ประธานวิปรัฐบาลย้อนจุดเริ่มต้นรัฐประหาร "บิ๊กตู่" ไม่ได้อยากเข้ามา แต่เกิดม็อบจนประเทศย่ำแย่ ปชช.จึงเรียกร้องเข้ามารักษาความสงบ "สาทิตย์" โต้ "ยิ่งลักษณ์" บิดเบือน ซัดออกนิรโทษกรรมกลุ่มติดอาวุธที่ยิง ปชช.มือเปล่าระบอบทักษิณสร้างเงื่อนไขรัฐประหาร "เทพไท" เย้ย 8 ปีความสงบจบที่ "ลุงตู่" ไม่มีอยู่จริง อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงแฉแกนนำให้นำมวลชนไปปะทะกับ กปปส. ขอบคุณทหารที่ยึดอำนาจ มิเช่นนั้นคนไทยจะฆ่ากันเอง
เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม ซึ่งเป็นวันครบรอบ 8 ปีการรัฐประหารโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และประธานคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วิปรัฐบาล) ให้สัมภาษณ์ว่า ในตอนนั้นนักการเมืองและประชาชนเกิดความไม่เข้าใจกันมาก จนมาสู่การลงท้องถนน มีการชุมนุมกันในพื้นที่ชั้นในของกรุงเทพฯ พื้นที่เศรษฐกิจ ตามหัวเมืองต่างๆ ร่วมปี ซึ่งในที่สุดเกิดการฆ่ากันตาย มีการยิงระเบิด เผาสถานที่ต่างๆ จนเป็นข่าว ต้องเข้าใจว่าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ก่อนที่ทหารจะเข้ามา และหน้าที่การรักษาความสงบภายในประเทศเป็นของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ฟังก์ชันกับงานตรงนี้ก็ทำอะไรไม่ได้ บ้านเมืองเกิดความเสียหายและประชาชนเดือดร้อน
"ในช่วงเวลาดังกล่าวมีเสียงเรียกร้องว่าประเทศแย่แล้ว เป็นข่าวไปทั่วโลก ต่างชาติก็ไม่ไว้วางใจที่จะเข้ามาลงทุน เมื่อประชาชนส่วนใหญ่เรียกร้อง และทหารที่ไม่ได้มีหน้าที่รักษาความสงบในประเทศก็ตัดสินใจเข้ามา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ทำรัฐประหาร ก็ให้สัมภาษณ์ว่าไม่อยากเข้ามา แต่เข้ามาและทำให้บ้านเมืองสงบอย่างรวดเร็ว เราต้องเข้าใจมองย้อนหลังไปว่าเกิดอะไรขึ้น การที่มีการรัฐประหารเกิดจากฝ่ายการเมืองและประชาชนไม่เข้าใจกัน และออกมาจนสร้างความเดือดร้อน และประชาชนส่วนใหญ่เรียกร้องให้เข้ามาแล้วยินดีโห่ร้อง ทั้งมอบดอกไม้และพวงมาลัย มีการร่างรัฐธรรมนูญมาเพื่อให้โอกาสรัฏฐาธิปัตย์เข้ามาบริหารประเทศ มีการตั้งพรรคการเมือง แล้วจะค่อยผ่อนคลาย ส.ว.อีกไม่นานก็หมดวาระ เราควรให้ประเทศเดินหน้าต่อไป ไม่ใช่พวกที่พูดอยากกลับเข้ามาแสวงหาอำนาจ" นายนิโรธกล่าว
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ แกนนำ กปปส.ขับไล่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และคัดค้านการนิรโทษสุดซอยให้กับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ กล่าวว่า ที่คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กว่าเป็นการขับไล่รัฐบาลผ่านการชัตดาวน์กรุงเทพฯ ซึ่งถือว่าเป็นคำพูดที่บิดเบือน เหตุผลของการลุกขึ้นมาต่อสู้ของประชาชนกับการรัฐประหารเป็นคนละเรื่องกัน การลุกขึ้นมาสู้ของมวลมหาประชาชนคือสู้กับกฎหมายนิรโทษกรรมล้างผิดคนโกง ไม่ต้องการเห็นการล้างผิดให้คนโกงออกมาต่อสู้ด้วยสติ ยืนยันได้ว่าเป็นการต่อสู้ที่ถูกต้อง แต่ขบวนการการต่อสู้ 204 วัน มันมีกลุ่มคนชั่ว กลุ่มคนเสื้อดำ และโยงไปกลุ่มคนเสื้อแดงบางส่วนออกมาใช้อาวุธเข่นฆ่าประชาชนผู้ชุมนุม โดยใช้ M79 ใช้ระเบิด ใช้ปืน จนเป็นเหตุให้เด็กต้องเสียชีวิตที่ราชดำเนิน มีคนเสียชีวิต มีคนบาดเจ็บกว่า 1,000 คน นี่เป็นข้อเท็จจริงที่บิดเบือนไม่ได้
