แพ้! ฝ่ายแค้นผิดหวัง ขู่ฟ่อ เปิดศึกโรยเกลือ

ฝ่ายค้านผิดหวังเสียงโหวต  "ชลน่าน" ครวญหลักฐานชัดแต่แพ้ ขอแสดงความเสียใจต่อประชาชน ลั่นจะตามไปเด็ดหัว สอยนั่งร้าน ในสนามเลือกตั้งต่อ ส่วนก้าวไกลเตรียมลุยยุทธการ​โรยเกลือครั้งที่​ 3 ตรวจสอบการทุจริตต่อ

เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2565 ส.ส.พรรคเพื่อไทย (พท.) นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรค, นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม และประธานวิปฝ่ายค้าน และนายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา และเลขาธิการพรรค แถลงภายหลังการลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีทั้ง 11 คน

นพ.ชลน่านกล่าวว่า คะแนนไม่ไว้วางใจไม่ถึงกึ่งหนึ่งของสมาชิกทั้งหมดของที่มีอยู่ คือ 239 คะแนน โดยเห็นได้ชัดเจนว่าสภามีมติให้รัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายทุกคน ให้ทำหน้าที่ต่อ เบื้องต้นตนยอมรับมติในครั้งนี้ที่เป็นไปตามกลไกระบบรัฐสภาที่ยึดเสียงข้างมากเป็นหลัก ประกอบกับปัจจัยในรัฐสภาที่มีความแปรปรวนเข้ามาเกี่ยวข้องในการลงมติ ฉะนั้นผลการลงมติแม้เราจะคาดหวังว่าสิ่งที่เราทำหน้าที่ไปนั้น  ทั้งข้อกล่าวหาและหลักฐานข้อเท็จจริงที่นำมาแสดงจะชัดเจนแค่ไหน แต่ผลลงมติก็เห็นอยู่ ซึ่งก็แสดงความยินดีกับรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรีที่ได้ทำหน้าที่ต่อด้วยระบบกลไกของสภา

"อย่างไรก็ตาม ขอแสดงความเสียใจกับประชาชน ที่ผลการลงมติทางตรงของประชาชนที่ไม่ไว้วางใจให้ พล.อ.ประยุทธ์  รวมถึงรัฐมนตรีอีก 10 คนที่ถูกอภิปราย ซึ่งมีการไม่ไว้วางใจถึงร้อยละ 98.3 ของกลุ่มราษฎรและประชาชนที่ลงมติทางตรงผ่านสื่อช่องต่างๆ ซึ่งหมายความว่าคะแนนของประชาชนแตกต่างจากคะแนนของ ส.ส.ผู้เป็นตัวแทนของประชาชนอย่างชัดเจน และเป็นความไม่สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน อย่างไรก็ตาม เสียงในสภาเราสู้ไม่ได้แน่นอน แต่ระหว่างศรัทธาประชาชน เด็ดหัว สอยนั่งร้าน ยุทธการนี้ไม่ได้พ่ายแพ้ เพราะสิ่งที่จะตัดสินคือจะเด็ดหัวและสอยนั่งร้านในสนามเลือกตั้ง นั่นคือสิ่งที่พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมฝ่ายค้านตั้งวัตถุประสงค์ไว้ และตนมั่นใจว่าภาพนั้นจะเกิดขึ้นจริงเมื่อมีการเลือกตั้งครั้งต่อไป

ขณะที่นายประเสริฐกล่าวว่า ผลการลงมติครั้งนี้เป็นไปตามที่หลายฝ่ายคาดแต่ก็เป็นที่น่าผิดหวัง เพราะไม่เป็นไปตามสิ่งที่ประชาชนต้องการ คือเสียงข้างนอกไม่ต้องการให้รัฐบาลชุดนี้อยู่ต่อไป แต่เมื่อเสียงในสภาเป็นไปตามกลไก ก็ต้องว่ากันไป ซึ่งภารกิจต่อไปของพวกเราคือ อยากให้กำลังประชาชนและ ส.ส.ทุกคน ว่าสิ่งที่เรารอคือการเลือกตั้งครั้งหน้า ที่ประชาชนจะได้แสดงประชามติเช่นนี้อีกครั้ง

