ธรรมนัสอุ้มป้อมคนเดียว

3 ป.” ออกงานพร้อมหน้า สยบข่าวขัดแย้ง “บิ๊กตู่” ไม่กังวลถูกซักฟอก ภท.เย้ยยุทธการฝ่ายค้าน นั่งร้านเล็กไปต้องเสาเข็ม “เสรีพิสุทธ์” รับล้มประยุทธ์ยาก “ธรรมนัส” นั่งหัวหน้า ศท. ย้ายที่ทำการมาอาคารปานศรี รังเดิมพลังประชารัฐ ลั่นขออุ้ม “บิ๊กป้อม” คนเดียว ขู่ รมต.พปชร.น่าห่วงทุกคน

เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. ที่ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เดินทางมาเป็นประธานพิธีเปิดโครงการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี สร้างโอกาสด้านอาชีพ สร้างสรรค์บทบาทสตรี สู่ความเข้มแข็งในชุมชน โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หัวหน้าหน่วยงานราชการ หัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าคณะทำงานขับเคลื่อนกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี เข้าร่วมงาน

ทั้งนี้ งานดังกล่าวถือเป็นครั้งแรกที่ 3 ป.ออกงานร่วมกัน หลังมีกระแสข่าวความขัดแย้งของกลุ่มพี่น้อง 3 ป. โดยเฉพาะการปล่อยข่าว พล.อ.ประยุทธ์จะไปนั่งเก้าอี้หัวหน้าพรรค พปชร. โดยทั้ง 3 ป.ได้เดินเข้ามาภายในงานพร้อมกัน และทักทายผู้เข้าร่วมสัมมนาอย่างเป็นกันเอง  พล.อ.ประยุทธ์โบกมือทักทายผู้ร่วมงาน และทำมือสัญลักษณ์ไอเลิฟยู เอามือทุบไปที่หัวใจ ก่อนจะส่งไปให้กับทุกคน เรียกเสียงกรี๊ดและเสียงปรบมืออย่างกึกก้อง

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวเปิดงานตอนหนึ่งว่า ประเทศไทยมีประเทศเดียว ถ้าไม่รักและร่วมมือกันแล้วมันไปไม่ได้หมด รอยยิ้มถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุด เราต้องยิ้มให้กันมากๆ แล้วทุกอย่างจะผ่านไปเอง แต่บางทีเครียดบ้างอะไรบ้าง แต่วันนี้ไม่เครียดเลยตั้งแต่เดินเข้ามา ไม่เครียดเพราะเห็นรอยยิ้มของพวกเราแล้วหาย  เป็นรอยยิ้มสยาม ขอฝากไว้ว่าต้องยิ้มให้มากกว่านี้ ผมเองก็จะพยายามยิ้มให้มากขึ้น วันนี้อยากให้ทุกคนช่วยกันคิดช่วยกันทำ เพราะปัญหาของคนมากพอสมควร อยากให้ทุกคนไปดูว่าอะไรที่มีผลสำเร็จบ้าง หลายอย่างสำเร็จแล้วบางท่านอาจจะไม่รู้

นายกฯ ยังได้ตอบคำถามสื่อมวลชนที่ว่า มีความกังวลหรือไม่ที่มีชื่ออยู่ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านว่า "ไม่กังวลหรอกจ้ะ" เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวมีบิ๊กรัฐบาลไปพบนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีจริงหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ตอบคำถาม ก่อนเดินทางกลับทันที

ขณะที่ท่าทีของ พล.อ.ประวิตร ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่าได้ออกมาร่วมงานพร้อมกับ พล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.อนุพงษ์ กันครบ 3 ป.รู้สึกอย่างไร และยืนยันได้หรือยังว่า พล.อ.ประยุทธ์จะนั่งหัวหน้าพรรค พปชร.หรือไม่ แต่ พล.อ.ประวิตร นิ่งเฉยไม่ตอบคำถามดังกล่าว และเดินทางกลับทันที

ซักฟอกอุ้มแค่“บิ๊กป้อม”

นายณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ ส.ส.สงขลา และรองโฆษกพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงยุทธการเด็ดหัว นั่งร้าน ของฝ่ายค้านในเวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่ปรากฏชื่อรัฐมนตรี ภท.เข้าข่ายถูกอภิปรายถึง 10 คนว่า ภท.ไม่รู้สึกกังวลใจใดๆ ที่ปรากฏชื่อ 2 รัฐมนตรีของพรรคถูกอภิปรายด้วย เพราะถือว่าไม่เหนือความคาดหมาย เพราะทั้งนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข และนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เป็นรัฐมนตรีที่มีผลงานมากมาย ทั้งภารกิจการต่อสู้กับโรคระบาดโควิด-19 และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทำให้เกิดการพัฒนาในหลายพื้นที่และเกิดมูลค่าให้กับประเทศ

