ติดเชื้อใหม่ลดลง บิ๊กกรมคุกยืนยัน พ้นโทษไม่กักตัว

ศบค.รายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่ 6.7 พันราย เสียชีวิต 54 คน "บิ๊กตู่" ขอประชาชนทุกคนร่วมมือปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการติดเชื้อโควิดแบบครอบจักรวาล "สมศักดิ์" เผยอธิบดีกรมราชทัณฑ์รายงานไม่มีนโยบายกักตัว 15-21 วัน เมื่อผู้ต้องขังพ้นโทษ

เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2565 ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) รายงานสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทยว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 6,736 ราย  ติดเชื้อในประเทศ 6,721 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 6,702 ราย, มาจากการค้นหาเชิงรุกในชุมชน 19 ราย, มาจากเรือนจำ 13 ราย เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 2 ราย หายป่วยเพิ่มขึ้น 9,213 ราย อยู่ระหว่างรักษา 73,333 ราย อาการหนัก 1,276 ราย ใส่เครื่องช่วยหายใจ 622 ราย

เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 54 ราย เป็นชาย 31 ราย หญิง 23 ราย อายุ 60 ปีขึ้นไป 43 ราย มีโรคเรื้อรัง 8 ราย ไม่มีประวัติโรคเรื้อรัง 3 ราย ขณะนี้มียอดผู้ติดเชื้อสะสมยืนยันตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 4,367,752 ราย มียอดหายป่วยสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 4,264,998 ราย มียอดผู้เสียชีวิตสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 29,421 ราย

ส่วนยอดฉีดวัคซีนวันที่ 13 พ.ค. 231,971 โดส ยอดฉีดสะสมตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.64 จำนวน 135,523,321 โดส ขณะที่สถานการณ์โลกมีผู้ติดเชื้อสะสม 520,365,421 ราย ผู้เสียชีวิตสะสม 6,286,692 ราย

สำหรับ 10 จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุด ได้แก่ กทม. 2,261 ราย, ขอนแก่น 257 ราย, บุรีรัมย์ 211 ราย, ชลบุรี 208 ราย, สมุทรปราการ 184 ราย,  อุบลราชธานี 171 ราย, นนทบุรี 134 ราย,  สุรินทร์ 129 ราย, นครราชสีมา 125 ราย และมหาสารคาม 122 ราย

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ย้ำว่าแม้สถานการณ์โควิด-19 ในประเทศจะดีขึ้นต่อเนื่อง จำนวนผู้ติดเชื้ออยู่ในระดับควบคุม นับเป็นสัญญาณที่ดีที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เดินหน้าต่อไปได้ แต่ก็ยังต้องขอให้ประชาชนทุกคนร่วมมือปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการติดเชื้อโควิดแบบครอบจักรวาล (Universal Prevention) และมาตรการ COVID Free Setting รวมทั้งการรีบเข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้น เพื่อให้สามารถใช้ชีวิตร่วมกับโรคโควิด-19 ได้อย่างปลอดภัย กระทรวงสาธารณสุขคาดสถานการณ์โควิด-19 ในไทยจะเข้าสู่ระยะโรคลดลง (Declining) ในช่วงปลายเดือน พ.ค.-มิ.ย.2565 โดยจะมีการผ่อนคลายมาตรการควบคุมและป้องกันโรคโควิด-19 มากขึ้น และเตรียมปรับลดระดับการเตือนภัยโควิด-19 เป็นระดับ 2 ในอนาคต เมื่อจำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศลดลงตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า ได้รับเรื่องร้องเรียนมาว่า เมื่อผู้ต้องขังพ้นโทษในเรือนจำแล้วยังต้องถูกกักตัว 15-21 วัน เพื่อตรวจหาเชื้อโควิด-19 ซึ่งเรื่องนี้ตนได้กำชับกรมราชทัณฑ์ไปแล้วว่าเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เพราะต้องมีการตรวจหาเชื้อโควิดก่อนพ้นโทษ และเมื่อเขาพ้นโทษก็ต้องปล่อยตัวได้ทันที โดยอย่าพยายามกักกันเขาเพิ่ม     เรื่องนี้ทางอธิบดีกรมราชทัณฑ์ได้รายงานกลับมาแล้วว่าไม่มีนโยบายกักตัว 15-21 วันเมื่อผู้ต้องขังพ้นโทษ ตนจึงได้ให้ปฏิบัติตามแนวทางนี้ทั้งหมด โดยไม่มีการกักตัวเมื่อพ้นโทษ เพราะทางเรือนจำจะทราบอยู่แล้วว่าใครจะพ้นโทษบ้าง ก็แค่แยกออกมากักตัวก่อนล่วงหน้า เมื่อถึงกำหนดเขาก็จะได้รับการปล่อยตัวตามสิทธิ

"การร้องเรียนเรื่องนี้ ผมไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก เพราะกระทรวงยุติธรรมไม่มีนโยบายแบบนี้ ดังนั้นขอให้ผู้บัญชาการเรือนจำทั่วประเทศเข้มงวดกับเรื่องนี้ด้วย เพราะผู้ต้องขังควรได้รับอิสรภาพทันที เมื่อพ้นโทษต้องขัง เราไม่มีสิทธิ์กักตัวเขาต่อ ผมขอให้ทางญาติผู้ต้องขัง สบายใจได้ ไม่ต้องเป็นห่วงในเรื่องนี้ และหากพบมีเรือนจำใดกระทำ ก็ขอให้ร้องเรียนมายังผมได้ตลอด ผมจะลงโทษอย่างหนัก" รมว.ยุติธรรมกล่าว.

              

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘หมอธีระ’ ข้องใจตัวเลขโควิด สัปดาห์ก่อนพุ่งอาทิตย์นี้ลดฮวบ ไม่ใช่เรื่องปกติ

สัปดาห์ก่อน ตัวเลขนอนรพ.พุ่งขึ้นกว่าสัปดาห์ก่อนหน้านั้นถึง 78% แต่สัปดาห์ล่าสุดนี้ ลดลงฮวบฮาบจากสัปดาห์ก่อนถึง 57.7% ส่วนตัวคิดว่าเป็นปรากฏการณ์ที่ควรต้อง explore