เมินโพลเขี่ยตกอันดับ บิ๊กตู่โวทำงานเพื่อ70ล.คน พปชร.โรดโชว์ชลบุรี10กค.

“บิ๊กตู่” เมินนิด้าโพลเขี่ยตกอันดับคะแนนนิยมนั่งนายกฯ โวทำงานเพื่อส่วนรวม 70 ล้านคนไม่เลือกปฏิบัติ ประธานชวนยันญัตติซักฟอกไม่เถื่อนส่งถึง ครม.แล้ว คาดสัปดาห์นี้ถกวันอภิปราย แนวโน้มเริ่ม 18 ก.ค.แต่กี่วันให้วิปหารือกัน “กกต.” โผล่เปิดตัวเลข ส.ส.ทั่วไทย  กทม.ยอดเพิ่มมากสุด 3 คน พลังประชารัฐยันจัดโรดโชว์  10 เวที ประเดิมชลบุรี 10 ก.ค.นี้ ลุงป้อมนำขึ้นเวที ไร้เงาน้องตู่เพราะเป็นเรื่องของพรรค

เมื่อวันจันทร์ที่ 27 มิถุนายน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม  ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนิด้าโพลสำรวจคะแนนนิยมทางการเมืองของประชาชนในการสนับสนุนให้เป็นนายกฯ ซึ่งปรากฏว่า พล.อ.ประยุทธ์หล่นมาอยู่อันดับ 4 โดย พล.อ.ประยุทธ์หัวเราะหึๆ ก่อนกล่าวว่า “โพลก็คือโพล ก็แล้วแต่ว่าใครจะทำ ก็เห็นทำมา 3-4 อัน ก็ไม่ตรงกันซักอัน ก็ใช้วิธีการโทรศัพท์บ้างอะไรบ้าง แต่ก็ฟังไว้และดูไว้ก็แล้วกัน  และผมก็ต้องทำงานโดยการประเมินจากการทำงานและผลสัมฤทธิ์ที่เกิดขึ้นเป็นหลัก ส่วนที่ประชาชนจะพอใจอย่างไรก็แล้วแต่ เพราะผมก็ทำเพื่อส่วนรวมอยู่แล้ว ทำเพื่อคนจำนวนมากอยู่แล้วในทุกมิติ ไม่ได้เลือกปฏิบัติ”

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า งานก็ย่อมมีความยากง่ายในการแก้ปัญหาที่แตกต่างกัน เพราะเราจำเป็นต้องดูแลคน 70 ล้านคนให้ได้รับการดูแลอย่างทั่วถึง และนั่นคือความตั้งใจและเจตนารมณ์ของเรา อะไรที่มีปัญหาอุปสรรคก็แน่นอนว่าต้องมีในการบริหาร ไม่ว่าจะกับคนจำนวนมาก หรือต้องใช้หน่วยงานหลายหน่วยงาน ก็เป็นเรื่องที่เราต้องสังคายนาหรือบูรณาการให้ได้ 100% จริงๆ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการเอาใจใส่ของเจ้าหน้าที่ของรัฐและขึ้นอยู่กับความร่วมมือของประชาชน ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญในการตัดสินใจว่าจะให้ทำหรือไม่ให้ทำ ในทุกเรื่องต้องฟังความคิดเห็นจากประชาชนทั้งสิ้น ไม่ใช่พูดปากเปล่าแล้วทำได้เลย มันทำไม่ได้ถ้าประชาชนไม่เห็นชอบ

เมื่อถามว่า จำเป็นต้องให้คณะทำงานประเมินผลโพลดังกล่าวหรือไม่ ว่าเหตุผลใดที่ประชาชนยังไม่สนับสนุนให้เป็นนายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า “ก็ส่วนใหญ่ก็มาจากในสื่อ ซึ่งก็ต้องไปเปิดดูก่อนแล้วกัน ตั้งแต่หน้า 1 ถึงหน้า  4 บางฉบับถึงหน้า 5 หน้า 6 ไม่มีอะไรดีสักอัน ก็มองให้เป็นธรรมหน่อยแล้วกัน ขอบคุณ”

