จำคุก325ปี!ตร.รีดส่วยอ่าง

ศาลปราบโกงลงดาบคุก 325 ปี ตำรวจรับส่วยอ่างทุกกระทง แต่จำคุกได้สูงสุด 50 ปี ป.ป.ท.เห็นพ้องอัยการไม่อุทธรณ์ รัฐสภาถก พ.ร.บ.ตำรวจอืด ซ้ำเป็นศุกร์หรรษา ปิดประชุมในเวลา 16.03 น.

เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ได้เผยแพร่เอกสารข่าวถึงกรณีศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง พิพากษาลงโทษเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กระทำการเรียกรับเงินจากสถานบริการอาบอบนวด โดยคดีได้กล่าวหาดาบตำรวจ ส. ตำแหน่งผู้บังคับหมู่ กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่ากระทำการทุจริตในภาครัฐ โดยอาศัยโอกาสที่มีอำนาจหน้าที่สืบสวนและจับกุมผู้กระทำความผิดตามกฎหมาย กระทำการเรียกหรือรับทรัพย์สินโดยมิชอบด้วยกฎหมายจากสถานบริการนาตารีเอ็นเตอร์เทนเมนท์ อาบอบนวด เพื่อแลกเปลี่ยนกับการไม่ดำเนินการสืบสวนคดีอาญา และเข้าตรวจค้นจับกุมผู้กระทำความผิดทางอาญา จำนวน 65 ครั้ง รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 641,000 บาท

ทั้งนี้ ป.ป.ท.พิจารณาในคราวประชุมครั้งที่ 29/2563 เมื่อวันที่ 12 มี.ค.2563 มีมติชี้ว่าการกระทำของผู้ถูกกล่าวหาเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 และมาตรา 157 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 และมาตรา 123/2 ต่อมาพนักงานอัยการยื่นฟ้องผู้ถูกกล่าวหาเป็นจำเลยต่อศาลอาญาคดีทุจริตฯ เมื่อวันที่ 2 ก.พ.2565 ซึ่งศาลอาญาคดีทุจริตฯ ได้มีคำพิพากษาเป็นคดีหมายเลขดำที่ อท 18/2564 คดีหมายเลขแดงที่ อท 12/2565 โดยพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 (เดิม) พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 123/1 พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 173 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่น และฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต เป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษผู้อื่นซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ลงโทษจำคุกจำเลยกระทงละ 5 ปี รวม 65 กระทง จำคุก 325 ปี แต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว ให้จำคุก 50 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 (3)

พนักงานอัยการพิจารณาแล้วเห็นว่า ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยต่างกรรมตามคำฟ้องของโจทก์ไม่มีเหตุอุทธรณ์ เห็นควรไม่อุทธรณ์ ในขณะที่คณะกรรมการ ป.ป.ท. พิจารณาเมื่อวันที่ 10 พ.ค.2565 แล้ว มีมติเห็นชอบไม่อุทธรณ์คำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตฯ ตามความเห็นของพนักงานอัยการ

วันเดียวกัน มีการประชุมรัฐสภา เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.... ที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว ในวาระที่สอง วันที่สอง โดยมีนายพรเพชร วิชิตชลชัย รองประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธาน เริ่มที่มาตรา 12 การแบ่งส่วนราชการในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และมาตรา 13 ว่าด้วยเรื่องการแบ่งสถานีตำรวจออกเป็น 3 ระดับ ซึ่งที่ประชุมลงมติยืนตามที่ กมธ.แก้ไข

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมเป็นไปด้วยความล่าช้า จนทำให้นายวีระกร คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ลุกขึ้นขอให้ประธานควบคุมการอภิปราย เพราะหากอภิปรายแบบนี้ 15 สัปดาห์ก็ไม่จบ แม้แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็เถียงกัน ไม่อยากให้ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ประกาศใช้ไม่ทันในสมัยการประชุมนี้ เพราะประชาชนเขารอคอยอยู่ จะเห็นได้ว่าพรรค พปชร.ไม่มีใครลุกขึ้นอภิปรายเลย เพราะกลัวว่ากฎหมายจะออกไม่ทันใช้ ซึ่งเตือนด้วยความหวังดี

ทำให้นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานชี้แจงว่า เป็นสิทธิ์ของสมาชิกที่จะอภิปราย และกฎหมายนี้สำคัญมาก เพราะคือกระบวนการยุติธรรมเบื้องต้น สามารถทำให้ถูกเป็นผิดได้ ทำผิดเป็นถูกได้ จึงได้ให้โอกาส แต่ก็เห็นด้วยว่าถ้าเรารู้จักย่อความ สามารถสรุปประเด็นได้ ไม่ใช้เวลามากเกินไป เพราะเวลาเป็นของมีค่า ก็จะทำให้เราพิจารณาได้เร็วกว่าปกติ แต่จะไม่ตัดสิทธิ์ผู้ใด

ในช่วงบ่าย ที่ประชุมพิจารณามาตราที่ กมธ.เพิ่มขึ้นใหม่ ประกอบด้วย มาตรา 13/1 ถึงมาตรา 13/8 โดยมาตรา 13/1 ว่าด้วยคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) โดยให้นายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการ ทั้งนี้ นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายไม่เห็นด้วยที่ให้นายกฯ เป็นประธาน โดยโครงสร้างอิงไปทางข้าราชการประจำและฝ่ายที่มีอำนาจรัฐไม่อิงกับประชาชน ตำรวจชั้นผู้น้อยยังต้องวิ่งเข้าหาอำนาจ เกิดสารพัดตั๋ว ตั๋วช้าง ตั๋วม้า ตั๋วลิง และตั๋วกล้วย ถามว่าการกำหนดเช่นนี้เป็นการปฏิรูปโครงสร้างตำรวจอย่างไร และจะเป็นกลางทางการเมืองได้อย่างไร เบ็ดเสร็จเด็ดขาดอยู่ที่นายกฯ เวลานายกฯ หรือรัฐมนตรีทำผิดหรือทุจริตจะกล้าหรือไม่ นี่คือการปฏิรูปหรือถอยหลังสู่ยุคไดโนซอรัส

ท้ายที่สุดที่ประชุมลงมติเห็นด้วยกับที่กมธ.เสียงข้างมากแก้ไข ด้วยคะแนน 343 ต่อ 69 งดออกเสียง 9 เสียง

กระทั่งเวลา 16.00 น. พ.ต.ท.ฐนภัทร กิตติวงศา ส.ส.จันทุบรี พรรค พปชร. เสนอต่อนายพรเพชรให้ปิดการประชุม โดยอ้างว่าได้ดำเนินการประชุมมาพอสมควรแล้ว ซึ่งนายพรเพชรได้สอบถามความเห็นของสมาชิกว่ามีความเห็นเป็นอย่างอื่นหรือไม่ ซึ่งไม่มีใครเห็นแย้ง ดังนั้นจึงสั่งปิดการประชุมในเวลา 16.03 น.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง