‘โควิด’ยังแรง 6จังหวัดได้เฮ ส่งยาใน24ชม.

โควิดไทยยังแรงต่อ พบติดเชื้อใหม่ 2,390 ราย เสียชีวิตอีก 30 คน   “บิ๊กตู่” ให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ที่ทำงานเต็มที่ช่วงขาขึ้นจากโอมิครอน BA.5 “สปสช.” อำนวยความสะดวกผู้ป่วย ส่งยาฟาวิพิราเวียร์ให้คน กทม.และปริมณฑลใน 24 ชั่วโมง

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 24 ก.ค. ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดในไทยว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 2,390 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 2,387 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 2,387 ราย จากเรือนจำและสถานที่ต้องขัง 3 ราย หายป่วยเพิ่มขึ้น 2,358 ราย อยู่ระหว่างรักษา 24,702 ราย อาการหนัก 874 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 409 ราย เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 30 ราย มียอดผู้ติดเชื้อสะสมยืนยันตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 4,575,853 ราย มียอดหายป่วยสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 4,519,994 ราย  ยอดผู้เสียชีวิตสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 31,157 ราย

ด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้กำลังใจหมอ พยาบาล  อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และบุคลากรทางการแพทย์ ที่ทำงานกันอย่างเต็มที่ตลอดในช่วงของการแพร่ระบาดโควิด-19 ประกอบกับในปัจจุบันที่อยู่ในช่วงของการแพร่ระบาดสายพันธุ์โอมิครอน สายพันธุ์ย่อย BA.5 ที่สามารถแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็ว ส่งผลให้จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นกว่าการแพร่ระบาดในระลอกก่อน เพียงแต่ผู้ป่วยส่วนใหญ่มีอาการเพียงเล็กน้อย ในปัจจุบันบุคลากรทางการแพทย์ไม่เพียงแต่ดูแลผู้ป่วยโควิด แต่รวมถึงผู้ป่วยประเภทอื่นๆ ดังนั้นเพื่อลดภาระงานของบุคลากรทางการแพทย์ จึงขอให้ประชาชนใช้ชีวิตด้วยความระมัดระวัง ป้องกันการติดเชื้ออย่างเต็มที่ โดยเฉพาะการฉีดวัคซีนโควิดอย่างน้อย 3 เข็ม จะช่วยป้องกันโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น 

นายธนกรกล่าวอีกว่า ขณะเดียวกันสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ดำเนินการตามนโยบายของนายกฯ ในการดูแลและอำนวยความสะดวกแก่ผู้ป่วยให้เข้าถึงระบบการดูแลรักษาได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นระบบเสริมการให้บริการของหน่วยบริการหรือสถานพยาบาลที่เป็นระบบหลัก มีการจัดส่งยาฟาวิพิราเวียร์ให้ผู้ป่วยโควิด-19 ในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล 5 จังหวัด ได้แก่ นนทบุรี, ปทุมธานี, นครปฐม, สมุทรปราการ และสมุทรสาคร ที่ต้องการรับยาฟาวิพิราเวียร์ สามารถติดต่อไปยังสายด่วน สปสช. 1330 เจ้าหน้าที่จะทำการคัดกรองอาการตามหลักเกณฑ์ของกรมการแพทย์ โดยอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์และเภสัชกร หากพบว่าผู้ติดเชื้อเริ่มมีอาการที่จำเป็นต้องได้รับยาฟาวิพิราเวียร์ สปสช.จะจัดส่งยาให้ผู้ติดเชื้อทันทีภายใน 24 ชั่วโมง

ขณะที่ นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการ สปสช. กล่าวว่า จากสถานการณ์ที่ผู้ติดเชื้อโควิด-19 มีแนวโน้มมากขึ้น ล่าสุด นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ได้สั่งให้ สปสช.จัดระบบเสริมเพื่อดูแลผู้ป่วยให้เข้าถึงการรักษาพยาบาล โดยตั้งแต่วันที่ 22 ก.ค.2565 สปสช.ได้ร่วมกับ สธ.จัดส่งยาฟาวิพิราเวียร์ให้ผู้ป่วยในพื้นที่ กทม. และจังหวัดปริมณฑลอีก 5 จังหวัด โดยการสนับสนุนงบประมาณจัดส่งจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) ดำเนินการจัดส่งภายใน 24 ชั่วโมง โดยบริษัท ไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น จำกัด

