วิปรัฐบาลเผย 2 แนวทาง โยนรัฐสภาตัดสินสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ยันเดินหน้าถก กม.ลูกต่อจนจบวาระ 3 พร้อมส่ง กกต.วินิจฉัย เชื่อกลับมาใช้สูตรหาร 100 ตามเดิม “นิกร” แนะต้องทำให้เสร็จก่อน 15 ส.ค. เผย 2 กลุ่ม “ฝ่ายค้าน-กมธ.” เห็นแย้งรอยื่นศาล รธน. “หมอระวี” แพลมจะกลับไปแก้ 2 มาตราที่เกี่ยวข้องเชื่อไร้ปัญหา "ป้อม" โบ้ยไม่รู้ "โอ๊ค" โพสต์คลิปเบิร์ธเดย์ "ทักษิณ" อัดรัฐประหารทำประเทศล้าหลัง "แรมโบ้" ท้าลั่นร้อยบาทเอาขี้หมากองเดียว ปีหน้า "ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์" ไม่ได้กลับไทย ยกเว้นกลับมาติดคุก
ที่รัฐสภา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 26 กรกฎาคม จะมีการประชุมรัฐสภาพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. (ฉบับที่...) พ.ศ. ... ซึ่งที่ประชุมร่วมรัฐสภามีมติแก้ไขมาตรา 23 เรื่องสูตรคำนวณสัดส่วน ส.ส.บัญชีรายชื่อ จากหาร 100 เป็นหาร 500 และจะมีการพิจารณาต่อในวันดังกล่าว ท่ามกลางกระแสข่าวที่จะมีการเสนอกลับไปใช้สูตรหาร 100 อีกครั้ง โดยนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในฐานะรองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวภายหลังการประชุมวิปรัฐบาลว่า ที่ประชุมวิปรัฐบาลมีมติดำเนินการ 2 แนวทาง คือ แนวทางที่ 1 เห็นควรดำเนินการตามข้อบังคับพิจารณาวาระ 2 เรียงตามลำดับมาตราจนจบ ถ้ามีประเด็นอะไรที่ไม่ชอบ ขัดหรือแย้งตามรัฐธรรมนูญ ต้องให้รัฐสภาเสนอขอความเห็นไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 132 ต่อไป หาก กกต.จะยืนยันอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับ กกต. แต่ส่วนตัวเชื่อว่า กกต.จะยืนยันกลับมาให้หาร 100 ตามที่เสนอร่างมาตั้งแต่ต้น
นายชินวรณ์กล่าวต่อว่า ส่วนแนวทางที่ 2 หากที่ประชุมรัฐสภาเห็นควรให้แก้ไขมาตราอื่นที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับมาตรา 23 หรือมีแนวทางใด เป็นอำนาจของที่ประชุมจะพิจารณา ทั้งนี้ หาก กกต.ชี้ว่าการแก้ไขของรัฐสภาที่ให้ใช้สูตรคำนวณหาร 500 ไม่ขัดและเดินหน้าต่อไป เชื่อว่าจะมีการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ และถือเป็นที่สิ้นสุดเพราะผูกพันทุกองค์กร
นายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ในฐานะเลขานุการ กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ให้สัมภาษณ์กรณีความคืบหน้าการจัดทำกฎหมายลูกว่า ต้องทำให้เสร็จเพราะเหลือเวลาอีกไม่มาก และต้องทำให้เสร็จก่อนวันที่ 15 ส.ค. หากไม่เสร็จตามรัฐธรรมนูญต้องมีการกลับไปใช้ในร่างเดิม คือร่างของ ครม.ซึ่งเป็นการหาร 100 ทั้งนี้ หากเราดึงข้ามไปแปลว่าสภาทำงานไม่เสร็จ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ควร แต่จะออกไปทางใดทางหนึ่งก็ต้องเสร็จ และต้องส่งไป กกต.เพื่อรอ กกต.เสนอความเห็นกลับมา โดยจะหาร 100 หรือหาร 500 ก็ค่อยว่ากัน ดังนั้นเชื่อว่าจะไม่ให้มีปัญหาจนถึง 15 ส.ค.