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงนิด้าโพลที่ น.ส.แพทองธารมีผลสำรวจสนับสนุนให้เป็นนายกฯ มากที่สุดว่า ผลสำรวจที่ออกมาเป็นเสียงสะท้อนของประชาชน ที่หลายคนรู้สึกลำบากและไม่พอใจภาวะเศรษฐกิจต่างๆ ที่เกิดจากสถานการณ์โควิด  และสถานการณ์สู้รบระหว่างรัสเซียกับยูเครน ทำให้น้ำมันและสินค้าราคาแพง เป็นธรรมดาที่ประชาชนจะไม่ค่อยชอบรัฐบาลเท่าไหร่ ทำให้รัฐบาลจะต้องเร่งปรับปรุงการทำงาน เร่งแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้เร็วขึ้น เพื่อให้ประชาชนอยู่ดีกินดีขึ้น และเป็นเรื่องที่ต้องรับฟังเสียงสะท้อนของประชาชน

 "แต่ส่วนตัวมั่นใจว่านโยบายต่างๆ ที่รัฐบาลดำเนินการมาประสบความสำเร็จ ดูจากตัวเลขทางเศรษฐกิจในภาพรวม ผู้ประกอบการหลายรายสามารถประกอบธุรกิจได้ดีไม่มีปัญหา เพียงแต่ที่ผ่านมามีกระแสโซเชียลมีเดีย  กระแสฝ่ายตรงข้ามที่พยายามดิสเครดิต พยายามโจมตีนายกฯ จนเกิดกระแสลบต่อนายกฯ แต่ส่วนตัวเชื่อมั่นว่าสิ่งที่รัฐบาลทำมามาถูกทางแล้ว อยากขอให้ทุกคนให้ความเป็นธรรมกับนายกฯ ด้วย ย้ำว่านายกฯ ตั้งใจทำงานเพื่อพี่น้องประชาชน" นายชัยวุฒิกล่าว

ขณะที่ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม.และโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีนายวันชัย สอนศิริ ส.ว.โพสต์วิพากษ์วิจารณ์แนวทางแลนด์สไลด์ และ  น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ว่าตำแหน่งนายกฯ ไม่ใช่ของเล่น ไม่ต้องรีบชิงสุกก่อนห่าม  ว่าขอขอบคุณคำวิพากษ์วิจารณ์ของนายวันชัย ซึ่ง น.ส.แพทองธารเป็นคนรุ่นใหม่ที่เปิดรับทุกความคิดเห็นที่มีประโยชน์และสร้างสรรค์ แต่นายวันชัยไม่ควรวิจารณ์เพียงเพราะต้องการดิสเครดิตหรือเกาะกระแสความนิยมของพรรค นายวันชัยควรใช้ความเป็นอาวุโสกว่าพูดในสิ่งที่เป็นประโยชน์ และควรหยุดการกระทำที่มีส่วนทำให้บ้านเมืองมาถึงจุดนี้

“นายวันชัยเป็นหนึ่งคนที่ทำผิดพลาดครั้งใหญ่มาแล้วในปี 2560 ที่พูดอย่างภาคภูมิใจว่าเป็นคนเขียนรัฐธรรมนูญปี 2560 ให้ ส.ว. 250 คนมีสิทธิ์ร่วมโหวตนายกฯ ทั้งที่ ส.ว.เหล่านั้นไม่ได้รับอนุญาตจากประชาชนให้เข้ามา ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นมรดกบาปที่นายวันชัยและพวกโรยกลีบกุหลาบไว้ให้ พล.อ.ประยุทธ์และองคาพยพได้มาซึ่งอำนาจจนถึงปัจจุบัน” น.ส.ธีรรัตน์กล่าวและว่า น.ส.แพทองธารยังไม่เคยเอ่ยปากเรื่องการเข้ามาเป็นแคนดิเดตนายกฯ สักครั้ง นายวันชัยไม่ควรตีโพยตีพายไปมากกว่าความเป็นจริง ไม่ใช่ชงเองตบเองเหมือนที่นายวันชัยและพรรคพวกเคยทำ

