อยากพบ ‘ชัชชาติ’ รอ ‘บิ๊กตู่’ เรียกหารือ

"ชัชชาติ" กางไทม์ไลน์ เข้าหา "มท.1" มีประเด็นรถไฟฟ้าสายสีเขียว   ส่วนนายกฯ ถ้าติดต่อมาก็พร้อมไปพบ ถ้าไม่ติดต่อก็จะขอเข้าพบเอง ลงพื้นที่ถนนพระราม​ 3 หลังประชาชนร้องถนนไม่เรียบจากการเอาสายไฟฟ้าลงใต้ดิน​ สั่งเคลียร์ฝาท่อ​ ปรับถนนให้เรียบมากขึ้น

เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2565 ที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร เขตปทุมวัน​ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ให้สัมภาษณ์กรณีจะเข้าพบ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ว่าต้องเข้าไปแนะนำตัวและไปรับการบ้านจาก พล.อ.อนุพงษ์ ส่วนประเด็นเรื่องรถไฟฟ้าสายสีเขียว ก็ขึ้นอยู่กับ พล.อ.อนุพงษ์ว่าจะพูดหรือไม่ แต่เราก็มีกำหนดการที่จะเรียนถามบ้างในเรื่องดังกล่าว

เมื่อถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้มีการติดต่อให้เข้าพบหรือไม่ นายชัชชาติกล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่เห็น หาก พล.อ.ประยุทธ์ ติดต่อมาก็พร้อมไปพบ แต่หากไม่ติดต่อมาก็จะเข้าพบเอง ซึ่งโดยลำดับขั้นของการสั่งการ ตนอยู่ใต้กระทรวงมหาดไทย เพราะฉะนั้นต้องไปกระทรวงมหาดไทยก่อน และตนเป็นผู้น้อย จะเข้าไปพบ พล.อ.ประยุทธ์เองคงไม่ได้ ต้องให้สั่งมา

วันเดียวกันนี้ นายชัชชาติพร้อมคณะ ลงพื้นที่บริเวณสวนศิลาฤกษ์ เขตยานนาวา กรุงเทพฯ พร้อมด้วยนายวิลาศ เฉลยสัตย์ ผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง, ​ นายไทวุฒิ ขันแก้ว ผู้อำนวยการสำนักการโยธา, นายสุนิติ บุณยมหาศาล ผู้อำนวยการเขตยานนาวา เพื่อสำรวจโครงการเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดิน บนถนนพระราม 3 หลังจากที่นายชัชชาตินัดหมายไว้เมื่อวันที่ 1 มิ.ย​.ที่ผ่านมา

ผู้ว่าฯ กทม.กล่าวว่า หลังจากได้รับการร้องเรียนของประชาชนเรื่องถนนไม่เรียบ จากการก่อสร้างท่อสายไฟฟ้าใต้ดิน บนถนนพระรามที่ 3 ของการไฟฟ้านครหลวง​ โดยผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง​  ได้สั่งการให้มีการปรับปรุง และทางสำนักการโยธาได้มีการสั่งให้หยุดปฏิบัติงานชั่วคราว เพื่อให้มีการปรับเปลี่ยนฝาบ่อให้เรียบร้อยก่อน

ด้านนายไทวุฒิกล่าวว่า ตอนนี้มีการปรับปรุงรูปแบบคานที่รองรับแผ่นถนนด้านบน เทคอนกรีตติดกับโครงสร้างของบ่อ ทำให้การทรุดตัวปากบ่อจะไม่เกิดขึ้น รวมถึงรื้อผิวการจราจรรอบบ่อประมาณ 1 เมตร แล้วเทพื้นใหม่ โดยทางการไฟฟ้านครหลวง​จะยุติการก่อสร้างชั่วคราวเพื่อปรับพื้นผิวการจราจรทั้งหมดก่อน

ขณะที่นายวิลาศกล่าวว่า ที่ผ่านมา MEA ได้ดำเนินโครงการเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศ เป็นสายไฟฟ้าใต้ดินเพื่อเพิ่มศักยภาพในด้านระบบไฟฟ้า ทำให้เกิดความปลอดภัยและเกิดทัศนียภาพที่สวยงาม โดยได้ดำเนินงานในช่วงเวลา 22.00-05.00 น. ของทุกวัน เพื่อลดผลกระทบด้านการจราจรที่อาจเกิดขึ้นกับประชาชน

อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลากลางวันที่มีการเปิดให้รถสัญจรเป็นปกตินั้น การไฟฟ้านครหลวงได้กำหนดรูปแบบการดำเนินงานให้กับบริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างในแต่ละโครงการ เช่น การปิดฝาบ่อพักชั่วคราว, การวางแผ่น Road Deck ตลอดจนการเทคอนกรีตเพื่อแก้ไขปัญหาผิวการจราจร แต่เนื่องจากปัญหาอุปสรรคการทรุดตัวของดิน และข้อจำกัดในด้านระยะเวลาดำเนินงาน จึงส่งผลต่อความราบเรียบและความสม่ำเสมอของผิวถนนในบางพื้นที่ ซึ่งการไฟฟ้านครหลวง​และบริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างได้ให้ความสำคัญกับปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อหาแนวทางป้องกันและแก้ไขอย่างต่อเนื่อง​

ทั้งนี้ จากการร่วมวางแนวทางแก้ไขในครั้งนี้ การไฟฟ้านครหลวง​มีแนวทางให้บริษัทผู้รับเหมาปรับปรุงรูปแบบการปิดฝาบ่อพัก แบ่งออกเป็น 4 วิธีคือ​ 1.กรณีเป็นบ่อพักที่ต้องหยุดงานมากกว่า 4 เดือน ให้เทคอนกรีตปิดฝาบ่อ ส่งผลให้ไม่มีรอยต่อของฝาบ่อ​ 2.กรณีฝาบ่อพักที่ต้องปิด-เปิดทุกวัน ให้เปลี่ยนฝาบ่อพักที่มีขนาดใหญ่ขึ้น (จากเดิมปิดโดยใช้ 8 ชิ้น เปลี่ยนเป็นปิดโดยใช้ 4 ชิ้น) ส่งผลให้ลดรอยต่อของฝาบ่อ ผิวถนนราบเรียบมากขึ้น​ 3.กรณีฝาบ่อพักที่ต้องปิด-เปิดทุกวัน แต่มีกำหนดเสร็จสิ้นงานภายใน 1 ปี ยังคงใช้ฝาบ่อเดิม แต่เพิ่มการตรวจสอบสภาพฝาบ่อให้มีความเรียบร้อย​ 4.กรณีแผ่น Road Deck หรือแผ่นถนนชั่วคราว ให้เสริมความแข็งแรงโครงสร้างรองรับแผ่น Road Deck ป้องกันการทรุดตัวที่ริมฝาบ่อ และเทคอนกรีตปรับระดับจุดเชื่อมต่อกับผิวถนนจริง

นายวิลาศ​กล่าวเพิ่มเติม​ว่า นอกจากการวางแนวทางด้านวิศวกรรมแล้ว การไฟฟ้านครหลวง​ได้วางมาตรการกำกับการปฏิบัติงานของบริษัทผู้รับเหมา โดยการจัดให้มีการตรวจสอบความเรียบร้อยของฝาบ่อและผิวจราจรตลอดระยะพื้นที่ของโครงการก่อสร้าง 2 ช่วงเวลาต่อวัน รวมถึงการจัดทีมงานเฉพาะกิจเพื่อแก้ไขเหตุเร่งด่วน และการบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับประชาชน

ด้านนายชัชชาติยังกล่าวอีกว่า เป็นนิมิตหมายที่ดี ถ้าเราร่วมมือกันแก้ปัญหา​ แป๊บเดียวหาคำตอบได้เลย ขอให้มีการคุยงานการประสานงานกัน นอกจากนี้ ยังมีถนนอีกหลายเส้น อย่างถนนสาทร ถนนวิทยุ ต้องเอามาตรการแบบนี้ไปใช้ เพื่อไม่ให้พี่น้องประชาชนได้รับความเดือดร้อน​  นอกจากนี้ได้มีการหารือการจัดระเบียบสายสื่อสาร เนื่องจากสายสื่อสารอาศัยการใช้เสาไฟฟ้าเป็นหลัก เพราะมีประชาชนร้องเรียนมาเยอะเรื่องความไม่เป็นระเบียบ โดยขั้นแรกอาจจะยังไม่ต้องลงดินก่อน เป็นการจัดระเบียบทางสายตา สายสื่อสารไหนที่ไม่ได้ใช้ก็เอาออก ซึ่งจะมีการประชุมหารือระหว่าง กทม., การไฟฟ้านครหลวง​, กสทช. และเอกชนเจ้าของสายสื่อสาร

ขณะที่นายชัชชาติ​กล่าวเพิ่มเติม​ว่า​ เรื่องไฟตามถนนดับ มีปัญหาเรื่องความปลอดภัย เป็นหน้าที่ของ กทม.ในการลงทุนตัวหลอดไฟ ส่วนทางการไฟฟ้านครหลวง​เป็นผู้จ่ายค่าไฟฟ้าให้ ด้านสำนักการโยธาได้มีโครงการติดตั้งหลอดไฟใหม่ที่ดับจำนวน 10,000 ดวง ภายในไม่เกิน 3 เดือน​ อีกทั้งต้องจะมีการประสานงานร่วมกับหลายหน่วยงาน โดยในสัปดาห์หน้าตนจะเข้าไปพูดคุยกับทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติเรื่องจราจร, กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่องการปลูกต้นไม้ ฝุ่น PM 2.5 มลพิษ, กรมราชทัณฑ์ เรื่องการลอกท่อโดยผู้ต้องขัง และองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันประเทศไทย  เพื่อเพิ่มความโปร่งใส

“อย่างที่เรียนตั้งแต่ต้นแล้วว่า หน้าที่ กทม.ต้องประสานสิบทิศ เพราะเราไม่ได้มีอำนาจทั้งหมด แต่เชื่อว่าความตั้งใจจริงของทุกหน่วยงาน ตัวอย่างการไฟฟ้านครหลวง ตั้งใจจริงมาก ไม่อยากให้ประชาชนเดือดร้อน เชื่อว่าถ้าเรามีการร่วมมือกันแล้วแก้ปัญหาได้ง่าย ไม่ได้ยาก เป็นความรับผิดชอบของผู้รับเหมาที่ต้องทำ เพราะว่ามีการคิดเงินการก่อสร้างแล้ว เราแค่กำกับดูแลให้เข้มข้น” นายชัชชาติกล่าว

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการเปิดประชุมสภากรุงเทพมหานครที่ยังไม่มีการเปิดประชุมว่า พ.ร.บ.กทม.เขียนชัดเจนให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยต้องเปิดประชุมสภา กทม.ภายใน 15 วัน หลังการเลือกตั้ง ซึ่งวันจันทร์นี้ก็จะครบ 15 วัน อีกทั้งสภาใหญ่ได้ผ่านการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2566 ในวาระแรกไปแล้ว ซึ่งมีส่วนของกรุงเทพมหานครเป็นเงินกว่าแสนล้านบาท มีความจำเป็นต้องใช้สภา กทม.ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนพิจารณาอย่างเร่งด่วน เพราะเกือบ 8 ปีที่ผ่านมามีแต่สภา กทม.ที่แต่งตั้งโดย คสช.

ในพระราชบัญญัติบริหารราชการกรุงเทพมหานครเขียนชัดเจนว่า ให้เวลา 15 วัน หลังการเลือกตั้งที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยจะต้องไปเปิดประชุมสภา กทม. แต่จนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีการกำหนดการเปิดสมัยประชุม อาจทำให้คนกรุงเทพฯ ไม่ได้รับการคุ้มครองเงินงบนายจิรายุกล่าวว่า ปัจจุบัน กกต.ประกาศไปแล้วถึง 40 เขต ส่วนที่เหลือที่มีเรื่องร้องเรียนก็เป็นเรื่องของ กกต.ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป สภา กทม.ก็ต้องเดินหน้า จึงขอฝากไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แต่ท่านติดภารกิจ ก็ให้มอบ มท.2-3-4 ไปเปิดประชุมสภากทม.ได้ เพื่อให้ฝ่ายควบคุมงบประมาณและการทำงานของ กทม. จะได้ทำงานอย่างไม่ล่าช้า ยิ่งปล่อยนานวันก็ไม่มีประโยชน์ใดๆ ทั้งต่อกระทรวงมหาดไทยกรุงเทพมหานคร และคน กทม.

“ขอเตือนว่า หากเลย 15 วันตามที่กฎหมายกำหนด และกระทรวงมหาดไทยยังไม่มีการดำเนินการใดๆ หากมีคนไปร้องว่ารัฐมนตรีละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามมาตรา 157 ไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติที่กฎหมายเขียนไว้ชัดเจน เดี๋ยวจะหาว่าผมในฐานะ ส.ส.กทม.ไม่เตือน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘อุ๊งอิ๊ง’ แจ้นตรวจนํ้าท่วม ชาวบ้านลำบากแต่ยิ้มได้

นายกฯ อิ๊งค์ลงพื้นที่ตรวจน้ำท่วมภาคเหนือ เสียงสั่นเครือเห็นใจชาวบ้านยังคงลำบากไม่มีไฟฟ้าใช้ แต่ชาวบ้านยังยิ้มแย้ม ดีใจและโบกมือให้

โวเลือกตั้งซ่อม ‘เพื่อไทย’ มาแน่ กระแส ‘อิ๊งค์’ พุ่ง

"สมศักดิ์" โวลั่น! เลือกตั้งซ่อมพิษณุโลกเขต 1 กระแสเพื่อไทยสูง เป็นเรื่องเซอร์ไพรส์ หลัง "อุ๊งอิ๊ง" เป็นนายกฯ ตอนนี้มันเปลี่ยนแล้ว กระแสพรรคประชาชนหดหาย

คนเยอะกว่าเก้าอี้! ‘ภูมิธรรม’ ยอมรับบางรายเสนอชื่อไปแล้วเกรงมีปัญหาจริยธรรม

"ภูมิธรรม" เผยตั้งรัฐบาลยังไม่สะเด็ดน้ำ ไทยอยู่ในกระบวนการที่กำลังดูกันอยู่ เพราะคนเยอะกว่าตำแหน่ง ยอมรับตรวจเข้มกลัวมีปัญหาในเชิงจริยธรรม ว่าที่ รมต.ทยอยส่งประวัติ