ทั้งนี้ พรรคร่วมฝ่ายค้านโดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยจะทำงานหนักต่อไป เพื่อดูแลปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน และมีหลายเรื่องที่เราได้อภิปรายไป อยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐาน ที่ชี้ให้เห็นถึงความทุจริต ปล่อยปละละเลย และจะนำหลักฐานเหล่านั้นไปยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ศาลรัฐธรรมนูญ  และองค์กรที่เกี่ยวข้องต่อไป

ส่วนนายสุทินกล่าวว่า ไม่ผิดหวังในมติ เพราะเชื่อว่าเป็นแบบนี้อยู่แล้ว แต่สิ่งที่เราหวังคือการอภิปรายจะเป็นการเสริมสร้างให้ระบบสภาเข้มแข็งและเป็นที่พึ่งของประชาชนได้ ถึงแม้ในการอภิปรายมีรัฐมนตรีหลายท่านผ่าน แต่ก็มีมุมที่ต้องจับตาพิจารณาอยู่ เช่น การงดออกเสียงมีนัยอย่างไร แทนที่จะมีการลงมติไว้วางใจกัน ซึ่งการงดออกเสียงก็มีแนวโน้มที่จะมาทางไม่ไว้วางใจ

ด้านนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย ส.ส.พรรคก้าวไกล แถลงข่าวเช่นกัน โดยนายพิธากล่าวว่า ผิดหวังกับผลของมติที่ออกมา แต่ก็ภูมิใจในผลงานของพรรคก้าวไกล และมองว่าพรรคอาจจะทำงานได้ไม่เต็มที่ทำให้ผลออกมาเป็นอย่างนั้น การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ถือว่าพรรคทำงานกันหนักมาก เตรียมหาข้อมูลการอภิปรายออกมาให้เป็นระบบ เพื่ออธิบายข้อมูลในเรื่องของการทุจริตเชิงนโยบาย การเป็นนอมินี การปั่นหุ้น เรียบเรียงให้ประชาชนได้เข้าใจได้ง่าย ตนในฐานะหัวหน้าพรรคก้าวไกลต้องขอบคุณประชาชนที่คอย ติดตามการอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรค  รวมถึงประชาชนและข้าราชการที่หวังดี ที่คอยส่งข้อมูลและคอยเป็นหูเป็นตาให้กับประชาชน และขอบคุณการตื่นตัวของประชาชนในการอภิปรายครั้งนี้

น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ปีนี้ยังคงดำเนินการยุทธการโรยเกลือกันต่อเป็นครั้งที่ 3 โดยจะยื่นเอกสารหลักฐานต่างๆ ให้กับองค์กรอิสระที่ทำหน้าที่ในการตรวจสอบต่อในข้อมูลที่ ส.ส.ของพรรคได้อภิปรายไป อย่างสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งก่อนหน้านี้เคยมีการตรวจสอบสำเร็จมาแล้วแม้จะมีความล่าช้า 2 เรื่อง คือคดีของ GT 200 และคดีนาฬิกาเพื่อน ถึงแม้ว่าความเชื่อมั่นใน ป.ป.ช.จะเหลือน้อย แต่ก็ยังคงทำหน้าที่ของพรรคต่อ โดยการรวบรวมเอกสารจากทั้ง 11 กรณีที่ได้อภิปรายไม่ไว้วางใจไว้ ยื่นต่อ ป.ป ช.อีกครั้งหนึ่ง เพื่อหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเมื่อระบอบประยุทธ์ได้ยุติลง วัฒนธรรมลอยนวลคนผิดก็ต้องหมดไปเช่นกัน และการเช็กบิลคนที่ทำผิดก็ต้องเกิดขึ้น ภายใต้องค์กรที่เป็นอิสระอย่างแท้จริง.

              

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นายกฯ ปลุกทุกภาคส่วน ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรีทุกรูปแบบ

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวผ่านวีดิทัศน์ว่า เนื่องในเดือนพฤศจิกายนของทุกปีเป็นเดือนแห่งการรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี ประจำปี 2567

ความจริง 'ชั้น 14' ชี้ชะตา 'รัฐบาลอิ๊งค์'

นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม ประธานสถาบันสุจริตไทย และอดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า อายุรัฐบาลขึ้นกับความจริงบนชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ (รพ.ตร.)