เมื่อถามว่า หลังจากสภามีการพลิกมติของ กมธ.เสียงข้างมาก จากสูตรหาร 100 เป็นหาร 500 จะมีการเดินหน้าต่ออย่างไร และจะมีการปรับแก้มาตราใดหลังมาตรา 24 ที่กระทบหรือไม่ นายนิกรกล่าวว่า ตอนที่แก้ตนได้เตือนแล้วว่าจะเกิดปัญหา ทั้งนี้หากมีคนโยงไปถึง ส.ส.พึงมี ก็จะมีการพ่วงเป็นหาร 500 ซึ่งเมื่อหาร 500 ก็จะสัมพันธ์กันไปหมด แต่หากมีการเกิดใบแดงขึ้นก็จะมี ส.ส.หายไป 1 คน ซึ่งเมื่อหายไป 1 คนที่แบ่งไว้ว่าพึงได้ก็จะเคลื่อนไปหมด โดยจะทำให้มีปัญหามาก และขณะนี้เรายังเหลืออีก 8 มาตราที่ต้องพิจารณา โดย 2-3 มาตราที่เหลือจะมีปัญหา ซึ่งปัญหาในเรื่องดังกล่าว กมธ.เสียงข้างน้อยไม่ได้มีการเตรียมไว้ตั้งแต่ตอนนั้น และข้ามไปที่มาตรา 24 เลย ดังนั้นจะกลับไปที่มาตรา 23 ไม่ได้
2 กลุ่มจ่อยื่นศาล รธน.
"ขอย้ำว่าต้องทำให้เสร็จก่อนวันที่ 15 ส.ค. ผมเชื่อว่า กกต.มีโอกาสที่จะกลับมาหาร 100 มากกว่า เนื่องจาก กกต.เสนอให้มีการใช้ 100 หารมาตลอด อย่างไรก็ตามหากมีปัญหาที่ กกต.ชี้ว่าไม่สามารถที่จะปฏิบัติได้ ก็จะต้องกลับไปหาร 100 เหมือนเดิม หาก กกต.แย้งกลับมาสภาก็จะมี 2 ทางคือ สภาจะเห็นตาม กกต. โดยสภาจะมีเวลาแก้ไขภายใน 30 วัน หรืออีกทางคือยึดตามมติสภาเหมือนเดิมคือหาร 500 หากยืนยันตามนั้นก็จะไปเจออีกด่าน คือการเสนอให้มีการยื่นศาลรัฐธรรมนูญ โดยมีกลุ่มที่รอยื่นศาลรัฐธรรมนูญอยู่ 2 กลุ่ม คือกลุ่มฝ่ายค้านและ กมธ.ที่เห็นว่าขัดรัฐธรรมนูญ"
เมื่อถามว่า กรณีที่มีความเห็นว่าระบบเลือกตั้งจะกลับมาใช้บัตรใบเดียว ตามข้อกฎหมายสามารถเป็นไปได้หรือไม่ นายนิกรกล่าวว่า ตามกฎหมายสามารถทำได้ แต่ในทางการเมืองนั้นทำไม่ได้ ในทางกฎหมายก็เป็นไปได้ยาก เพราะเวลาของสภาเหลือน้อย ทั้งนี้หากมีการแก้ก็จะต้องมีการเสนอร่างเข้ามาใหม่และต้องมีการตั้ง กมธ. รวมถึงจะต้องมีการแก้กฎหมายลูกอีก
นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังธรรมใหม่ ในฐานะ กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ให้สัมภาษณ์ถึงปัญหาของการพิจารณาร่างกฎหมายลูกในมาตราที่เหลืออีกประมาณ 10 มาตราว่า เชื่อว่าจะไม่มีปัญหา แม้ฝ่าย กมธ.เสียงข้างมาก พยายามตีรวนให้การพิจารณาวาระสองนั้นมีปัญหา และทำให้สูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อกลับไปใช้หาร 100 มั่นใจการประชุมจะราบรื่น แม้จะมีประเด็นที่ต้องพักการประชุมเพื่อกลับไปแก้ไขมาตราอื่นที่เกี่ยวข้องกับมาตรา 23 ว่าด้วยสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ แต่เชื่อว่าจะพักประชุมเพียง 30 นาทีเพื่อแก้ไข 2 มาตรา จะคลี่คลายได้โดยมีผู้เสนอให้ที่ประชุมแก้ไข 2 มาตรา แม้นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข ในฐานะประธาน กมธ.จะบอกว่าทำไม่ได้ เสนอไม่ได้ แต่เชื่อว่าที่ประชุมรัฐสภาจะลงมติให้กระทำได้ ส่วน 2 มาตราที่จะแก้ไขนั้น ตนขอเก็บไว้เป็นความลับ