รองโฆษกพรรค ภท.กล่าวว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ถือเป็นครั้งสุดท้ายของสภาผู้แทนราษฎรก่อนเข้าสู่สนามเลือกตั้งใหญ่ ทำให้ฝ่ายค้านต้องงัดไม้เด็ดมาสกัดคะแนนความนิยมและทำลายความน่าเชื่อถือของพรรคการเมืองคู่แข่ง เพื่อหวังผลการเลือกตั้งในสมัยหน้า โดยเฉพาะ ภท.ที่ถือว่ามีผลงานชัดเจน พูดแล้วทำ และมั่นใจว่านายอนุทินและนายศักดิ์สยามจะสามารถชี้แจงข้อกล่าวหาของฝ่ายค้านได้ทุกประเด็น

 “ผมอยากให้ฝ่ายค้านเปลี่ยนคำว่านั่งร้านเป็นเสาเข็มมากกว่า เพราะคำว่านั่งร้านอาจจะดูเล็กเกินไป เพราะพรรคร่วมรัฐบาลถือเป็นส่วนสำคัญในการเดินหน้าผลักดันแนวนโยบายต่างๆ ในการบริหารประเทศ ดังนั้นไม่ต้องไปวิเคราะห์กันให้ยากว่าทำไมนายจุรินทร์และนายอนุทิน ถึงโดนอภิปราย ทั้งๆ ที่ข้อมูลไม่ถึงขั้นที่จะต้องซักฟอก เพราะผมเชื่อว่าเป้าประสงค์หลักของฝ่ายค้านน่าจะอยู่ที่การสร้างบาดแผลให้กับพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อทำลายความน่าเชื่อถือในการเลือกตั้งครั้งหน้ามากกว่าการตรวจสอบปกติ” นายณัฏฐ์ชนนระบุ

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย เปิดเผยว่า ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ตนจะเน้นไปที่พล.อ.ประยุทธ์เพียงคนเดียว แต่ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดว่าจะมีประเด็นใดบ้าง

 “ส่วนข้อมูลที่มีจะล้ม พล.อ.ประยุทธ์ ได้หรือไม่นั้น ยอมรับว่ายาก เพราะการอภิปรายงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 ที่ผ่านมาเห็นชัดเจนว่ารัฐบาลมีเสียงสนับสนุนจาก ส.ส.เพิ่มขึ้น เพราะแจกกล้วยแลกกับเสียงสนับสนุน แม้กระทั่งพรรคเศรษฐกิจไทยของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่าท้ายที่สุดแล้วจะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ต่อไปอีกหรือไม่ ผมไม่อยากพูดเรื่องนี้อีกเพราะ ร.อ.ธรรมนัสมักจะกลับคำพูดไปมา เห็นได้ชัดว่าหลายเรื่องที่ผมเคยอภิปราย พล.อ.ประยุทธ์มาแล้ว มีหลักฐานชัดเจน แต่ไม่สามารถทำอะไร พล.อ.ประยุทธ์ได้” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าว

หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทยกล่าวว่า หากรัฐบาลผ่านศึกซักฟอกครั้งนี้ไปได้ พล.อ.ประยุทธ์จะอยู่จนครบวาระหรือไม่ ต้องรอคำวินิจฉัยจากศาลรัฐธรรมนูญว่าดำรงตำแหน่งมาครบ 8 ปีแล้วหรือยัง ส่วนตัวมองว่า พล.อ.ประยุทธ์อยากทำสถิติการขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี 12 ปี เพื่อให้มากกว่านายกรัฐมนตรีคนอื่นๆ ที่ผ่านมา

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา และหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย (ศท.) กล่าวถึงจุดยืนของ ศท.ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า ยังเหมือนเดิม คือดูสาระสำคัญของผู้ถูกอภิปราย ว่าถูกยื่นอภิปรายในประเด็นใดบ้าง อันไหนที่ชัดเจนว่าฉ้อราษฎร์บังหลวง เราไม่ให้ผ่านแน่นอน และคุยกับ ส.ส. 18 คนของพรรคมาตลอดถึงประเด็นนี้ 

เมื่อถามว่า ฝ่ายค้านเตรียมยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีประมาณ 10 คน ในจำนวนนี้มี 3 ป.รวมอยู่ด้วย ร.อ.ธรรมนัสตอบว่า ที่เห็นรายชื่อผู้ถูกอภิปรายขณะนี้ มี พล.อ.ประวิตรรวมอยู่ด้วย ตนเห็นว่าในฐานะรองนายกฯ ไม่ได้ดูกระทรวงใดเลย ดังนั้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงใดควรจะรับผิดชอบ ส่วน พล.อ.ประวิตรดูแลแค่ภาพกว้าง ต่อข้อถามว่า ถึงอย่างไรจะโหวตไว้วางใจ พล.อ.ประวิตรใช่หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสระบุว่า ต้องดูก่อน และเชื่อมั่นตลอดเวลาที่รู้จัก พล.อ.ประวิตรมา ไม่ใช่คนแบบที่สื่อหลายสำนักเข้าใจ

