เชื่อมั่นดิ่งมาม่าขยับราคา

น้ำมันแพงพุ่งไม่หยุด! ฉุดดัชนีภาวะค่าครองชีพเดือน พ.ค.ต่ำสุดรอบ 17 ปี คนกังวลรายได้ในอนาคตฉุดดัชนีร่วงสุดใน 24 ปี ส.อ.ท.ชี้ดัชนีเชื่อมั่นภาคอุตฯ ยังลดลงดิ่งสุดรอบ 7 เดือน สหพัฒน์สุดอั้น เจรจาพาณิชย์ไฟเขียวขึ้น "มาม่า" คิวถัดไป "ผงซักฟอก"

เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยถึงผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคประจำเดือน พ.ค.2565 ว่า อยู่ที่ 40.2 ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 ต่ำสุดในรอบ 9 เดือนนับแต่เดือน ก.ย.2564 ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวม อยู่ที่ 34.6, โอกาสการหางานทำ อยู่ที่ 37.8 และรายได้ในอนาคต อยู่ที่ 48.5 ปรับตัวลดลงทุกรายการเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า

สาเหตุที่ทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลง เนื่องจากผู้บริโภคกังวลราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลปรับเพิ่มขึ้นเป็นเดือนแรก หลังจากรัฐบาลเลิกตรึงราคาที่ 30 บาทต่อลิตร และจะมีการทยอยปรับขึ้นไปที่ 35 บาทต่อลิตร ทำให้เกิดปัญหาค่าครองชีพ ราคาสินค้าสูงขึ้น ขณะที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง กระทบต้นทุนการผลิตสินค้า ทำให้เศรษฐกิจไทยยังไม่มีสัญญาณฟื้นตัว แม้ว่าปัญหาโควิด-19 จะคลี่คลาย และมีการเปิดประเทศ รวมทั้งยังน่ากังวลมากขึ้น เมื่อตัวเลขดัชนีค่าครองชีพเดือน พ.ค.อยู่ที่ 6.1 ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 17 ปี 1 เดือน ขณะที่ดัชนีรายได้ในอนาคตอยู่ที่ 48.5 ต่ำสุดในรอบ 23 ปี 8 เดือน

นายธนวรรธน์กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยยังไม่มีสัญญาณฟื้นตัว โดยดัชนียังอยู่ในช่วงขาลงต่อเนื่อง ผู้บริโภคยังขาดความเชื่อมั่นอย่างมากเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยในอนาคต เพราะปัญหาค่าครองชีพที่สูง รายได้ไม่เพิ่มขึ้น การจ้างงานยังไม่เพิ่มขึ้น และยังกังวลน้ำมันจะแพงขึ้นอีก เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอตัวลงจากสงครามรัสเซียยูเครน ต้องติดตามว่าจะกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยให้ชะลอตัวลงต่ำกว่าเป้าหมายการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ระดับ 2.5-3% ปีนี้ โดยสัปดาห์หน้าศูนย์จะทบทวนเป้าหมายคาดการณ์เศรษฐกิจทั้งปีอีกครั้ง

 “เศรษฐกิจไทยพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันสูงมาก ดังนั้นค่าครองชีพยังจะขึ้นเพิ่มต่อเนื่อง ขณะที่ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีก ดังนั้นรัฐบาลจำเป็นต้องเข้ามาแทรกแซงราคาน้ำมัน ตรึงราคาน้ำมันในไตรมาสที่ 3 ต่อ เร่งทำโครงการธงฟ้าขายสินค้าราคาถูกให้ครอบคลุมพื้นที่คนมีรายได้น้อย ดูแลค่าเอฟทีให้เพิ่มขึ้นอย่างเหมาะสม ไม่เป็นภาระประชาชน และทำเที่ยวด้วยกับเฟส 4 และ 5 เพื่อประคองเศรษฐกิจไม่ให้ซึมแรงไปกว่านี้”นายธนวรรธน์ระบุ

ส่วนแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายนั้น ต้องดูว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะปรับขึ้นดอกเบี้ยกี่ครั้ง หากขึ้นครั้งเดียว 0.25% จะฉุดให้เศรษฐกิจไทยย่อลง 0.1-0.2% ช่วยกดเงินเฟ้อลง 0.2-0.3% แต่คาดว่าปีนี้ กนง.อาจจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ย 2 ครั้ง ซึ่งจะฉุดให้เศรษฐกิจย่อลง 0.3% และช่วยกดเงินเฟ้อได้ 0.4-0.5%

ทางด้านนายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือน พ.ค.2565 อยู่ที่ระดับ 84.3 ปรับตัวลดลงจากระดับ 86.2 ในเดือนเม.ย. ลดลงเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน และต่ำสุดในรอบ 7 เดือน โดยองค์ประกอบดัชนีฯ ปรับตัวลดลงทุกองค์ประกอบ ได้แก่ คำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต ต้นทุนประกอบการ และผลกระกอบการ