“ที่ผ่านมาการแก้ไขร่าง พ.ร.บ.ในสภา ที่พบว่าเสียงของที่ประชุมชนะ กมธ.เสียงข้างมาก ต้องกลับไปแก้ไขเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง ซึ่งที่ผ่านมาเคยทำกันได้ และเรื่องร่างกฎหมายลูกการเลือกตั้ง ส.ส. ขณะนี้กฤษฎีกาให้ความเห็นมาแล้ว ดังนั้นประธาน กมธ.หรือ กมธ.เสียงข้างมากจะอ้างเจตนารมณ์ของตัวเองเพื่อเอาชนะเสียงของสมาชิกรัฐสภาข้างมากได้อย่างไร” นพ.ระวีกล่าว
เมื่อถามว่า การพิจารณาร่างกฎหมายลูกเลือกตั้ง ส.ส.จะสามารถลงมติวาระ 3 ได้ภายในวันที่ 26 ก.ค. ใช่หรือไม่ นพ.ระวีกล่าวว่า การลงมติมี 2 ทาง คือโหวตเห็นชอบ ซึ่งขั้นตอนจะดำเนินการไปตามกฎหมายและถึงศาลรัฐธรรมนูญ และโหวตคว่ำ ซึ่ง ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลต้องลงมติคว่ำ เท่ากับว่าไม่เห็นด้วยกับสูตรคำนวณ ส.ส. ทั้งสูตรหาร 100 และหาร 500 ซึ่งตนมองว่าหากจะสู้ควรให้เป็นไปตามกระบวนการ ทั้งนี้ เชื่อว่าประเด็นความพยายามคว่ำเนื้อหาจะเกิดขึ้นหากอีกฝั่งไม่สามารถสู้เพื่อเอาชนะได้
หนุนเดินหน้าตามกระบวนการ
นายณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวว่า เมื่อที่ประชุมรัฐสภามีมติโหวตผ่านมาตรา 23 ให้ใช้สูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อหาร 500 ถือเป็นการเปลี่ยนหลักการสำคัญที่ได้ยกร่างมาก่อนหน้านี้ แม้จะไม่เห็นรายละเอียดว่าเนื้อหาการหาร 500 นั้นเป็นอย่างไร หากจะเดินหน้าต่อไปเช่นนี้จะไปกระทบต่อ พ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส.อย่างน้อย 2 มาตราที่ไม่ได้แก้ไข คือมาตรา 131 และมาตรา 133 โดยกระบวนการดังกล่าวจะไม่สามารถกลับไปแก้ไขมาตรา 131 และมาตรา 133 ได้ ฉะนั้น เมื่อกลับมาประชุมกันต่อก็ต้องให้ที่ประชุมพิจารณาว่าจะเดินหน้าต่อไปจนสิ้นสุดวาระ 2 และวาระ 3 อย่างไร ซึ่งในการประชุมวันที่ 26 ก.ค. พบว่ามีปัญหาบางประการที่ทำให้กระบวนการเดินหน้าได้ยากจริง
นายณัฐวุฒิกล่าวต่อว่า ต้องรอให้รัฐสภาพิจารณาจนแล้วเสร็จก่อน และค่อยมาดูกันอีกครั้งว่าจะปรับเปลี่ยนหรือแก้ไขกันอย่างไร โดยเป็นไปได้ตั้งแต่การแก้รัฐธรรมนูญใหม่ การแก้กฎหมายลูกใหม่ หรือแนวทางอื่นๆ ทั้งนี้จุดยืนของพรรค ก.ก.คือการเดินหน้ากระบวนการพิจารณาไปก่อน