เมื่อถามอีกว่า แล้วรัฐมนตรีของ พปชร.คนอื่นๆ จะลงมติอย่างไร หัวหน้าพรรค ศท.กล่าวว่า "บอกตามตรงว่าทุกคนน่าเป็นห่วงหมด ยกเว้น พล.อ.ประวิตร" ส่วน ศท.มีมารยาทไม่อภิปราย แต่จะดูว่าฝ่ายค้านอภิปรายอย่างไร

ซักว่า ช่วงนี้ได้คุยกับ พล.อ.ประวิตร และเป็นห่วงการอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่ หัวหน้าพรรค ศท.ยอมรับว่า "ได้คุยบ้าง ท่านบอกว่าปีสุดแล้วก็ปล่อยเสรี" ถามว่าระหว่างนายชัยวุฒิกับนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน น่าเป็นห่วงหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสยิ้มพร้อมปฏิเสธตอบคำถามดังกล่าว

เมื่อถามว่า หากมีการต่อรองหรือปรับครม.แล้วให้โควตา ศท.จะทำอย่างไร ร.อ.ธรรมนัสย้ำว่า "ไม่ต้องมาพูดกัน ประเด็นนี้ตัดทิ้งได้เลย ไม่รับ" เมื่อถามอีกว่ามีข่าวลือถูกทาบทามกลับไป พปชร. ร.อ.ธรรมนัสระบุว่า ข่าวลือคือข่าวลือ จะเป็นเรื่องจริงหรือไม่เป็นจริงก็เป็นข่าว แต่ยืนยันว่าไม่กลับไปไหน จะอยู่ ศท.

ส่วนกรณี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ปรามาสว่า ศท.กลับไปกลับมาเชื่อถือไม่ได้ ร.อ.ธรรมนัสตอบว่า จะไม่พูดถึงบุคคลภายนอกว่าพูดถึงเราอย่างไร แต่ให้ดูที่การกระทำและนโยบายของพรรค

“ธรรมนัส”นั่งหัวหน้าพรรค ศท.

นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม โพสต์เฟซบุ๊กตอนหนึ่งว่า “ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ผมเห็นฝ่ายค้านอภิปรายหลายครั้ง ก็ไม่เห็นว่าจะสามารถทำอะไร 3 ป. ได้เลย จนทำให้พ่อแม่พี่น้องประชาชน ชาวบ้านเขายกคำพังเพยสุภาษิตมาเปรียบเปรยว่าการกระทำของฝ่ายค้านทำงานแบบขายหน้าวันละห้าเบี้ย ซึ่งปีนี้เข้าปีที่ 4 แล้ว ก็ยังไม่เห็นว่าจะอภิปรายเข้าเนื้อหาหรือตรงประเด็นตามที่กล่าวหาว่า รัฐบาลทุจริตได้ ที่สำคัญอย่างยิ่งคือผมมั่นใจว่า 3 ป. ไม่มีเรื่องทุจริตแน่นอน”

วันเดียวกัน ที่โรงแรมรอยัล ริเวอร์ (เชิงสะพานกรุงธน) พรรค ศท.จัดประชุมใหญ่วิสามัญ ครั้งที่ 2/2565 นำโดย ร.อ.ธรรมนัส พร้อมกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) เพื่อเลือก กก.บห.ชุดใหม่ โดยที่ประชุมได้เลือก ร.อ.ธรรมนัสเป็นหัวหน้าพรรค, นายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร เลขาธิการพรรค, นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ เป็นนายทะเบียนพรรค, น.ส.ธนพร ศรีวิราช เหรัญญิกพรรค

ส่วนกรรมการบริหารพรรคคนอื่นๆ เกือบทั้งหมดเป็นคนเดิม มี กก.บห.ที่ได้รับเลือกเข้ามาใหม่ 4 คน คือ นายเกษม ศุภรานนท์ ส.ส.นครราชสีมา, นายธนัสถ์ ทวีเกื้อกูลกิจ ส.ส.ตาก, นายณัฏฐพล จรัสรพีพงษ์ ส.ส.สุรินทร์ และนายประมวล เอมเปีย อดีต ส.ส.ชลบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ส่วนนายอัครแสนคีรี โล่ห์วีระ ที่เคยเป็น กก.บห.ชุดเดิมนั้น ไม่มีใน กก.บห.ชุดใหม่แล้ว