ทั้งนี้ ปัจจัยที่ส่งผลลบต่อความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการ ได้แก่ สงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ยังคงยืดเยื้อและทวีความรุนแรงขึ้น ส่งผลให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกรวมถึงราคาสินค้าโภคภัณฑ์และราคาวัตถุดิบต่างๆ ปรับตัวสูงขึ้น โดยต้นทุนการผลิตที่ปรับตัวสูงขึ้นส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการภาคการผลิต โดยเฉพาะ SMEs ขณะที่อุปสงค์ในประเทศยังฟื้นตัวช้าจากปัญหาเงินเฟ้อและค่าครองชีพที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้กำลังซื้อของประชาชนลดลง สะท้อนจากดัชนีฯ คำสั่งซื้อและยอดขายที่ปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยสนับสนุนจากการทยอยผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิดช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจในประเทศ

นายเกรียงไกรกล่าวว่า จากการสำรวจผู้ประกอบการ 1,323 ราย ครอบคลุม 45 กลุ่มอุตสาหกรรมของ ส.อ.ท.ในเดือน พ.ค. 65 พบว่า ปัจจัยที่ผู้ประกอบการมีความกังวลเพิ่มขึ้น ได้แก่ ราคาน้ำมัน ร้อยละ 85.5, สภาวะเศรษฐกิจโลก ร้อยละ 65.7 และเศรษฐกิจในประเทศ ร้อยละ 59.0 ตามลำดับ ปัจจัยที่มีความกังวลลดลง ได้แก่ สถานการณ์ระบาดของโควิด-19 ร้อยละ 55.5, อัตราแลกเปลี่ยน (มุมมองผู้ส่งออก) โดยอัตราแลกเปลี่ยนอ้างอิงค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ร้อยละ 36.4, สถานการณ์การเมืองในประเทศ ร้อยละ 35.1 และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ร้อยละ 33.2 ตามลำดับ

วันเดียวกัน นายบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ปัจจัยเรื่องราคาต้นทุนวัตถุดิบในการผลิตสินค้าปรับเพิ่มขึ้นอย่างมาก เนื่องจากสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครนที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะราคาข้าวสาลีและน้ำมันปาล์ม ที่ราคาพุ่งสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบรนด์ “มาม่า” อย่างมาก ซึ่งบริษัทแบกรับภาระต้นทุนดังกล่าวมาช่วงระยะเวลาหนึ่งแล้ว โดยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปนั้นเป็นสินค้าควบคุมภายใต้การกำกับของกระทรวงพาณิชย์

จากปัจจัยข้างต้นทำให้บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับกระทรวงพาณิชย์ เพื่อขออนุญาตการปรับขึ้นราคาขายสินค้าบางรายการ เพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุนที่ปรับตัวพุ่งสูงขึ้น โดยเริ่มจากมาม่า แต่ยังไม่แน่ชัดว่าจะได้รับอนุญาตให้ขึ้นได้ตอนไหน ขณะที่สินค้าถัดไปคาดว่าน่าจะเป็นผงซักฟอกที่จะต้องมีการปรับเพิ่มราคาขายขึ้นเช่นเดียวกัน ส่วนสินค้าอื่นๆ จะต้องพิจารณาความเหมาะสมในเรื่องต้นทุนว่าจะเป็นไปในทิศทางใด               

นายธรรมรัตน์ โชควัฒนา กรรมการผู้อำนวยการและประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เตรียมจัดงานสหกรุ๊ปแฟร์ ทั้งรูปแบบ On Site และ Online ควบคู่กัน เพื่อช่วยค่าครองชีพของคนไทย โดยจะจัดขึ้นที่ฮอลล์ 98-100 ไบเทค บางนา ระหว่างวันที่ 30 มิ.ย.-3 ก.ค.65.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘จุรินทร์’ เผย8ปัจจัย การเมืองปี68เดือด!

"จุรินทร์" เปิด 8 ปัจจัยการเมืองปี 2568 จับตามีคดีความที่มีผู้ร้องไปยื่นร้องนายกฯ และผู้เกี่ยวข้องไว้ที่ศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระต่างๆ ซึ่งปัจจุบันมีเรื่องที่ค้างอยู่อย่างน้อย

‘จ่าเอ็ม’ ผวาขออารักขา

กัมพูชาส่งตัว "จ่าเอ็ม" ให้ไทยแล้ว นำตัวเข้ากรุงสอบเครียดที่ สน.ชนะสงคราม แจ้งข้อหาฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เจ้าตัวร้องขอเจ้าหน้าที่คุ้มครองเป็นพิเศษ

เป็นแม่ที่ดีหรือยัง! ‘อิ๊งค์’ เปิดอกวันเด็กสมัยก่อนไม่มีไอแพดโวยถูกบูลลี่

"นายกฯ อิ๊งค์" เปิดงานวันเด็กคึกคัก! เด็กขอถ่ายรูปแน่น พี่อิ๊งค์ล้อมวงเปิดอกตอบคำถามเด็กๆ มีพ่อเป็นต้นแบบ เผยวัยเด็กไม่มีไอแพด โทรศัพท์ ไลน์ พี่มีลูกสองคน

‘บิ๊กอ้วน’ เอาใจทอ. เคาะซื้อ ‘กริพเพน’

ปิดจ๊อบภายในปีนี้! "บิ๊กอ้วน" ไฟเขียว ทอ.เลือก "กริพเพน" มั่นใจคนใช้เป็นคนเลือก รออนุมัติแบบหลังทีมเจรจาออฟเซตกับสวีเดนจบ แจงทูตสหรัฐแล้ว ไทยยันไม่มีนโยบายกู้เงินซื้ออาวุธตามข้อเสนอขายเอฟ