กังขานโยบายชัชชาติ ‘บิ๊กตู่’ชี้214ข้อทำได้ยิ่งกว่านายกฯ/ศท.แตก!ตะเพิดวิชญ์

“กกต.” ย้ำประกาศผลเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.-นายกเมืองพัทยาภายใน 30 วัน หากไม่พบทุจริต-ร้องเรียน “ชัชชาติ” ฟิตต่อเนื่องแม้เป็นวันคล้ายวันเกิด  สำรวจอุโมงค์รัชดาฯ-ราชพฤกษ์ เล็งนำ 14 โครงการก่อสร้างมารื้อดู “ประยุทธ์” ชี้นโยบายกว่า 200 ข้อทำได้จริงอำนาจยิ่งกว่านายกฯ “วัน” โผล่ดันก้น “อา” เหมาะเก้าอี้ประธานสภา กทม. รัฐมนตรีดาหน้ายันเสียงรัฐบาล-บิ๊กตู่ยังไปต่อได้ ชี้ไม่ใช่แลนด์สไลด์ เพราะเลือกตั้งท้องถิ่นเลือกตัวคนไม่ใช่ระดับชาติ “เศรษฐกิจไทย” แตกเละ “ธรรมนัส” จ่อขึ้นหัวหน้าพรรคตัวจริง

เมื่อวันอังคารที่ 24 พ.ค. สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ชี้แจงแนวทางการพิจารณาประกาศผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่นของกรุงเทพมหานคร (กทม.) และเมืองพัทยา ที่ได้มีการเลือกตั้งไปเมื่อวันที่ 22 พ.ค.ว่า เมื่อ กกต.ได้ตรวจสอบเบื้องต้นแล้ว มีเหตุอันควรเชื่อว่าผลการเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม ก็จะประกาศผลการเลือกตั้งภายใน 30 วัน นับแต่วันเลือกตั้ง แต่ในกรณีมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าการเลือกตั้งมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม ไม่ว่าจะมีผู้ร้องเรียนกล่าวโทษหรือไม่ กกต.จะสืบสวนหรือไต่สวนให้แล้วเสร็จ และประกาศผลการเลือกตั้ง หรือจัดให้เลือกตั้งใหม่ หรือดำเนินการอื่นที่จำเป็น แล้วแต่กรณีโดยเร็วภายใน 60 วัน นับแต่วันเลือกตั้ง ​ทั้งนี้ การประกาศผลการเลือกตั้งดังกล่าวไม่เป็นการตัดหน้าที่และอำนาจของ กกต.ที่จะดำเนินการสืบสวน ไต่สวน หรือวินิจฉัย เมื่อมีเหตุอันควรสงสัยว่าการเลือกตั้งมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม

ด้านความเคลื่อนไหวของนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ว่าที่ผู้ว่าราชการ กทม. ช่วงเช้าหลังออกกำลังกายแล้วเสร็จ ใส่บาตรที่ชุมชนตรอกพระเจน ย่านปทุมวัน เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเกิด 56 ปี ต่อมานายชัชชาติพร้อมด้วย รศ.ดร.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย พี่ชายฝาแฝด และ อ.ปรีชญา สิทธิพันธุ์ พี่สาว ทำบุญวันคล้ายวันเกิดครบ 56 ปี โดยนิมนต์พระวัดพระยายังจำนวน 9 รูป เจริญพระพุทธมนต์ที่ตึกวชิรญาณวงศ์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย

นายชัชชาติกล่าวว่า ความหวังปีนี้ อยากเห็นคนกรุงเทพฯ ร่วมมือร่วมใจเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และร่วมกันสร้างกรุงเทพฯ ให้เป็นเมืองน่าอยู่สำหรับทุกคน ไม่สามารถทำคนเดียวได้ จึงอยากให้คนกรุงเทพฯ ส่งกำลังใจและร่วมมือกัน มีความเห็นแตกต่างกันได้ แต่อย่าทะเลาะกัน รักกันเข้าไว้

ต่อมา นายชัชชาติพร้อมด้วยนายจิรเสกข์ วัฒนมงคล ว่าที่ ส.ก.เขตธนบุรี พรรคเพื่อไทย (พท.) และนายวิรัช คงคาเขตร ว่าที่ ส.ก.เขตบางกอกใหญ่ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ลงพื้นที่สำรวจปัญหาการก่อสร้างอุโมงค์รัชดาฯ-ราชพฤกษ์ เขตธนบุรี กรุงเทพฯ ที่มีความล่าช้า โดยนายชัชชาติระบุว่า กทม.ต้องเข้าไปเร่งรัดดำเนินการ ต้องไปดูแลเรื่องการก่อสร้าง ถ้าเป็นต้นเหตุของการเกิดการจราจรติดขัดในกรุงเทพฯ เป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องทำอย่างเร่งด่วน

1-2 วันเปิดตัวทีมงาน

นายชัชชาติกล่าวอีกว่า สิ่งแรกที่ต้องทำคือเอาทั้ง 14 โครงการมาดู บางโครงการหมดเวลาในการดำเนินการไปแล้ว หรือดำเนินการไปแล้วต้องไปดูว่าเกิดเหตุอะไรขึ้น เป็นเหตุสุดวิสัยหรือไม่ สุดท้ายคนที่เดือดร้อนคือประชาชน รวมถึงการคืนพื้นที่ของแนวก่อสร้างรถไฟฟ้าต้องเอาจริงเอาจัง ถึงแม้ว่าจะไม่ได้แก้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่โครงการก่อสร้างเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้พื้นผิวจราจรลดลง ทำให้คนเดินทางลำบาก จากนี้จะต้องไปดูอีกจุดหนึ่งที่แยกลำสาลีที่มีการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มและสีเหลืองมาบรรจบกัน เป็นถนนที่ กทม.ต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว เป็นสิ่งที่ต้องเร่งทำเพื่อบรรเทาปัญหา ได้รวมถึงจุดกลับรถ ทางข้ามถนน จะต้องเร่งรัดให้เร็วที่สุด ต้องไปดูข้อมูล ว่าโครงการมีอะไรผิดปกติ ซึ่งจะต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ไม่ได้ว่าใครทุจริต แต่ต้องให้ความเป็นธรรม ต้องนึกถึงประชาชน พื้นที่สาธารณะต้องรีบคืนให้ประชาชน

นายชัชชาติยังกล่าวถึงการเปิดตัวทีมผู้บริหาร กทม. ว่าขอให้รอประกาศผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ ซึ่งขณะนี้มีพร้อมและมีคนที่เข้าใจพร้อมทำงาน ไม่น่ามีปัญหาอะไร ถ้าหากรับรองผลการเลือกตั้ง 1-2 วัน ก็ประกาศได้เลย              

 “ตอนนี้ขอทำหน้าที่ผู้ว่าฯ ให้ดีที่สุดก่อน ส่วนเรื่องนโยบายก็พยายามเร่งรัดติดตามต้องทำตามที่สัญญากับประชาชนไว้ ส่วนเรื่องที่คนนำเอาคะแนนผลการเลือกตั้งไปเป็นประเด็นการเมืองว่าอาจทำให้รัฐบาลสั่นคลอน แต่ละคนก็มีความเห็นต่างกัน ไม่ได้คิดอะไร อยู่ที่ใครจะเอาไปวิเคราะห์เป็นข้อมูลสำหรับการเตรียมตัวในอนาคต แต่ละคนก็มีความเห็นต่างกันไม่มีใครถูก 100% เป็นการวิเคราะห์ตีความไป เป็นสิทธิ์ของแต่ละคน แต่สำหรับผมไม่ได้สนใจ เพราะหน้าที่คือทำงานที่ กทม.” นายชัชชาติกล่าว

ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงความคืบหน้าสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวว่า ต้องพิจารณากันต่อไป ต้องคุยกันต่อ ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนของคณะกรรมการแต่ละหน่วยงานเขากำลังพิจารณาอยู่ เพราะว่าวันนี้ก็เปลี่ยนผู้ว่าฯ กทม.ใหม่แล้ว ก็เป็นภาระที่ต่อเนื่องไป ฝากช่วยแก้ไขให้มันเดินได้ก็แล้วกัน ทำให้มันถูกต้อง แค่นั้นเอง ไม่ได้ว่ามันผิดหรือถูก นายกฯ ก็ให้นโยบายไป แต่ทุกคนต้องไปทำตามกฎหมายที่มีอยู่ ต้องรับผิดชอบ

เมื่อถามว่า การเปลี่ยนผู้ว่าฯ กทม.ใหม่จะเป็นอุปสรรคหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "ไม่มี จะมีได้ยังไง แค่คุยกันมันก็จบ มันเป็นระบบที่ต้องทำงานด้วยกันอยู่แล้ว

เมื่อถามอีกว่า นายชัชชาติไม่เห็นด้วย ที่ต่อสัญญา จะพิจารณากันใหม่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เป็นเรื่องของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผู้ได้รับสัมปทานต้องคุยกัน แต่ข้อสำคัญคือยิ่งช้ามันยิ่งเสียผลประโยชน์ ประชาชนก็เดือดร้อน ฉะนั้นเราก็อยากให้ทุกอย่างมันสำเร็จด้วยความร่วมมือด้วยกันทุกฝ่าย ตนเองไม่ใช่ศัตรูกับใครอยู่แล้ว แต่ทำงานด้วยหลักการ ด้วยกฎหมาย ด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดินที่ต้องระวังเป็นที่สุด

เมื่อถามว่า เรื่องจะจบเร็วๆ นี้ใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า "ก็คุยกันหรือยังล่ะ ต้องรอเขาคุยกันเขาต้องรอ กกต.แต่งตั้งก่อนใช่มั้ย"    

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคมกล่าวเช่นกันว่า ต้องปฏิบัติถูกต้องตามระเบียบข้อกฎหมาย เรายืนยันหลักการนี้ ส่วนจะรื้อสัญญารถไฟฟ้าสายสีเขียวหรือไม่นั้น ไม่ทราบ กทม.ต้องไปดู กระทรวงคมนาคมบอกไปแล้วว่าใจความคืออะไร ให้ปฏิบัติถูกต้องตามมติ ครม.

เมื่อถามว่า นายชัชชาติระบุอยากให้รถไฟฟ้าสายสีเขียวโอนไปเป็นของรัฐบาลจะเป็นไปได้หรือไม่ นายศักดิ์สยามกล่าวว่า ขอให้ดูท่านก่อน อย่าไปพูดอะไรล่วงหน้าเลย เพราะมีรายละเอียดเยอะ แต่ทุกอย่างต้องอยู่ภายใต้กฎหมายและสัญญา การที่อยู่ๆ จะไปลดอะไรต่างๆ ต้องไปดูด้วยว่าสัญญาสามารถทำได้หรือไม่ ระวังจะเป็นค่าโง่ และต้องให้นายชัชชาติรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการก่อน อย่าเพิ่งถามอะไรล่วงหน้า

'วัน' ฟุ้งอาเหมาะนั่งประธาน

ขณะที่พรรค พท. นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ประธานภาค กทม. และนางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ผู้อำนวยการการเลือกตั้ง ส.ก. พร้อมด้วยว่าที่ ส.ก. ร่วมแถลงข่าวขอบคุณชาว กทม. โดยนางพวงเพ็ชรกล่าวว่า ขอขอบคุณทุกคะแนนเสียงที่เลือก ส.ก.ของพรรคถึง 20 คน ซึ่งเป็นเครื่องชี้วัดการไม่เอารัฐประหาร และขอให้คำมั่นว่าเราจะทุ่มเททำงานร่วมกับผู้ว่าฯ กทม. และ ส.ก.อย่างใกล้ชิดทุกพรรค ไม่แบ่งพรรคแบ่งสี จะผลักดันนโยบายของ ส.ก.พรรคในสภา กทม. รวมถึงนโยบายจากทุกพรรคที่ช่วยแก้ปัญหาคน กทม.ให้เป็นเมืองที่น่าอยู่

ขณะที่นายวัน อยู่บำรุง ส.ส.กทม. พรรค พท. โพสต์เฟซบุ๊กว่า นายนวรัตน์ อยู่บำรุง ว่าที่ ส.ก.หนองแขม 7 สมัย อาวุโสที่สุดในสภา กทม. มีวัยวุฒิ คุณวุฒิ วุฒิภาวะการเป็นผู้นำสูง มีประสบการณ์ทางการเมืองตั้งแต่ปี 2531 จนถึงปัจจุบันก็ 34 ปีแล้ว เหมาะสมเป็นเป็นประธานสภา กทม.มากที่สุด

ส่วนนายชัยธวัช​ ตุลาธน​ เลขาธิการพรรคก้าวไกล​ (ก.ก.) กล่าวว่า ในวันที่​ 28-29 พ.ค. จะจัดเวิร์กช็อปเตรียมความของ ส.ก.พรรคในการทำงาน​ และวางแผนงานว่าจะผลักดันอะไรบ้างในสภา กทม. ส่วนเรื่องประธานสภา กทม.ยังไม่ได้มีการคุยกันในเรื่องนี้​ 

รายงานข่าวถึงความคืบหน้าในการสรรหาประธานสภา กทม.แจ้งว่า ขณะนี้ทั้งพรรคเพื่อไทยและก้าวไกลพยายามทาบทามว่าที่ ส.ก.ที่ได้คะแนนที่เหลืออยู่ทั้งว่าที่ ส.ก.พรรคประชาธิปัตย์ 9 เสียง,  กลุ่มรักษ์กรุงเทพ 3 เสียง, พรรคพลังประชารัฐ 2 เสียง และพรรคไทยสร้างไทย 2 เสียง เพื่อดันคนของกลุ่มตัวเองเข้าไปนั่งในประธานและรองประธานสภา กทม. เนื่องจาก ส.ก.หลายคนมีความสนิทสนมคุ้นเคยกัน ไม่มีความขัดแย้งรุนแรงเหมือนในสภาผู้แทนราษฎร ที่มีการแบ่งฝ่ายอย่างชัดเจนระหว่างขั้วฝ่ายค้านและรัฐบาล

วันเดียวกัน ยังคงมีผลพวงจากการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.และ ส.ก. โดยหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พล.อ.ประยุทธ์กล่าวทักทายสื่อมวลชนอย่างอามรณ์ดี พร้อมโบกมือทักทายและกล่าวชวนว่า “ไปช่วยกันทำ บ้านเมืองสำคัญ ให้มันสงบเรียบร้อยก็แล้วกัน”

มีรายงานจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า ในระหว่างนายกฯ ร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับรัฐมนตรีบางส่วน พล.อ.ประยุทธ์ได้กล่าวผลการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ที่นายชัชชาติชนะด้วยคะแนนล้นหลาม โดยหยิบยกนโยบายที่นายชัชชาติประกาศไว้มากกว่า 200 ข้อขึ้นมาปรารภว่า นโยบายที่นำเสนอมานั้นมีเป็นจำนวนมากแล้ว จะทำได้จริงมากน้อยแค่ไหน ซึ่งบางนโยบายก็ต้องใช้เวลาทำแบบค่อยเป็นค่อยไป ถ้าทำได้หมดอย่างนั้นจริงอำนาจก็ยิ่งกว่านายกฯ เสียอีก

ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวว่า ที่ประชุม ครม.ไม่ได้พูดถึงเรื่องการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ส่วนกรณีนายชัชชาติชนะด้วยคะแนน 1.3 ล้านเสียง ก็ไม่ขอตีความ ตีไม่ถูก ให้ผู้เชี่ยวชาญตีไปก่อน

โยนถามสื่อเรตติ้งนายกฯ

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงแนวทางการปรับตัวของพรรค พปชร. หลังได้ ส.ก.เพียง 2 ที่นั่งว่า จะไปรู้ได้ไง คุณบอกหน่อยสิ 

เมื่อถามว่า สำหรับเรตติ้ง พล.อ.ประยุทธ์ ไปได้อยู่ไหมสำหรับพลังประชารัฐ หัวหน้าพรรค พปชร.ย้อนกลับว่า ก็ต้องถามคุณ

นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ในฐานะผู้อำนวยการพรรค พปชร. กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าการเลือกตั้งท้องถิ่นเป็นอะไรที่มีความอึดอัดกับ ส.ส.กับรัฐมนตรี เพราะใช้พรรค พปชร.ลงสมัคร แต่เรากลับลงไปทำอะไรกับเขาไม่ได้ ลงไปช่วยหาเสียงไม่ได้ และต้องยอมรับว่าพรรคการเมืองที่ส่ง ส.ก.ก็ไม่มีใครได้เกิน 50% เพราะคะแนนของนายชัชชาติกระโดดไปคนเดียว ถ้าส่ง ส.ก. 50 เขต ก็คงได้ครบ 50 เขต รับรองคนอื่นไม่มีได้แน่นอน อย่าไปคิดว่าเป็นแลนด์สไลด์อะไรใหญ่โต แต่เลือกตั้งครั้งหน้าถึงจะได้รู้ว่าใครเป็นใคร

เมื่อถามถึงกรณีที่นายชัชาติอ้างถึงคะแนนนิยมว่ามากกว่านายกฯ ต้องมีการปรับอะไรหรือไม่ นายสุชาติกล่าวว่า เมื่อผลออกมาแล้วเขาก็พูดได้ ลองนายชัชชาติไปลงจังหวัดอื่นก็คงไม่ได้แบบนี้ ต้องยอมรับว่าเขาอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ และมีภาพลักษณ์ที่คนกรุงเทพฯ อยากพึ่งพาและพึ่งพิงในสิ่งที่หาเสียงไว้ และถ้าทำในสิ่งที่หาเสียงไว้ ครั้งหน้าอาจได้คะแนน 2 ล้านก็ได้ แต่หากทำไม่ได้คะแนนอาจเหลือ 2 แสนก็ได้ ดังนั้นอยู่ที่ว่าจะทำได้อย่างที่พูดหรือไม่

 “ผมยังเชื่อมั่นว่าพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ภาพลักษณ์ พล.อ.ประยุทธ์ยังดีกว่าหลายๆ คน ในความซื่อสัตย์สุจริต และการทำงานไม่ได้มีอะไรด่างพร้อย อาจถูกใจบ้างไม่ถูกใจบ้าง ก็ต้องยอมรับสถานการณ์ ถามว่าใครเคยมาเจอปัญหาแบบโควิดและวิกฤต 2-3 อย่างแบบนายกฯ บ้าง” นายสุชาติกล่าว

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลัง พปชร. กล่าวเช่นกันว่า จะไปพูดว่าเป็นแลนด์สไลด์คงไม่ถูก แต่ต้องยอมรับว่านายชัชชาติเป็นคนที่ประชาชนให้ความนิยมชมชอบ เป็นคนที่มีคุณสมบัติ คุณวุฒิ ที่เหมาะสมที่ชาว กทม.เลือก ส่วนที่ได้คะแนน 1.3 ล้านคะแนนแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลขาลงหรือไม่นั้น เรื่องท้องถิ่นไม่เกี่ยวกับรัฐบาล มันคนละเรื่องกัน และไม่เกี่ยวกับพรรคด้วย เพราะประชาชนเลือกที่นายชัชชาติคือนายชัชชาติ ไม่ใช่สังกัดพรรค

นายสมศักดิ์​ เทพสุทิน​ รมว.ยุติธรรม​ ในฐานะประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค พปชร. กล่าวว่า พปชร.ต้องปรับปรุงแนวทางให้ตรงกับความรู้สึกและความพึงพอใจของประชาชนและผู้ที่มีความรู้ เปลี่ยนจากสายศิลปะเป็นสายวิทยาศาสตร์มากขึ้น

เมื่อถามว่า ต้องปรับเพิ่มแคนดิเดตนายกฯ ของ พปชร.หรือไม่ นายสมศักดิ์หัวเราะพร้อมกล่าวว่า ยังไม่ถึงขนาดนั้น

ส่วนนายสันติ พร้อมพัฒน์​ รมช.การคลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค พปชร.กล่าวว่า นายกฯ ทำงานเพื่อประชาชน ซึ่งบางครั้งพวกเราก็ลืมไปว่านายกฯ ทำงานทุ่มเท กล้าตัดสินใจในหลายๆ เรื่องที่ทำให้สถานการณ์บ้านเมือง สถานการณ์เป็นอยู่พี่น้องประชาชนไม่ได้เลวร้ายลงไปกว่าทุกวันนี้ เรตติ้งของนายกฯ ยังดีอยู่ และมั่นใจว่าเมื่อวันที่ 1 มิ.ย.นี้ เมื่อเราเปิดประเทศแล้ว ไม่ใช่แค่นักท่องเที่ยวจะเข้ามาอย่างเดียว นักลงทุนต่างๆ ก็จะเข้าในบ้านเมืองของเรา ก็จะดีขึ้นอย่างรวดเร็ว

พรรคเศรษฐกิจไทยแตกเละ

นายสุชาติยังกล่าวถึงเสียงสนับสนุนของพรรคเล็กต่อรัฐบาลว่า เมื่อเขาสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ตั้งแต่วันแรก ก็ยังยืนยันว่าถึงคราวที่ต้องใช้เสียงสนับสนุนก็ไม่มีเหตุผลใดที่ไม่สนับสนุน วันนี้ยังเชื่อมั่นว่าเสียงรัฐบาลยังแน่นอยู่

ขณะเดียวกัน มีความเคลื่อนไหวที่พรรคเศรษฐกิจไทย (ศท.) เมื่อมีข่าวสะพัดว่า พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา หัวหน้าพรรค ศท.จะลาออก เนื่องจากมีแนวทางไม่ตรงกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา​ เลขาธิการพรรค เกี่ยวกับจุดยืนว่าจะหนุน-ไม่หนุน พล.อ.ประยุทธ์  โดย พล.อ.วิชญ์ยืนยันว่า ยังไม่ลาออก แต่ยอมรับว่าวันที่​ 23 พ.ค. ตัดสินใจลาออกแล้ว แต่หลายคนโทรศัพท์มาขอให้ตัดสินใจใหม่อีกครั้ง อยากให้อยู่ช่วยแก้ไขปัญหากันไปก่อน

“ผมและ ร.อ.ธรรมนัสมีความไม่เข้าใจกัน ต่างคนต่างทำ เลยคิดว่าไปด้วยกันลำบาก แต่สิ่งสำคัญถ้ารับฟังทั้งสองฝ่าย มันก็ไปได้ แต่นี่คือการรับฟังไม่มี ไปเชื่อบุคคลที่สามบ้าง ซึ่งผมไม่ได้สนิทกับ ร.อ.ธรรมนัส เพียงแต่ท่านเคยเป็นลูกน้องของ พล.อ.ไตรรงค์ อินทรทัต ที่เป็นเพื่อนอยู่ด้วยกัน เลยชวนมาอยู่กับ พล.อ.ประวิตร มาร่วมทำงานเพื่อบ้านเมือง” พล.อ.วิชญ์ระบุ

 ต่อมา นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและนายทะเบียนพรรค ศท.กล่าวว่า กรรมการบริหารพรรคจำนวน 15 คน ได้ยื่นหนังสือลาออกลงวันที่ 24 พ.ค.2565 ต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองและนำรายงานต่อ กกต.แล้วนั้น​ จะส่งผลให้มีการปรับโครงสร้าง กก.บห.ใหม่ โดยจะจัดประชุมภายใน 45 วัน

​มีรายงานว่า กก.บห.ที่ลาออกอยู่ในสาย ร.อ.ธรรมนัส ทำให้พรรคต้องจัดประชุมใหญ่ ซึ่งคาดว่าจะจัดในช่วงต้นเดือน​ มิ.ย.​ โดย​ ร.อ.ธรรมนัสจะขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรคเอง​

รายงานแจ้งอีกว่า ในการประชุม ครม.​ ได้มีการหารือวงเล็กที่มี​ พล.อ.ประยุทธ์ได้พูดถึงความขัดแย้งระหว่าง​ พล.อ.วิชญ์กับ ร.อ.ธรรมนัส​ ที่มีความคิดสวนทางกันตลอด​ โดยเฉพาะจุดยืนเรื่องการสนับสนุนนายกฯ​ รวมทั้งบทบาท​ของ​ พล.อ.วิชญ์ ที่ไม่ค่อยได้รับความสำคัญ​ทั้งที่เป็นหัวหน้าพรรค​ แต่กลายเป็น​ ร.อ.ธรรมนัสที่ดูเป็นผู้นำพรรคมากกว่าด้วย

ในช่วงเย็น พล.อ.วิชญ์ให้สัมภาษณ์อีกครั้งภายหลังกรรมการบริหารพรรค 15 คนยื่นหนังสือลาออกว่า "ขอลาออกจากหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย และขอกราบขออภัยพี่น้องประชาชน ลำพังผมคนเดียว ไม่อาจปกป้องความสุขของประชาชนได้ตามที่ผมคิดหวังและตั้งใจ โดยเฉพาะจุดที่ผมยืนอยู่นั้น ทำตามสิ่งที่ตั้งใจได้ยากลำบากในความคิดเห็นของผม ควรปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามระบอบประชาธิปไตยที่ทำงานร่วมกัน ทุกฝ่ายไร้ขัดแย้ง ไร้แบ่งแยกให้ประชาชนตัดสินใจร่วมกัน ผมขอขอบพระคุณท่านสมาชิกพรรคฝ่ายที่สนับสนุนและให้กำลังใจผมมาตลอด".

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘เนวิน’รวมใจชาวบุรีรัมย์ จัดมิวสิคัลเทิดพระเกียรติ

“เนวิน” รวมใจชาวบุรีรัมย์ จัดเทิดพระเกียรติ 72 พรรษา แสดง แสง สี เสียง มิวสิคัล “ลมหายใจของแผ่นดิน” โดยบุรีรัมย์ออร์เคสตรา แสดงความจงรักภักดี 28-30 ก.ค.2567 สนามช้างอารีนา บุรีรัมย์

นายใหญ่เมินห่วงปมเศรษฐา

“ทักษิณ” ไม่ห่วง “เศรษฐา”  ปมศาล รธน. มั่นใจพา พท.กลับมาผงาดได้ ไม่ขอแตะ “ลุงตู่” หลังมีกระแสคิดถึง