"ก้าวไกล" หายใจคล่องขึ้น! หลัง กกต.สั่งยุติ 10 ปมที่ “ณฐพร” ใช้ร้องยุบพรรค ชี้ไม่เข้าข่ายปฏิปักษ์ต่อการปกครอง ขณะที่ "ปิยบุตร" ปฏิเสธข้อกล่าวหาคดี 112 ยันแสดงความเห็นทางวิชาการ โอดสังคมต้องมีพื้นที่ปลอดภัยในการพูดคุย ด้านตำรวจวางเงื่อนไขรายงานตัวทุก 7 วัน ขณะที่เด็กในพรรคไม่มีแผ่วเปิดโต๊ะล่าชื่อยกเลิก ม.112 หน้า สน.ดุสิต
เมื่อวันจันทร์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติเห็นชอบตามที่นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต.ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง มีความเห็นให้ยุติเรื่องกรณีนายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ยื่นคำร้องขอให้ กกต.พิจารณาสั่งยุบพรรคก้าวไกล เนื่องจากสมาชิกและกรรมการบริหารพรรคกระทำการใน 10 ประเด็น หลังคณะกรรมการไต่สวนของสำนักงานดำเนินการตรวจสอบแล้วเห็นว่า การกระทำยังไม่เข้าข่ายเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามมาตรา 92 (2) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560โดยทั้ง 10 ประเด็น อาทิ กรณีเดือน ส.ค.63 นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล กรรมการบริหารพรรค และนายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ใช้ตำแหน่งหน้าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ประกันตัวนายภาณุพงศ์ จาดนอก และนายกรกช แสงเย็นพันธ์ ผู้ต้องหาในคดีอาญาการชุมนุมเรียกร้องทางการเมือง คดีหมายเลขดำที่ ฝ.972/2563 และคดีหมายเลขดำที่ ฝ.1031/2563
กรณีกล่าวหาช่วงเดือน ก.ย.63 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์, นายรังสิมันต์ โรม, นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร กรรมการบริหารพรรคและ ส.ส.ของพรรครวม 17 คนที่เข้าร่วมชุมนุมบริเวณมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ และที่ท้องสนามหลวงนั้น เห็นว่าเป็นการใช้สิทธิ์ที่ได้รับการคุ้มครองตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญ จึงยังฟังไม่ได้ว่าเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 45 ประกอบมาตรา 92 (3) พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560, กรณีกล่าวหาว่า เมื่อช่วง ม.ค.64 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค ให้สัมภาษณ์ว่า พรรคก้าวไกลมีมติให้มีการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา112 ทั้งนี้ สำนักงาน กกต.ได้มีหนังสือแจ้งผลการพิจารณาไปยังนายณฐพรแล้ว
ที่ สน.ดุสิต นายปิยบุตร แสงกนกกุล พร้อมนายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความ ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.พิชัย มีอัฐมั่น รอง ผกก.(สอบสวน) สน.ดุสิต ตามหมายเรียกเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา ในความผิดตามมาตรา 112 ในความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ ตามที่นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์ได้เข้าแจ้งความไว้เมื่อวันที่ 17 พ.ย.
