แจกเฟส2เอื้อเลือกอบจ. เตือนร้องถอดถอนครม.
นายกฯ โชว์วิชั่น Forbes ยันไทยสงบ สันติ หวังแม้รัฐบาลเปลี่ยน
ฟ้อง9บิ๊กมท.ทุจริตที่เขากระโดง
เรื่องถึงศาล "ณฐพร" ฟ้องกราวรูด "บิ๊ก ขรก.มหาดไทย"
ลุ้นศาลรับคดีล้มล้าง ตุลาการถก6ประเด็น‘ทักษิณ-พท.’/ดันแก้ประชามติไม่รอ180วัน
"ทักษิณ-พท." ระทึก! 9 ตุลาการศาล รธน.ยืนยันนัดประชุมวาระพิเศษ 22 พ.ย.นี้
นายกฯ สั่งเกาะติด 7จังหวัดภาคใต้ที่เจอฝนถล่มหนัก
นายกฯ กำชับทุกหน่วยงานติดตามสถานการณ์พื้นที่เสี่ยงจากฝนตกหนักในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้