ร.อ.ธรรมนัสกล่าวภายหลังได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคว่า ภารกิจแรกคือการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ลำปาง เขต 4 ซึ่งพรรคส่งนายวัฒนา สิทธิวัง ที่โดนใบเหลือง ลงเลือกตั้งอีกครั้งในฐานะแชมป์เก่า และครั้งนี้จับได้เบอร์ 3 จึงได้แสดงความเป็นห่วงเกี่ยวกับการแสดงสัญลักษณ์เบอร์ 3 เพราะต้องการทำให้เกิดความปรองดองในสังคมเป็นที่ตั้ง การหาเสียงครั้งนี้อาจจะแสดงสัญลักษณ์ผมรักคุณ หรือการชูนิ้วโป้ง นิ้วชี้ นิ้วกลาง ทั้งนี้ เชื่อมั่นว่าภายใต้การนำของตน ศท.จะสามารถชนะใจชาวลำปางเขต 4 ทั้ง 5 อำเภอได้

เมื่อถามถึงสาเหตุที่นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ หัวหน้าพรรคโอกาสไทย ตัดสินใจไม่มาร่วมงานกับ ศท. ร.อ.ธรรมนัสชี้แจงว่า ตนเป็นผู้คุยกับนายมิ่งขวัญเยอะที่สุด ท่านมีอุดมการณ์ของท่าน และท่านอยากทำการเมืองของท่านเอง เราเคารพในการตัดสินใจ ไม่ได้หมายความว่าเราแยกกันเดิน แต่การเมืองเป็นเพียงจุดเริ่มต้น ยังมีอีกมากที่เราจะต้องเดินด้วยกันต่อไป

เมื่อถามว่า ร.อ.ธรรมนัสจะนั่งแคนดิเดตนายกฯ เองหรือไม่ หัวหน้าพรรค ศท. ตอบว่า “ผมกราบเรียนเลยว่าผมมีคนในใจของผม แต่ผมจะต้องคุยกับกรรมการบริหารพรรคก่อน” เมื่อถามย้ำว่าจะไม่เป็นแคนดิเดตนายกฯ เองใช่หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสตอบกลับทันทีว่า “ผมไม่พูดเวลานี้ดีกว่า คำพูดคือนายคน พูดแล้วทำไม่ได้ เดี๋ยวเสียคน”

หัวหน้าพรรค ศท.ยังเปิดเผยว่า ศท.เตรียมย้ายที่ทำการพรรคจากอาคารยูทาวเวอร์ ถนนศรีนครินทร์ แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง ไปยังอาคารปานศรี ถนนรัชดาภิเษก แขวงลาดยาว เขตจตุจักร ซึ่งเป็นที่ทำการพรรคเดิมของ พปชร. เนื่องจากที่อาคารยูทาวเวอร์ ระยะทางไกลและรถติด ทั้งนี้ ที่อาคารปานศรีเป็นที่เก่าของเขา แต่เป็นที่ใหม่ของเรา ตอนนี้กำลังตกแต่งอยู่ กำลังขนเฟอร์นิเจอร์ใหม่เข้าไป และถือว่ามีฮวงจุ้ยที่ดี เพราะได้ ส.ส.ถึง 120 คน ไม่อยากย้ายไปอยู่แถวหน้าศาล เพราะเดี๋ยวต้องขึ้นศาลบ่อย และมีอุบัติเหตุบ่อย แต่ที่อาคารยูทาวเวอร์ยังอยู่ โดยจะใช้ในการประชุมใหญ่ๆ

นายไผ่กล่าวภายหลังได้รับเลือกเป็นเลขาธิการพรรคว่า ส่วนตัวไม่รู้สึกกดดัน เพราะเราสู้กันมาตลอด ยืนยันจุดเดิม ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลง ทำงานกันต่อไป

เมื่อช่วงบ่ายวันศุกร์ ที่ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี พล.อ.ประวิตรไม่ได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าว กรณีที่ประชุมพรรค ศท.มีมติเลือก ร.อ.ธรรมนัสเป็นหัวหน้าพรรค จะแสดงความยินด้วยยินด้วยหรือไม่ โดยหันมาถามสื่อมวลชนว่า "ใครนะ".

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ฟ้องต้นตอหมอคางดำ

สภาทนายความฯ เตรียมฟ้องแพ่งบิ๊กเอกชน-หน่วยงานรัฐ ต้นตอ "เอเลี่ยนสปีชีส์"

‘เนวิน’รวมใจชาวบุรีรัมย์ จัดมิวสิคัลเทิดพระเกียรติ

“เนวิน” รวมใจชาวบุรีรัมย์ จัดเทิดพระเกียรติ 72 พรรษา แสดง แสง สี เสียง มิวสิคัล “ลมหายใจของแผ่นดิน” โดยบุรีรัมย์ออร์เคสตรา แสดงความจงรักภักดี 28-30 ก.ค.2567 สนามช้างอารีนา บุรีรัมย์