ต่อมาเวลา 13.00 น. นายปิยบุตรกล่าวว่า ตนยืนยันว่าข้อความที่นายเทพมนตรีกล่าวโทษไว้ทั้ง 8 ข้อความ อ่านหมดแล้วไม่มีข้อความไหนเข้าองค์ความผิด แต่ตำรวจมีความเห็นตั้งข้อกล่าวหาและสั่งฟ้องเพียง 1 ข้อความ ซึ่งตนเองคิดว่าวิญญูชนคนมีเหตุมีผล มีอัตวินิจฉัย สติสัมปชัญญะ อ่านข้อความอีกครั้ง พินิจพิเคราะห์ได้ว่าไม่เข้าข่ายองค์ความผิด ตรงไหนก็ไม่เข้า สักคำหนึ่งก็ไม่เข้า ก็เดี๋ยวต่อสู้คดีกันไป
“ในคดีที่ผมโดนไม่ใช่ตัวผมคนเดียว แต่เป็นภาพให ญ่ก็การใช้สิทธิเสรีภาพ ทุกท่านยอมรับกันแล้วว่า ยุคสมัยปัจจุบันมีความคิดและการแสดงออกของเยาวชนรุ่นใหม่ เกี่ยวกับการปฏิรูปสถาบันจำนวนมาก มีความเห็นว่าเพื่อให้อยู่อย่างปกติสุข ควรมีการพูดคุยในพื้นที่ที่ปลอดภัย ยืนยันว่าเรื่องเหล่านี้พูดคุยกันได้ในรูปแบบวิชาการ เอาใจเขามาใส่ใจเรา แต่การแสดงออกของผมกลับถูกดำเนินคดี หากในท้ายที่สุดสังคมเห็นว่าการแสดงความเห็นทางวิชาการนี้ยังโดนคดี ก็จะไม่เห็นพื้นที่พูดคุยในที่สาธารณะได้เลย สำหรับคนกล่าวโทษก็ไม่เป็นไร ผมไม่รู้จักกันเป็นการส่วนตัวมาก่อน” นายปิยบุตรกล่าว
ด้านนายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน กล่าวว่า ได้รับทราบข้อกล่าวหาและให้การปฏิเสธว่าไม่ได้กระทำความผิด และขอเวลาให้ถ้อยคำโต้แย้งต่อสู้คดีภายใน 30 วันนับจากวันนี้ โดยไม่มีการควบคุมตัวแต่อย่างใด เนื่องจากผู้ต้องหามาพบด้วยเอง ตลอดจนไม่มีการออกหมายจับหรือหมายขังไว้
“วันนี้เรามาพบ พงส.ตามนัด ในชั้น พงส.ก็ไม่ได้ควบคุมตัว เนื่องจากไม่มีอำนาจควบคุมตัว แต่รอง ผบช.น.ให้ความเห็นว่าน่าจะจัดเงื่อนไขไว้ให้ผู้ต้องหามารายงานตัวทุก 7 วัน ซึ่งเกิดเป็นภาระขึ้นและเป็นเรื่องผิดปกติอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เนื่องจากไม่ได้เป็นจำเลยหรือมีหมายศาล แต่เพื่อไม่ให้ พงส.ลำบากใจ และมาร่วมมือกัน ก็จะมา ไม่ได้ทำให้เราเพิ่มความหนักใจ เพราะเรามีตั้งแต่แรกแล้ว เพราะเท่าที่เราคุยกับ พงส. ถาม พงส.มีแรงกดดันใดๆ หรือไม่ หรือมีใบสั่งหรือเปล่า ซึ่งรองผู้การ น.1 บอกว่าไม่ต้องกังวลใจ ท่านจะให้ความเป็นธรรม โดยให้นำพยานหลักฐานมาต่อสู้คดีได้เต็มที่ คือให้ทำสำนวนพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจทุก 6 เดือน” นายกฤษฎางค์ระบุ
สำหรับบรรยากาศหน้า สน.ดุสิต นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.พรรคก้าวไกล และกลุ่มผู้สนับสนุน ได้ตั้งโต๊ะล่ารายชื่อเพื่อร่วมรณรงค์ยกเลิก ม.112 และปลดล็อกท้องถิ่น
วันเดียวกัน ขณะที่แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย มีความกังวลต่อความล่าช้าในกระบวนการยุติธรรมของคดีนายวาฤทธิ์ สมน้อย เยาวชนอายุ 15 ปี ที่ถูกยิงเสียชีวิตระหว่างการร่วมชุมนุม และขอกระตุ้นให้เจ้าหน้าที่เร่งสืบสวนและดำเนินการทางคดีอย่างไม่ล้าช้า เป็นอิสระ และสามารถเข้าถึงได้ เพื่อให้ครอบครัวของผู้เสียหายได้รับความยุติธรรม การปฏิบัติเหล่านี้ยังสอดคล้องกับพันธกรณีระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชน รวมทั้งให้นำตัวผู้กระทำอันตรายทางร่างกายที่เกิดขึ้นกับผู้ชุมนุม หรือผู้รับผิดชอบต่อเหตุการณ์ดังกล่าวเข้ารับการไต่สวนและลงโทษตามกระบวนการยุติธรรม