เมื่อถามถึงกระแสข่าวการแก้ไขรัฐธรรมนูญ กลับไปใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียวและสูตรคำนวณเดิม นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ แต่จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีการคว่ำกฎหมายลูกในวาระ 3 ซึ่งยังไม่ถึงจุดนั้น อีกกรณีคือ ศาลรัฐธรรมนูญตีความว่าการแก้ไขกฎหมายลูกให้ใช้สูตรหาร 500 เป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญ และการแก้ไขกฎหมายลูกไม่สามารถเดินหน้าต่อได้อย่างเบ็ดเสร็จ หากเป็นเช่นนั้นจริงรัฐสภามีทางออกคือ การยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่และแก้ให้เบ็ดเสร็จ
ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย กล่าวว่า ตนเคยพูดสนับสนุนการหาร 100 มาตั้งแต่ต้นไม่เคยเปลี่ยนแปลง แต่คงต้องไปรอความชัดเจนเมื่อสภาส่งร่างไปยัง กกต.ก่อน
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกระแสข่าวจะมีการกลับมาใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียวว่า อันนี้ไม่รู้ เป็นเรื่องของสมาชิกพรรค และเรื่องของ ส.ส.ที่จะทำกัน
เมื่อถามว่า พปชร.สนับสนุนสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อแบบหาร 100 หรือ 500 พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ตนจะไปรู้หรือ สื่อนี่ถามนำตลอด เมื่อถามว่า ถ้ากลับไปใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียวเห็นด้วยหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่รู้ ตนจะไปรู้ได้อย่างไร
ร้อยเอาขี้หมากอง 'ทักษิณ' ไม่ได้กลับ
วันเดียวกัน นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวพร้อมแนบคลิปว่า "พรุ่งนี้เป็นวันเกิดครบรอบ 73 ปี ของคุณพ่อครับ เวลาผ่านไปเร็วมากๆ คุณพ่อเป็นนายกรัฐมนตรีตั้งแต่อายุ 51 ปี ดำรงตำแหน่งอยู่แค่ 5 ปีก็โดนรัฐประหารในปี 2549 ซึ่งผลพวงจากรัฐประหารคราวนั้น ทำให้ประเทศไทยติดหล่มการเมือง ประเทศเราล้าหลังเพื่อนบ้าน และความเหลื่อมล้ำของคนไทยถ่างออกไป จนช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนสูงที่สุดในโลก
วันเกิดปีนี้ ลูกๆ ทำของขวัญมาเซอร์ไพรส์ เป็นคลิปวิดีโอที่พวกเราตั้งใจทำขึ้นมาให้คุณพ่อ ตอนเปิดดูพร้อมกันทั้งลูกๆ หลานๆ ดังที่เห็นกันในคลิปนี้ บรรยากาศก็จะตื่นเต้นชุลมุนกันนิดหน่อย" นายพานทองแท้ระบุ
ด้านนายเสกสกล อัตถาวงศ์ อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร โฟนอินในงานครบรอบวันเกิดที่นายพายัพ ชินวัตร และกลุ่มคนเสื้อแดงจัดให้ที่ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ว่าจะกลับประเทศในปีหน้าแน่นอน ว่าที่ผ่านมาเห็นนายทักษิณ พูดไม่หยุดว่าจะกลับประเทศไทยหลายครั้งหลายคราว ซึ่งนายทักษิณสามารถกลับมาได้ตลอดเวลา แต่หากต้องมารับโทษตามกฎหมายและเข้าคุกเท่านั้น ทั้งนี้อย่าหวังว่าจะได้กลับมาโดยไม่ได้รับโทษใดๆ เพราะทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมาย
"ส่วนที่นายทักษิณบอกว่ามั่นใจการเลือกตั้งครั้งหน้าเพื่อไทยจะสามารถชนะการเลือกตั้งได้ อย่าไปหวังลมๆแล้งๆ กับคนในพรรคเพื่อไทยเลย เพราะว่าคงเป็นไปได้ยาก ก็ขอท้าเลยว่าร้อยบาทเอาขี้หมากองเดียว ปีหน้านายทักษิณและ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ได้กลับไทยอย่างแน่นอน ยกเว้นกลับมาติดคุก ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมาย การที่นายทักษิณหวังให้พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งได้เป็นรัฐบาล ก็เพราะจะได้ช่วยให้ตนเองและน้องสาวพ้นผิด กลับประเทศไทยได้ แบบนี้ก็ทำให้เห็นชัดเจนแล้วว่า พรรคเพื่อไทยทำตามคำสั่งใครและอยากชนะการเลือกตั้ง เพราะจะช่วยนายทักษิณและ น.ส.ยิ่งลักษณ์กลับมา เพื่อให้พ้นคดีโกง ไม่ต้องติดคุก ซึ่งคนไทยส่วนใหญ่ยอมไม่ได้แน่นอน" นายเสกสกลกล่าว
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความว่า "การกลับเมืองไทย ไม่มีใครห้ามเลย จะกลับพรุ่งนี้เลยก็ได้ เพียงแต่ทุกคนต้องเคารพกฎหมาย การไม่เคารพกฎหมาย ถือว่าใช้อภิสิทธิ์ เอาเปรียบประชาชน ไม่เท่าเทียม ทำลายประชาธิปไตย คนไทยส่วนใหญ่ต้องการความเท่าเทียม เขาคงไม่ยอมครับ เรียนนายทักษิณเพื่อทราบครับ".
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ฉายาสภาเหลี่ยม(จน)ชิน
ถึงคิวสื่อสภา ตั้งฉายา สส. "เหลี่ยม (จน) ชิน" จากการพลิกขั้วรัฐบาลเขี่ย
ตอกฝาโลงกิตติรัตน์ ‘กฤษฎีกา’ชี้ขาดคุณสมบัติ เหตุมีส่วนกำหนดนโยบาย
"กฤษฎีกา" ชี้ชัดสมัย "นายกฯ เศรษฐา" ตั้ง "กิตติรัตน์" เป็นประธานที่ปรึกษาของนายกฯ
‘เท้งเต้ง’ไม่ทน! ชงแก้ข้อบังคับ รมต.ตอบกระทู้
ทนไม่ไหว! “หัวหน้าเท้ง” หารือประธานสภาฯ ขอให้แก้ข้อบังคับการประชุม
แม้วพบอันวาร์กลางทะเล เตือนเสือกทุกเรื่องทำพัง!
ปชน.จี้ถามรัฐบาล “ทักษิณ” มีอำนาจจริงปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือไม่
ให้กำลังใจจนท.ดูแลปีใหม่ เข้มงวด‘ความปลอดภัย’
นายกฯ ให้กำลังใจตำรวจ-กรมทางหลวง ทำงานหนักช่วงปีใหม่
กฤษฎีกาเอกฉันท์โต้งหมดสิทธิ์
กฤษฎีกามติเอกฉันท์ "กิตติรัตน์" ขาดคุณสมบัติ หมดสิทธิ์นั่ง "ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ"