‘งบกลาง’ ครึ่งล้านล้าน/กห.ลดลง

เปิดร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปี 2566 วงเงิน 3.18 ล้านล้านบาท คาดเศรษฐกิจไทยฟื้นตามเศรษฐกิจโลก ปรับตัวจากภาคท่องเที่ยว-ส่งออกขยาย แต่ห่วงการเงินโลกผันผวน-กลายพันธุ์โควิด หนี้สาธารณะสิ้น ม.ค.65 ยังไม่เกินเพดานกฎหมายกำหนด งบกลางมาเป็นอันดับหนึ่ง สูงถึง 5.9 แสนล้านบาท ขณะที่กลาโหม 1.9 แสนล้านบาท มากเป็นอันดับ 6 ลดจากปีก่อน 4.3 พันล้านบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้มีคำสั่งให้นัดประชุมสภาฯ เป็นพิเศษ ระหว่างวันที่ 31 พ.ค. ถึงวันที่ 2 มิ.ย. เวลา 09.30 น. โดยมีวาระพิจารณาเรื่องสำคัญคือร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 จำนวน 3.185 ล้านล้านบาท โดยเป็นการเพิ่มขึ้นจากงบประมาณปี 65 จำนวน 85,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.74 ซึ่งวงเงินงบประมาณดังกล่าวคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 17.79 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ

ทั้งนี้ สำนักงบประมาณได้คาดการณ์เศรษฐกิจไทยในปี 65 ว่าจะขยายตัวในช่วงร้อยละ 3.5-4.5 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการฟื้นตัวของอุปสงค์ภายในประเทศจากการผ่อนคลายของผลกระทบจากการระบาดโควิด การปรับตัวดีขึ้นของภาคการท่องเที่ยว ภายใต้มาตรการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ และการส่งออกสินค้าที่ขยายตัวอยู่ในเกณฑ์ดี ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อจำกัดและปัจจัยเสี่ยงที่อาจส่งผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 2565 ได้แก่ ผลกระทบของสถานการณ์ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ เงื่อนไขด้านฐานะการเงินของภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจ การกลายพันธุ์และการระบาดของเชื้อไวรัส และความผันผวนของระบบเศรษฐกิจและการเงินโลก โดยคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะอยู่ในช่วงร้อยละ 1.5-2.5

สำหรับเศรษฐกิจไทยในปี 2566 คาดว่าจะขยายตัวในช่วงร้อยละ 3.2-4.2 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของอุปสงค์ภายในประเทศ การขยายตัวของภาคการท่องเที่ยวที่คาดว่าจะมีแนวโน้มกลับมาฟื้นตัวชัดเจนมากขึ้น การส่งออกสินค้ามีแนวโน้มขยายตัวในเกณฑ์ดี ในขณะที่ยังมีข้อจำกัดและปัจจัยเสี่ยงจากความผันผวนของระบบเศรษฐกิจและการเงินโลก การกลายพันธุ์และการระบาดของไวรัส รวมทั้งการลดลงของแรงขับเคลื่อนทางการคลัง โดยคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะอยู่ในช่วงร้อยละ 0.5-1.5

นอกจากนี้ สำนักงบประมาณยังเปิดเผยว่า หนี้สาธารณะ ณ วันที่ 31 ม.ค.65 มีจำนวน 9.73 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 56.9 ของจีดีพี ประกอบด้วยหนี้ที่เป็นข้อผูกพันของรัฐบาล ซึ่งเกิดจากการกู้ยืมโดยตรง และการค้ำประกันเงินกู้โดยรัฐบาล จำนวน 9.28 ล้านล้านบาท และหนี้ที่รัฐบาลไม่ได้ค้ำประกัน จำนวน 4.47 แสนล้านบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 ประกอบด้วย 6 ยุทธศาสตร์ ดังนี้ ยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคง 2.96 แสนล้านบาท, ยุทธศาสตร์ด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน 3.96 แสนล้านบาท, ยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ 5.49 แสนล้านบาท, ยุทธศาสตร์ด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม 7.59 แสนล้านบาท,  ยุทธศาสตร์ด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 1.22 แสนล้านบาท, ยุทธศาสตร์ด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารการจัดการภาครัฐ 6.58 แสนล้านบาท และรายการค่าดำเนินการภาครัฐ 4.02 แสนล้านบาท

สำหรับงบประมาณรายจ่ายจำแนกตามกระทรวงและหน่วยรับ 10 อันดับแรกที่ได้รับงบประมาณ มีดังนี้ อันดับที่หนึ่ง งบกลาง 5.9 แสนล้านบาท, อันดับที่สอง กระทรวงศึกษาธิการ 3.259 แสนล้านบาท แต่ลดจากงบฯ ปี 65 จำนวน 4.5 พันล้านบาท, อันดับที่สาม กระทรวงมหาดไทย 3.255 แสนล้านบาท, อันดับที่สี่ กระทรวงการคลัง 2.85 แสนล้านบาท

อันดับที่ห้า ทุนหมุนเวียน 2.06 แสนล้านบาท, อันดับที่หก กระทรวงกลาโหม 1.97 แสนล้านบาท แต่ลดจากงบฯ ปี 65 จำนวน 4.3 พันล้านบาท, อันดับที่เจ็ด กระทรวงคมนาคม 1.8 แสนล้านบาท,  อันดับที่แปด รัฐวิสาหกิจ 1.62 แสนล้านบาท, อันดับที่เก้า กระทรวงสาธารณสุข 1.56 แสนล้านบาท และปิดท้าย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 1.26 แสนล้านบาท

นายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วิปรัฐบาล) ให้สัมภาษณ์กรณีที่พรรคฝ่ายค้านเปรียบการจัดสรรงบประมาณในร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2566 เหมือน “ขอทานจัดงานเลี้ยงวันเกิด” กระจายงบเพื่อซื้อใจพรรคร่วมรัฐบาลว่า แล้วแต่เขา เรามองว่าเป็นการพูดเพื่อดิสเครดิตของรัฐบาล ถ้าพูดแบบนั้นก็เหมือนไม่ได้เป็นผู้แทนประชาชน

เขากล่าวว่า สำหรับพรรค พปชร.เตรียมความพร้อมในการอภิปรายงบประมาณไว้แล้ว โดยจะพูดเน้นวิชาการที่เป็นประโยชน์ ดูความเหมาะสม มากกว่าการจะไปตอบโต้อะไร จะชี้แจงข้อมูลและมีการท้วงติงในเรื่องที่อาจไม่เห็นด้วยพร้อมกับข้อเสนอแนะ ขณะนี้มีผู้ที่แสดงความประสงค์ขออภิปรายพอสมควร แต่ด้วยเวลาที่พรรคได้จัดสรร 2-3 ชั่วโมง ดังนั้นจะพูดอย่างสร้างสรรค์ เวลาที่เหลือจะเผื่อไว้ให้รัฐมนตรีได้ชี้แจงในสิ่งที่เป็นประโยชน์ และไม่คิดจะประท้วงอะไรหากไม่มีการพูดนอกกรอบจนเกินเลยไป

ผู้สื่อข่าวถามว่า ฝ่ายค้านเตรียมชำแหละงบในหลายส่วน เตรียมหมัดเด็ดที่จะชี้แจงสวนกลับอย่างไร นายนิโรธ กล่าวว่า เรื่องการบริหารราชการแผ่นดิน เชื่อว่ารัฐมนตรีทุกคนทราบงานของตัวเองและสามารถที่จะชี้แจงได้อยู่แล้ว และครั้งนี้ถือเป็นการอภิปรายครั้งสุดท้ายของผู้แทนฯ ชุดนี้ จึงอยากให้ทุกคนพูดในสิ่งที่เป็นประโยชน์และผ่านชั้นรับหลักการ เรื่องอะไรที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล ให้ไปพูดคุยถกเถียงกันในชั้นกรรมาธิการ

“เรื่องงบประมาณ ควรให้ผ่านไปได้ ด้วยสำนึกในหน้าที่ของผู้แทนฯ แม้จะไม่เห็นด้วยก็ยังให้ผ่านไป แล้วมาคุยในกรรมาธิการ แต่ใครที่คิดจะคว่ำงบประมาณตั้งแต่เริ่มต้น ผมมองว่าไม่มีจิตวิญญาณของผู้แทนฯ ถึงแม้จะไม่ได้พูดออกมา แต่แค่คิดในใจ ก็บาปต่อประชาชนที่เลือกผู้แทนฯ คนนั้นมาแล้ว เพราะเรื่องงบประมาณ ต้องไปใช้ในการดูแลประชาชน และบริหารราชการแผ่นดิน เรื่องของเงินเดือนค่าจ้างข้าราชการ และอีกหลายเรื่อง” นายนิโรธกล่าว

ด้านนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ประธาน ส.ส. และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ได้นัดประชุม ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ในวันจันทร์ที่ 30 พ.ค.นี้ เวลา 13.30 น. เพื่อพิจารณาเนื้อหาสาระรายละเอียดของร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ที่จะเข้าสู่การพิจารณาในสภาระหว่างวันที่ 31 พ.ค. ถึง 2 มิ.ย. ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ ได้มีการเตรียมความพร้อมมาระยะหนึ่ง หลังจากได้รับเอกสารงบประมาณมาศึกษาเป็นเบื้องต้นแล้ว จึงได้มอบหมายให้ ส.ส.จำนวน 20 คน ที่มีความรู้ความสามารถและสนใจประเด็นต่างๆ ร่วมอภิปรายถึงแง่มุมที่น่าสนใจ เพื่อชี้ให้เห็นถึงข้อดี-ข้อด้อยของการจัดทำงบประมาณ ก่อนที่จะพิจารณารายละเอียดโดยคณะกรรมาธิการที่สภาจะตั้งขึ้นต่อไป

ที่อาคารอนาคตใหม่ พรรคก้าวไกล นาย​พริษฐ์ วัชรสินธุ​ ผู้จัดการฝ่ายสื่อสาร​ และรณรงค์นโยบาย​ พรรคก้าวไกล​ กล่าวว่า งบปี 2566 มีปัญหา เลือกหน่วยงานที่เหมาะสมกับการขับเคลื่อนภารกิจหรือไม่ เช่น โจทย์ความมั่นคง ซึ่งปัจจุบันมีรูปแบบหลากหลายมากขึ้นกว่าแค่การทหารที่เราอาจคุ้นเคยในอดีต เช่น ภาวะโลกรวน แต่ถ้าเราไปดูการจัดสรรงบประมาณตามภารกิจความมั่นคง จะเห็นว่ารัฐบาลอาจยังตีความความมั่นคงในรูปแบบเดิม งบกระทรวงกลาโหมปีนี้ลดลงจริงในภาพรวม แต่งบบุคลากรกลาโหมเพิ่มขึ้น 2,400 ล้านบาท ขณะที่งบที่ถูกจัดสรรในแผนงานยุทธศาสตร์เพื่อรับมือผลกระทบจากภาวะโลกรวนมีเพียง 1,574 ล้านบาท

น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ​ กล่าวว่า งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2566 ที่ 3.185 ล้านล้านบาทนั้น ใช้ได้จริงแค่ 9.3 แสนล้านบาทเท่านั้น และพื้นที่ทางการคลังของรัฐบาลตรงนี้ยังต้องเอาไปใช้กับโครงการใหญ่ๆ ที่จะเริ่มโครงการในปีนี้อีก เช่น ถนน 5.4 หมื่นล้าน, น้ำ 3.6 หมื่นล้าน, ใช้หนี้อื่นๆ 6 หมื่นล้าน และอาวุธ 1.6 หมื่นล้าน ซึ่งหมายความว่างบประมาณที่รัฐบาลเหลือใช้จริงๆ ที่จะเอามาคิดโครงการต่างๆ มีไม่ไม่ถึง 1 ใน 3 ของงบประมาณประเทศปีนี้ ทั้งๆ ที่ปัญหาของประเทศมีอยู่อย่างมากมาย

"เงินก้อนนี้ก็ต้องแบ่งกันใช้ 362 หน่วยราชการ 30 กองทุนหมุนเวียน 37 องค์การมหาชน และ 25 รัฐวิสาหกิจ ซึ่งรวมแล้วกว่า 400 หน่วยงาน สิ่งที่เกิดขึ้นคือมีแต่โครงการที่เป็นเบี้ยหัวแตกเต็มไปหมด จะไม่สามารถตอบโจทย์ใหญ่ๆ ของประเทศได้ แต่จะมีแต่โครงการอบรมสัมมนา ดูงาน ที่ประเมินผลไม่ได้เต็มไปหมด" น.ส.ศิริกัญญากล่าว.

เพิ่มเพื่อน