"การรัฐประหารถูกบิดเบือนว่ากลุ่มผู้ชุมนุมไปกวักมือเรียก ซึ่งความจริงแล้วมันไม่ใช่ คนที่กวักมือเรียกทหารเข้ามาปฏิวัติคือกลุ่มติดอาวุธที่ไปยิงไปเข่นฆ่าประชาชนซึ่งมาต่อสู้ด้วยมือเปล่า ที่เป็นคนสร้างเงื่อนไขให้ทหารเข้ามาปฏิวัติได้ ส่วนคนที่ออกมาเที่ยวขอโทษว่าเคยชุมนุมเป็นคนดัดจริต เพราะตอนที่คุณออกไปต่อสู้คุณต้องไปด้วยสติสามัญสำนึกว่าคุณทำเพื่ออะไร อย่าลืมว่าหลังรัฐประหารไม่ใช่รัฐประหารล้วนๆ มีโควิดเข้ามาด้วย ก็ยอมรับว่าเศรษฐกิจมีปัญหาจริง ซึ่งหลายเรื่องก็ไม่ตรงจุด แต่จะไปโทษรัฐประหารทั้งหมดเสมือนว่ารัฐประหารเป็นคนทำ ต้องคิดกลับไปด้วยว่าเงื่อนไขออกกฎนิรโทษกรรมคือใคร คุณยิ่งลักษณ์ก็มีส่วน คุณทักษิณก็มีส่วน คนเสื้อแดงก็มีส่วน พรรคเพื่อไทยก็มีส่วน อย่าชี้หน้าโทษแต่คนอื่น แต่ไม่เคยมองตัวเอง วันนั้นผมไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์รัฐประหาร คิดว่าหากมีคนออกมาหลายๆ คนรัฐบาลคงจะยอมลาออกไป" นายสาทิตย์กล่าว
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กว่า การรัฐประหารของเมื่อปี 2549 และปี 2557 นับว่าเป็นความเสียของทั้ง 2 ครั้ง และไม่คุ้มค่าต่อการสูญเสียประชาธิปไตยของประเทศ ตลอดระยะเวลา 8 ปี เกิดสภาพความล้มเหลวในหลายๆ ด้าน ในด้านความสงบเรียบร้อยของประเทศ ที่เคยประกาศว่าต้องการความสงบจบที่ลุงตู่ ก็ไม่เป็นจริงตามที่ประกาศไว้ ความขัดแย้งทางการเมืองยังคงอยู่ และเป็นยุคที่มีสถาบันเบื้องสูงถูกนำมาเคลื่อนไหวทางการเมืองมากที่สุด
นายภราดร ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง โฆษกพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงกรณีครบรอบ 8 ปีรัฐประหารว่า เป็นบทเรียนให้สังคมไทยว่าการแก้ปัญหาทางการเมืองโดยการรัฐประหารไม่ใช่คำตอบ แม้อาจจะแก้ไขปัญหาได้ แต่ก็แค่ชั่วคราว เฉพาะหน้า แต่หลังจากความสงบแบบชั่วคราวที่เกิดขึ้นโดยการรัฐประหาร เราจะเห็นว่ามันเกิดปัญหามากมายขึ้นในสังคม ตอนนี้สังคมได้เรียนรู้มากขึ้นพอสมควร ผลของการรัฐประหารนั้นทำให้บ้านเมืองบอบซ้ำและถอยหลังไปหลายสิบปีอย่างไรบ้าง สังคมต้องแสดงออกให้ชัดเจนว่าปัญหาทางการเมืองต้องใช้การเมืองแก้ไข และการรัฐประหารไม่ใช่ทางออก
ขณะที่นางนิตยา นาโล หรือ “นักสู้ปอสี่” อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงภาคอีสาน และนายสมชัย แสงทอง อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงภาคเหนือ ได้ประสานมือกันผนึกกำลังขอบคุณรัฐประหาร 2557 ทหารออกเพื่อยุติความขัดแย้งของประชาชนคนไทย ไม่ว่าจะเป็น คนเสื้อแดงและกลุ่ม กปปส. โดยนางนิตยากล่าวว่า วันนั้นก่อนการรัฐประหาร แกนนำอยู่บนเวทีได้ประชุมหารือกัน และต้องการให้มวลชนเคลื่อนขบวนออกจากถนนอักษะ ในวันที่ 23-24 พ.ค.2557 เพื่อไปปะทะกับกลุ่ม กปปส. หรือคนเสื้อเหลือง จึงได้ปรึกษากันว่าพวกเราจะค่อยๆ ออกจากม็อบ แล้วไปเช่าบ้าน เช่าอยู่ใกล้ๆ แถวนี้ แต่สุดท้ายทางทหารรัฐประหาร พวกตนต่างพากันยกมือขึ้นศีรษะ แล้วกราบขอบคุณพระรัตนตรัยว่าสาธุที่มีการรัฐประหาร ขอบคุณทหาร มิเช่นนั้นเพื่อนพ้องน้องพี่ของพวกเราตายและบาดเจ็บกันเป็นจำนวนมาก ประชาชนคนไทยจะเข่นฆ่ากันเองเหมือนกับประเทศเพื่อนบ้าน
ด้านนายสมชัย แสงทอง กล่าวว่า จากปี พ.ศ.2535-2557 มีรัฐประหารถึง 3 ครั้ง ก็เพราะว่านักการเมืองฉ้อราษฎร์บังหลวง โกงกิน บ้านเมือง ทำให้เศรษฐกิจย่ำแย่ประชาชนได้รับความเดือดร้อน ทหารที่ดูแลประชาชนก็จำเป็นต้องออกมาทำการรัฐประหารยึดอำนาจ ทุกวันนี้คนภาคเหนือตาสว่างแล้ว จะไม่ขอไปทำร้ายประเทศไทยอีกต่อไป ที่มีการออกมาก่อม็อบกันทุกๆ วัน และจำนวนผู้ร่วมชุมนุมน้อยลง เพราะว่าประชาชนเขาตาสว่าง
ที่บริเวณลานด้านหน้าอนุสาวรีย์จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ซึ่งตั้งอยู่ภายในสวนรัชดานุสรณ์ ตรงข้ามศาลากลาง จ.ขอนแก่น กลุ่มคนเสื้อแดงขอนแก่น พร้อมด้วยกลุ่มขอนแก่นพอกันที, กลุ่มราษฎรขอนแก่น, กลุ่มทะลุ มข., กลุ่มดาวดิน, กลุ่มแนวร่วมคนเสื้อแดง และภาคีเครือข่ายนักเรียนเคเคซีขอนแก่น ได้กำหนดจัดกิจกรรมต่อต้านรัฐประหาร ด้วยการเดินวนรอบอนุสาวรีย์ 3 รอบ จากนั้นร่วมอ่านแถลงการณ์ประณามการทำรัฐประหารของ คสช. ว่าเป็นกบฏต่อประชาชน ตลอด 8 ปี บริหารประเทศที่ล้มเหลวทุกด้าน
นายอนุสรณ์ ธรรมใจ กรรมการวิทยาลัยนานาชาติปรีดี พนมยงค์ ม.ธรรมศาสตร์ กล่าวว่า การครบรอบ 8 ปีของการรัฐประหารครั้งล่าสุด พร้อมการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.และสมาชิก กทม.ในรอบ 9 ปีในวันนี้ของไทย สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่ารัฐประหารไม่ใช่ทางออกของการแก้ปัญหาวิกฤตการณ์ใดๆ และไม่ได้ทำให้สถานการณ์ต่างๆ พัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืนในระยะยาว การยึดมั่นในหลักการปกครองโดยกฎหมาย การดำเนินการตามครรลองของระบอบประชาธิปไตย และใช้กลไกรัฐสภาแก้ปัญหาวิกฤตต่างหากคือทางออกที่แท้จริงของประเทศ นำมาสู่ความมีเสถียรภาพของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ชูศักดิ์ยอมนิกร พรบ.ประชามติ ไม่ใช่กม.การเงิน
“ชูศักดิ์” ลั่นเพื่อไทยเอาแน่ ค้าความปิดปากเอาคืน “ธีรยุทธ” แต่ไม่รู้เมื่อไหร่
ไฟเขียวไร่ละ1พัน10ไร่ ตรึงค่าไฟฟ้าราคาน้ำมัน
ชาวนาเฮ! นบข.ไฟเขียวช่วยไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 10 ไร่ จ่อชงเข้า ครม.สัญจรเชียงใหม่ 29 พ.ย.นี้
อวยทักษิณชนะนายกอบจ.
"ภูมิธรรม" โว พท.ชนะนายก อบจ.อุดรฯ เป็นเรื่องธรรมดา เหตุ ปชช.ยังรัก “ทักษิณ” ชอบผลงานที่ทำมา
กรมที่ดินท้ารฟท.พิสูจน์เขากระโดง
กรมที่ดินยืนยัน ไม่เพิกถอนโฉนดเขากระโดง ยึดตาม กก.สอบสวน มาตรา 61
ตร.เชียงรายรวบ‘สามารถ’ ‘เมีย-ลูก’หมอบุญนอนคุก
"ผบ.ตร." นั่งไม่ติดตั้ง "พล.ต.อ.ธนา" คุมสอบสวนคดี "หมอบุญ"
ม็อบเสื้อเหลืองคืนชีพ ‘สนธิ’นัดบุกทำเนียบฯ2ธค. ‘อ้วน’หวั่นซํ้ารอยปิดเมือง
"ภูมิธรรม" ไม่กังวล "สนธิ" ปลุกม็อบลงถนน เป็นสิทธิตาม รธน.