 “สปสช.ยังได้ปรับระบบสายด่วน 1330 เป็นระบบเสริมกับหน่วยบริการ หรือสถานพยาบาลเพื่อดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ด้วยเช่นกัน โดยประชาชนที่มีผลตรวจ ATK ขึ้น 2 ขีด และยังไม่ได้รับบริการ สามารถติดต่อประสานขอความช่วยเหลือมาที่สายด่วน 1330 โทรศัพท์ติดต่อได้ทั้งกลุ่ม 608 และกลุ่มที่ไม่ใช่ 608 ซึ่งเจ้าหน้าที่สายด่วนจะให้คำแนะนำในการปฏิบัติ ช่องทางการรับบริการ หรือประสานหน่วยบริการให้” นพ.จเด็จกล่าว

เลขาธิการ สปสช.กล่าวว่า สำหรับกลุ่มที่ไม่ใช่ 608 นั้น ในกรณีไม่มีอาการ เจ้าหน้าที่จะแนะนำให้กักตัวเองที่บ้านเป็นเวลา 7 วัน และออกจากบ้านได้โดยต้องป้องกันตัวเองอย่างเข้มงวดอีก 3 วัน ตามหลักเกณฑ์ของกรมควบคุมโรค แต่ในกรณีที่มีอาการนั้น เบื้องต้นสามารถไปรับยาแบบเจอ แจก จบได้ที่คลินิก/โรงพยาบาล (รพ.) ตามสิทธิสุขภาพของตัวเอง รวมทั้งรับยาที่ร้านยาที่เข้าร่วมโครงการเจอ แจก จบ ก็ได้เช่นกัน แต่กรณีที่ไม่สามารถเข้ารับบริการได้ด้วยสาเหตุใดก็ตาม ให้โทร.ไปที่สายด่วน 1330 เจ้าหน้าที่จะแนะนำขั้นตอนการใช้บริการตามสิทธิการรักษาให้ และกรณีไม่สะดวกเดินทางไปรับบริการเจอ แจก จบ ที่สถานพยาบาลตามสิทธิ ก็มีทางเลือก เช่น ลงทะเบียนออนไลน์ของหน่วยบริการที่จัดระบบนี้ หรือร้านขายยาที่เข้าร่วมโครงการ รอรับยาที่บ้าน หรือรับการดูแลแบบเทเลเมดิซีน (Telemedicine) ระบบบริการการแพทย์ทางไกลผ่านแอปพลิเคชันที่ตอนนี้มีความร่วมมือ 2 แห่ง คือ แอป Good Doctor และแอปหมอดี ขณะนี้กำลังมีความร่วมมือกับอีกแห่งเพื่อปรึกษาแพทย์ผ่านออนไลน์ พร้อมจัดส่งยาถึงบ้าน นอกจากนั้น ในรายที่เจ้าหน้าที่ 1330 ประเมินอาการแล้วพบว่าเข้าเกณฑ์ต้องได้รับยาฟาวิพิราเวียร์ ก็จะจัดส่งยาไปให้ที่บ้าน ซึ่งเป็นยาที่ได้รับการสนับสนุนจาก สธ. แต่ครอบคลุมเฉพาะกรุงเทพฯ และ 5 จังหวัดปริมณฑลเท่านั้น

 “กลุ่ม 608 นั้น จะมีรูปแบบการรับบริการ 3 แบบคือ 1.เข้ารับบริการที่คลินิก/รพ. ตามสิทธิสุขภาพของตัวเอง 2.รับบริการแบบเทเลเมดิซีน ซึ่งทีมผู้ให้บริการเทเลเมดิซีนจะคัดกรองเบื้องต้น หากไม่มีอาการ จะจ่ายยาแล้วติดตามอาการภายใน 24 ชั่วโมง แต่ถ้ามีอาการ ผู้ให้บริการจะประสานส่งต่อคลินิก/รพ. เพื่อดูแลตามแต่ละการจัดการของ รพ. และ 3.กรณีที่ไม่สามารถรับบริการตาม 2 รูปแบบข้างต้นได้ สามารถประสานสายด่วน 1330 เจ้าหน้าที่จะทำการคัดกรองเบื้องต้น หากไม่มีอาการ จะส่งยาให้ทางไปรษณีย์หรือ สปสช.จัดรถไปส่งให้ พร้อมติดตามอาการภายใน 24 ชั่วโมง แต่หากมีอาการ จะประสานหาเตียงใน รพ. หรือจัดหาหน่วยบริการเพื่อดูแลแบบ Home Isolation และถ้ามีอาการรุนแรง ก็จะประสานสายด่วน 1669 เพื่อส่งรถฉุกเฉินมารับตัวไปยัง รพ.ต่อไป” นพ.จเด็จกล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง