"อัจฉริยะ” ยื่นหนังสือ กมธ.วุฒิสภา ประสาน รมว.ยุติธรรม-ดีเอสไอ ขอสอบคราบเลือดบนเรือ ยัน "แตงโม" ถูกทำร้าย จ่อเปิดคลิปตอกย้ำ ตร.แถลงเมื่อ 26 เม.ย.เป็นเฟกนิวส์ ใช้ "นิติไสยศาสตร์" ซัด "เดชา" ไม่ทำหน้าที่ทนายที่ดี ลั่นไม่ให้ราคา "บังแจ๊ก" เชื่อเจ้าหน้าที่รัฐเปิดโปงข้อเท็จจริงผ่านเฟซบุ๊ก ขณะที่ "หมอพรทิพย์” ยันคราบเลือดผ่านไปนานเท่าไหร่ก็ยังมี ย้ำแผลก้างปลาบ่งบอกจุดตกหน้าหัวเรือ
ที่รัฐสภา วันที่ 23 พฤษภาคม นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เข้ายื่นหนังสือต่อนายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) สิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา เพื่อขอให้ช่วยประสานนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม หรือ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ไปตรวจคราบเลือดเรือลำที่เกิดเหตุใหม่อีกครั้ง
นายอัจฉริยะกล่าวว่า มีหลักฐานสำคัญที่เชื่อว่าถ้าตรวจสอบใหม่อีกครั้งจะพบคราบเลือดของ น.ส.นิดา พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม เมื่อวันที่ 22 พ.ค. นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความของนางภนิดา ศิระยุทธโยธิน แม่แตงโม ให้สัมภาษณ์ว่าเขากับคุณแม่มีหลักฐานมาแล้วว่าแตงโมถูกทำร้ายร่างกายบนเรือ ในฐานะทนายความเมื่อทราบแล้ว ถามว่าทำไมไม่คุยกับตำรวจว่าคดีนี้ไม่ใช่การประมาท แต่เป็นคดีที่มีการทำร้ายร่างกายกัน และมีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อน ทำไมถึงไม่ทำหน้าที่ทนายความที่ดี ทำไมต้องให้ตนมาเปิด ส่วนเรื่องคลิปคาดว่าพรุ่งนี้น่าจะมีการเปิดเผยออกมาบ้าง โดยใช้หัวข้อว่าไป 6 กลับ 5 ซึ่งสิ่งที่เรากำลังจะเปิดกับตำรวจมันคนละเรื่องเลย
เมื่อถามว่า คลิปที่จะเปิดนั้นบอกได้เลยหรือไม่ว่าเป็นการฆาตกรรมอำพราง นายอัจฉริยะกล่าวว่า ตนเอาแค่ว่าไป 6 กลับ 5 และช่วงเวลาที่ตกเรือก็ไม่ใช่เวลาที่ตำรวจพูด แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว อย่างน้อยก็ทำให้ตำรวจที่มาแถลงข่าวเมื่อวันที่ 26 เม.ย.เป็นเฟกนิวส์ทั้งนั้น ไม่ได้เกิดจากเรื่องจริง แต่เป็นเรื่องมโน โดยใช้นิติไสยศาสตร์ ไม่ใช่นิติวิทยาศาสตร์ เรามีหน้าที่พิสูจน์ความจริงว่าสิ่งที่คนบนเรือพูดไม่มีความน่าเชื่อถือ และเป็นเรื่องของการให้การเท็จต่อเจ้าพนักงาน เราจะพิสูจน์ให้เห็นว่าเมื่อคน 1 ใน 5 จะพูดออกมาแล้ว ส่วนถ้าดีเอสไอไม่รับตรวจเรือแล้วคุณจะมาสอบเราทำไม ถ้าเขาจริงใจต้องไปทำ ถ้าเขาไม่จริงใจรับคดีเรา ถ้าเขาไม่ทำ 99.9% แสดงว่าอธิบดีดีเอสไอเกรงใจตำรวจ
เมื่อถามถึงกรณีที่มีภาพแตงโมเปิดเผยในเฟซบุ๊กช่วงที่ผ่านมา นายอัจฉริยะกล่าวว่า ภาพล่าสุดที่ถูกทำร้ายเป็นภาพเก่าไม่ใช่ภาพวันเกิดเหตุ ส่วนที่มีการเชื่อมโยงว่าตนเกี่ยวข้องกับบังแจ๊กนั้น ทนายตั้มเลอะเทอะ ที่จะมีแอกเคาต์ต้องถามคุณแม่ ซึ่งคุณแม่บอกว่ามี 3 คน ไม่เกี่ยวกับตนอยู่แล้ว ตนยังไม่เคยเจอและพูดคุยกับคุณแม่เลย แล้วเขาจะเอาแอกเคาต์มาให้ตนได้อย่างไร บังแจ๊กไม่มีราคาสำหรับตน และเป็น 18 มงกุฎ จะไปคบคนแบบนั้นได้อย่างไร เชื่อว่าคนที่เปิดโปงเรื่องนี้เป็นคนดี แต่ไม่ใช่บังแจ๊ก เป็นคนดีที่อยู่ในประเทศไทย เปิดเผยในประเทศไทย ไม่เชื่อว่า 3 คนเป็นคนปล่อยภาพ แต่ตนมั่นใจที่สุดว่าคือคนในวงการเจ้าหน้าที่รัฐ
เมื่อถามว่า อีกไม่กี่วันอัยการจะสรุปสำนวนอีกครั้ง นายอัจฉริยะกล่าวว่า เขายังไม่สั่งฟ้องในวันที่ 27 พ.ค. ตามที่นายเดชาพูด เพราะเขาต้องทำให้ละเอียดรอบคอบ ถ้าเกิดอีก 2 วันมีภาพออกมาว่ามีการทำร้ายร่างกาย แล้วจะบอกว่าเป็นการประมาทได้อย่างไร โดยอัยการยังมีเวลาอีก 24 วัน หากจะส่งฟ้องวันสุดท้ายก็ยังทัน ดังนั้นไม่ต้องรีบ
ด้านนายสมชาย แสวงการ กล่าวว่า ตนจะนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่ระบบวุฒิสภา เพื่อลงเลขรับว่ามีการยื่นเรื่องซ้ำซ้อนหรือไม่ และจะพิจารณาในการประชุมครั้งถัดไป ส่วนการดำเนินการมากน้อยเพียงใดนั้น กมธ.จะยึดตามหลักกฎหมาย หน้าที่ของ กมธ.และรัฐธรรมนูญ รวมถึงยึดหลักความถูกต้องเป็นธรรม
พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ส.ว. ในฐานะ กมธ.สิทธิมนุษยชนฯ ให้สัมภาษณ์ภายหลังรับหนังสือจากนายอัจฉริยะว่า สถานการณ์ในขณะนี้ยังมองว่าไม่ได้บานปลาย เป็นสิ่งที่อยู่ภายใต้ภูเขาน้ำแข็ง เป็นปัญหาที่หมักหมมมานาน ไม่มีใครกล้าที่จะทำ หากมีใครกล้าทำจะถูกคุ้ยแคะสารพัด เพราะก่อนนายอัจฉริยะตนก็ได้ทำมาแล้ว แต่ในบทบาทของ ส.ว.เราทำไม่ได้ ดังนั้น เราจึงแยกกันทำหน้าที่ แต่มีวัตถุประสงค์เดียวกัน คือ ประชาชนได้รับความยุติธรรม และกระบวนการยุติธรรมความโปร่งใส พญ.คุณหญิงพรทิพย์กล่าวอีกว่า ในส่วนของคราบเลือดนั้นเป็นในส่วนของวิทยาศาสตร์ ซึ่งสามารถตรวจหาได้แม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานขนาดไหนหากมีอยู่จริง ตนได้เห็นแผลถลอกก้างปลา เราบอกได้ว่าสิ่งนี้ที่จะนำไปสู่กุญแจตัวหนึ่ง นั่นแปลว่าไม่ใช่มนุษย์ทำ สิ่งที่เป็นไปได้คือ ถูกใบพัดเรือ และใบพัดที่จะพัดตรงขนาดนี้กระแสน้ำต้องพาร่างตรงๆ ผ่านใบพัด และอีกส่วนหนึ่งที่แผลไม่ลึกนั้นเพราะฟินเรือบัง จึงกดร่างไม่ให้โดนใบพัดไม่ให้บาดลึก ส่วนความสนใจในแผลก้างปลานั้น เพราะเป็นแผลวิทยาศาตร์ที่บอกจุดตก ผู้เชี่ยวชาญด้านเรือและอื่นๆ ยืนยันตรงกันหมดว่าจุดตกคือหัวเรือ เมื่อจุดตกไม่ตรงกับคำให้การ เราต้องฟังวิทยาศาสตร์
ขณะที่ พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) กล่าวว่า สืบเนื่องจากที่ประชาชนให้ความสนใจ กรณีมีบุคคลได้เข้าถึงบัญชีเฟซบุ๊กชื่อ “Happy Melon Patcharaveerapong" ซึ่งเป็นเฟซบุ๊กของ น.ส.นิดา พัชรวีระพงษ์ แล้วทำการเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ ถ้าเป็นการเข้าถึงข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยมิชอบ อาจเข้าข่ายเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากมีการเข้าไปแก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมข้อมูล อาจเข้าข่ายเป็นความผิดตาม ม.9 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนกรณีเผยแพร่ข้อมูลที่มีลักษณะเป็นการใส่ความผู้อื่นและเผยแพร่ต่อสาธารณะ ทำให้ผู้อื่นเสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง จะเข้าข่ายเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ตาม ป.วิ.อาญา ม.328 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี และปรับไม่เกิน 200,000 บาท เป็นต้น.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แฉระบบเด็กฝาก ทำลายองค์กรตร. ดับฝัน‘ดาวฤกษ์’
เช็ก 41 รายชื่อแต่งตั้งนายพลสีกากี ระดับรอง ผบ.ตร.-ผบช.
ยธ.เมินแจงกมธ. ปมนักโทษเทวดา รพ.ตำรวจชั้น14
ชั้น 14 น่าพิศวง "โรม" กวักมือเรียก “ทักษิณ” ไปสภา เข้าแจง กมธ.มั่นคงฯ
แจกเฟส2เอื้อเลือกอบจ. เตือนร้องถอดถอนครม.
นายกฯ โชว์วิชั่น Forbes ยันไทยสงบ สันติ หวังแม้รัฐบาลเปลี่ยน
ฟ้อง9บิ๊กมท.ทุจริตที่เขากระโดง
เรื่องถึงศาล "ณฐพร" ฟ้องกราวรูด "บิ๊ก ขรก.มหาดไทย"
ลุ้นศาลรับคดีล้มล้าง ตุลาการถก6ประเด็น‘ทักษิณ-พท.’/ดันแก้ประชามติไม่รอ180วัน
"ทักษิณ-พท." ระทึก! 9 ตุลาการศาล รธน.ยืนยันนัดประชุมวาระพิเศษ 22 พ.ย.นี้
สั่งประหารชีวิต ‘แอม ไซยาไนด์’ คุกผัวเก่า-ทนาย
ศาลพิพากษาประหารชีวิต "แอม ไซยาไนด์" วางยาฆ่าก้อย พร้อมชดใช้ 2.3 ล้าน