ที่หน้าศาลอาญากรุงเทพใต้ “กลุ่มประชาชน” ผู้ยืนยันในหลักการที่ว่า สิทธิการประกันตัวคือสิทธิขั้นพื้นฐานที่ถูกรับรองไว้ในรัฐธรรมนูญและกฎหมายลูก นำโดยนายไพศาล จันปาน ได้จัดกิจกรรม “เดินและยืนหยุดขัง” โดยมีกลุ่มพลเมืองโต้กลับ และเครือข่ายนักวิชาการเพื่อสิทธิพลเมือง (คนส.) เข้าร่วมด้วย เพื่อทวงสิทธิในการประกันตัวให้ผู้ต้องหาทางการเมืองในคดีอาญา มาตรา 112 โดยเฉพาะ น.ส.ณัฐนิช ดวงมุสิทธิ์ หรือใบปอ อายุ 19 ปี และ น.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม หรือหนอนบุ้ง อายุ 26 ปี นักกิจกรรมกลุ่มทะลุวัง ซึ่งถูกเพิกถอนการประกันตัวคดี ม.112 ในชั้นสอบสวน จากกรณีการทำโพลและถูกคุมขังตั้งแต่วันที่ 3 พฤษภาคมเป็นต้นมา ที่ทัณฑสถานหญิงกลางเป็นเวลา 48 วันแล้ว โดยทั้งคู่ประกาศอดอาหารเข้าสู่วันที่ 18 และล่าสุด น.ส.ณัฐนิชและ น.ส.เนติพรเปิดเผยว่า ถูกวาจาเสียดสีและคุกคามจากแพทย์ที่ตรวจอาการในเรือนจำ ทำให้ทั้งคู่ปฏิเสธการรักษา ด้านทนายความยื่นประกันตัวครั้งที่ 4 เมื่อวันที่ 16 มิถุนายนที่ผ่านมา ศาลอาญากรุงเทพใต้ยังไม่อนุญาตประกันตัว
จากนั้นเวลา 15.10 น. ผู้ร่วมกิจกรรมถือธงข้อความ อาทิ “ปล่อยนักโทษการเมือง” “ยกเลิก 112” ได้ชู 3 นิ้วขึ้นสุดแขนและเปล่งเสียง “ปล่อยเพื่อนเรา ปล่อยผู้บริสุทธิ์ คืนสิทธิการประกันตัว ยกเลิก 112” ก่อนเริ่มขบวน “เดิน หยุด ขัง” จากศาลอาญากรุงเทพใต้ ไปลานอากง หน้าศาลฎีกา (ตรงข้ามสนามหลวง) โดยมีผู้ร่วมกิจกรรมกว่า 50 คน เดินเท้าแถวตอนเรียง 1 ออกจากศาลอาญากรุงเทพใต้ ซอยเจริญกรุง 63 มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรขับตามขบวนตลอดการทำกิจกรรม โดยเมื่อผ่านโรงเรียนวัดยานนาวา มีนักเรียนให้ความสนใจร่วมชู 3 นิ้วจากรั้วโรงเรียนเพื่อส่งกำลังใจด้วย.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เร่งเบิกงบลงทุน ขีดเส้นให้ได้80% กระตุ้นเศรษฐกิจ
นายกฯ อิ๊งค์นั่งหัวโต๊ะประชุมหัวหน้าส่วนราชการ บี้เร่งรัดเบิกจ่ายงบลงทุน 9.6 แสนล้าน
‘เวชระเบียน’หลอนทักษิณ โยนรพ.ตำรวจมอบให้ปปช.
นายกฯ พยักหน้ารับปม "ป.ป.ช." ทวงถามเวชระเบียนรักษาตัว
เพิ่มข้อหาแชร์ลูกโซ่18บอส จ่อหมายจับ‘ตั้ม’โกงเจ๊อ้อย
"ดีเอสไอ" แจ้งข้อหาเพิ่ม 18 บอสดิไอคอน คดีแชร์ลูกโซ่-ขายตรง
หึ่ง!เปลี่ยน‘พงษ์ภาณุ’แทน‘โต้ง’
“คปท.-ศปปส.-กองทัพธรรม” ลุกฮือ ยื่นหนังสือค้านคัดเลือกประธานบอร์ดแบงก์ชาติ
กอดMOUเจรจาเขมร ‘อิ๊งค์’หวั่นโดนฟ้องยันเดินหน้าแบ่งเค้ก/กต.แจงมีข้อดีกว่าเสีย
นายกฯ อิ๊งค์ลั่นเป็นคนไทย 100% ประเทศต้องมาก่อน ยืนยันจะรักษาแผ่นดินไทยไว้อย่างเต็มที่
คลั่งชาติปลุกต้านขายชาติ!
นายกฯ เรียกพรรคร่วมถกปมเกาะกูด "นพดล" โต้เดือดไม่ได้ขายชาติ