28 มิ.ย.ครม.ซักฟอก

สำหรับความคืบหน้าในการอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น  นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ได้ทำจดหมายแจ้งไปยังคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตั้งแต่วันที่  24 มิ.ย. ซึ่งยังไม่มีการตอบกลับ โดยต้องมีการพูดคุยกันระหว่างฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน ทั้งนี้ต้องหารือกับวิปทั้ง  3 ฝ่ายเพื่อกำหนดวันอภิปราย แต่เบื้องต้นที่คุยกันคาดว่าจะเป็นวันที่ 18 ก.ค.เป็นต้นไป ซึ่งยังถกเถียงกันอยู่ว่าใช้เวลากี่วัน โดยสัปดาห์นี้คาดว่าจะมีการคุยกับวิปทั้ง 3 ฝ่าย  เนื่องจากในช่วงกลางเดือน ก.ค.จะเป็นช่วงวันหยุดต่อเนื่อง

“คำร้องของนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ที่ให้ตรวจสอบว่าญัตติดังกล่าวนั้นเป็นญัตติเถื่อนหรือไม่ ผู้เสนอญัตติแจ้งยืนยันมาว่ามีการลงนามกันโดยถูกต้อง  ส่วนจะไปร้องที่อื่นก็ได้ แต่การตัดสินใจก็อยู่ที่สภา เมื่อตรวจสอบรายชื่อและลายเซ็นแล้ว ซึ่งไม่มีปัญหาและได้มีการแจ้งไปยัง ครม.แล้ว” นายชวนกล่าว

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลได้รับหนังสือจากสภาแล้ว และได้บรรจุวาระเข้าหารือ ครม.ในวันที่ 28 มิ.ย.นี้ว่าจะพร้อมตั้งแต่วันที่เท่าไหร่เป็นต้นไป  ส่วนจะกี่วันนั้นให้วิป 2 ฝ่ายตกลงกันเอง

นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ  กล่าวถึงจำนวนวันอภิปรายว่า ที่ผ่านมา 4 วันเยอะสุดแล้ว  และไปลงมติในวันที่ 5 แต่ก็ยังใช้เวลาไม่หมด ขณะที่  พล.อ.ประยุทธ์ยังไม่ได้สั่งการอะไร ตอนนี้ต้องรอที่ประชุม  ครม.กำหนดไทม์ไลน์

ขณะที่นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวถึงกรณีนายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม  ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ระบุการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลครั้งนี้มีผู้ถูกอภิปรายถึง 11 คน คงต้องได้วันอภิปรายไม่น้อยกว่า 4 วันว่า สุดท้ายแล้วฝ่ายค้านก็เผยวัตถุประสงค์ที่แท้จริงออกมาให้เห็นว่า การใส่ชื่อนายกฯ และรัฐมนตรีมากถึง 11 คนในญัตตินั้น ไม่ใช่เพราะว่ามีข้อมูลหรือหลักฐานทุจริตที่ชัดเจนใดๆ เลย แต่เป็นเพราะต้องการใช้เวลาอภิปรายให้ได้มากวันที่สุด เนื่องจากต้องการใช้เวทีนี้เพื่อหาเสียงให้ตัวเองก่อนถึงการเลือกตั้งสมัยหน้าใช่หรือไม่

“อยากให้ฝ่ายค้านใช้เวลาให้เกิดประโยชน์มากที่สุด  เน้นที่เนื้อหามากกว่าจำนวนวันอภิปราย รวมทั้งควรเสนอแนะหรือชี้ให้เห็นข้อบกพร่องอย่างชัดเจนด้วยข้อมูลและข้อเท็จจริง ไม่ใช่ใช้แต่วาทกรรมเสียดสีเพื่อหวังจะหาเสียงเท่านั้น ส่วนที่บอกเตรียมหมัดเด็ดในการตรวจสอบนายกฯ  และรัฐมนตรี หากมีจริงก็นำมาเปิดเผยต่อที่ประชุมสภาได้  รัฐบาลพร้อมชี้แจงทุกประเด็นอยู่แล้ว และเมื่อรัฐบาลชี้แจงแล้วก็ควรเปิดใจรับฟังด้วย ไม่ใช่หลับหูหลับตาอภิปรายต่อไปว่ามีการทุจริต เพราะแบบนั้นสุดท้ายฝ่ายค้านเองที่จะถูกหมัดเด็ดรัฐบาลน็อกกลางสภา และถูกประชาชนลงโทษที่อภิปรายแบบไร้คุณภาพในการเลือกตั้งสมัยหน้า” นายธนกรกล่าว

กกต.เปิดตัวเลข ส.ส.

วันเดียวกัน สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้เผยแพร่จำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ในการเลือกตั้งปี 2566 โดยคำนวณจากจำนวนราษฎร ณ วันที่ 31 ธ.ค.64 โดยจะมีจำนวน ส.ส.เขตทั่วประเทศ  400 คน ประกอบด้วยจังหวัดที่มี ส.ส. 1 คน 4 จังหวัด,  จังหวัดที่มี ส.ส. 2 คน 10 จังหวัด, จังหวัดที่มี ส.ส. 3  คน 19 จังหวัด, จังหวัดที่มี ส.ส. 4 คน 12 จังหวัด,  จังหวัดที่มี ส.ส. 5 คน 7 จังหวัด, จังหวัดที่มี ส.ส. 6 คน  5 จังหวัด, จังหวัดที่มี ส.ส. 7 คน 4 จังหวัด, จังหวัดที่มี  ส.ส. 8 คน 5 จังหวัด, จังหวัดที่มี ส.ส. 9 คน 4 จังหวัด,  จังหวัดที่มี ส.ส. 10 คน 2 จังหวัด, จังหวัดที่มี ส.ส. 11  คน 2 จังหวัด, จังหวัดที่มี ส.ส. 16 คน 1 จังหวัด และจังหวัดที่มี ส.ส. 33 คน 1 จังหวัด

 ทั้งนี้ จำนวน ส.ส.ดังกล่าวส่งผลให้ภาคกลางมี ส.ส. รวม 122 คน จากเดิม 106 คน, ภาคเหนือ 39 คน  จากเดิม 33 คน, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมี ส.ส. 132  คน จาก 116 คน, ภาคตะวันออกมี ส.ส. 29 คน จากเดิม 26 คน, ภาคตะวันตกมี ส.ส. 20 คน จากเดิม 19  คน และภาคใต้มี ส.ส. 58 คน จากเดิม 50 คน โดยจังหวัดที่มีการเพิ่มขึ้นของ ส.ส. 3 คน 1 จังหวัด คือ  กทม., ส.ส.เพิ่มขึ้น 2 คน 5 จังหวัด คือ นครราชสีมา,  ชลบุรี, เชียงใหม่, บุรีรัมย์ และนนทบุรี, จังหวัดที่ ส.ส.เพิ่ม 1 คน 37 จังหวัด ประกอบด้วย กระบี่, กาฬสินธุ์,  ขอนแก่น, ชัยภูมิ, เชียงราย, ตรัง, ตาก, นครนายก,  นครปฐม, นครศรีธรรมราช, นราธิวาส, ปทุมธานี, พระนครศรีอยุธยา, พังงา, เพชรบูรณ์, แพร่, ภูเก็ต,  มหาสารคาม, แม่ฮ่องสอน, ร้อยเอ็ด, ระยอง, เลย,  ศรีสะเกษ, สกลนคร, สงขลา, สมุทรปราการ,  สมุทรสาคร, สระบุรี, สุโขทัย, สุพรรณบุรี, สุราษฎร์ธานี,  สุรินทร์, อ่างทอง, อุดรธานี, อุตรดิตถ์, บึงกาฬ และอุบลราชธานี

นายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ และผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า เป็นการจัดทำเป็นการทั่วไปของ กกต. หลังมีความชัดเจนต่อจำนวน ส.ส.ตามรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 1) พ.ศ.2564  ซึ่งหากมีการเลือกตั้งขึ้นเมื่อใดอาจต้องปรับเรื่องจำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งอีกเล็กน้อย ส่วนการแบ่งเขตเลือกตั้งขณะนี้ยังทำไม่ได้ เนื่องจากต้องรอการพิจารณาของร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. (ฉบับที่...) พ.ศ. ... ที่กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาแล้วเสร็จ โดยจะเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมรัฐสภาในวาระสองและวาระสามวันที่ 5 ก.ค.นี้

ขณะเดียวกัน ยังมีความเคลื่อนไหวในเรื่องการจัดโรดโชว์ของพรรค พปชร.ทั่วประเทศ โดยนายอนุชากล่าวว่า  ยังไม่ทราบเพราะไม่ได้เข้าร่วมประชุมด้วย คงต้องรอคำสั่งจากหัวหน้าพรรคที่อาจมีอะไรออกมา

บิ๊กตู่อดร่วมงานโรดโชว์

ส่วนนายสุชาติ ชมกลิ่น ในฐานะผู้อำนวยการพรรค พปชร.กล่าวถึงการจัดเวทีพบประชาชนของ พปชร. โดยใช้ชื่อว่า  “พลังประชารัฐ พลังเพื่อชาติไทย” ที่จะจัดขึ้นเวทีแรกที่ศาลากลางจังหวัดชลบุรี ในวันที่ 10 ก.ค.นี้ว่า จะใช้ช่วงวันหยุดจัดเวทีให้รัฐมนตรีและ ส.ส.เดินทางไปพบประชาชน 10 เวที 10 ภูมิภาค ซึ่งแต่ละเวทีจะนำโดย  พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรค ส่วน พล.อ.ประยุทธ์จะไม่มาร่วมด้วย เพราะเป็นการทำกิจกรรมในนามพรรค พปชร.เท่านั้น

 “เวทีแรกจัดที่ชลบุรีเพราะเป็นจังหวัดใหญ่ อีกทั้งการเลือกตั้งปี 2562 พปชร.ได้ ส.ส. 5 คนจาก 8 คน และครั้งหน้ามีการแบ่งเขตใหม่ทำให้มี ส.ส.เพิ่มขึ้นเป็น 10  คน ขณะเดียวกันผู้นำท้องถิ่นใน จ.ชลบุรี ส่วนใหญ่เป็นผู้สนับสนุนพรรค และชาวบ้านก็ชื่นชอบผลงานของพรรค รวมถึงเป็นแฟนคลับ พล.อ.ประยุทธ์จำนวนมาก และยังไม่นับรวมกับจังหวัดใกล้เคียง อาทิ ฉะเชิงเทรา, ระยอง,  จันทบุรี, สมุทรปราการ เท่าที่ทราบเบื้องต้นคาดว่าจะมีคนมาร่วมงานไม่ต่ำกว่า 10,000 คน” นายสุชาติระบุ

ด้านนายสุรสิทธิ์ นิธิวุฒิวรรักษ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายทะเบียน พปชร. กล่าวว่า พล.อ.ประวิตรมีแนวคิดเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผลงานรัฐมนตรีของพรรคที่กำกับดูแลผลงาน ส.ส. โดยจัด 10 ภาคตามการแบ่งภาค ส.ส.พรรค   ซึ่งนายสุชาติแสดงเจตจำนงที่จะเป็นเจ้าภาพจัดเวทีแรกที่ชลบุรี วันที่ 10 ก.ค.นี้ เวลา 17.00 น. หน้าศาลากลางจังหวัดชลบุรี

 “ที่ผ่านมาการประชาสัมพันธ์ผลงานของพรรคให้ประชาชนรับทราบไม่เพียงพอ และการทำพีอาร์พรรคยังทำไม่มาก จึงเร่งดำเนินการทุกทางเพื่อประชาสัมพันธ์ รวมถึงการสร้างระบบไอที เชื่อว่าอีก 9 เดือนนับจากนี้ ทุกพรรคการเมืองจะตั้งหน้ากับภารกิจของพรรคและกระทรวงที่ดูแลอย่างเต็มที่” นายสุรสิทธิ์ระบุ. 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง