สธ.ชงเปิดหมด ห้ามเฉพาะ608 นายกฯห่วงเด็ก

สถานการณ์โควิดดีขึ้นเรื่อย พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 7,779 ราย เสียชีวิต 56 ราย “สธ.” เตรียมชง ศบค.ปรับลดเกณฑ์เตือนภัยเหลือระดับ 2 สถานบันเทิงผับ-บาร์กลับมาเปิดได้หมด  เว้นกลุ่ม 608 งดร่วมกิจกรรมรวมกลุ่ม ออกนอกประเทศต้องกักตัว “บิ๊กตู่” ห่วง นร.เปิดเทอม สั่งโรงเรียนมีมาตรการดูแล ขนส่งสาธารณะทุกประเภทเข้มงวดตามมาตรการสาธารณสุข

เมื่อวันที่ 13 พ.ค. ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศไทย พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 7,779 ราย ติดเชื้อในประเทศ 7,761 ราย จากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 7,731 ราย ค้นหาเชิงรุก 30 ราย เรือนจำ 16 ราย เดินทางมาจากต่างประเทศ 2 ราย หายป่วยเพิ่ม 9,286 ราย อยู่ระหว่างรักษา 75,864 ราย อาการหนัก 1,277 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 644 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 56 ราย เป็นชาย 33 ราย หญิง 23 ราย ผู้เสียชีวิตที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป 43 ราย มีโรคเรื้อรัง 10 ราย ไม่มีโรคเรื้อรัง 3 ราย ยอดผู้ติดเชื้อสะสม 4,361,016 ราย ยอดหายป่วยสะสม 4,255,785 ราย ยอดผู้เสียชีวิตสะสม 29,367 ราย

สำหรับ 10 จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด ได้แก่ กทม. 2,643 ราย, ขอนแก่น 292 ราย, สุรินทร์ 280 ราย, ชลบุรี 235 ราย,  บุรีรัมย์ 219 ราย, ร้อยเอ็ด 216 ราย, อุบลราชธานี 206 ราย, สมุทรปราการ 195 ราย, นนทบุรี 150 ราย และฉะเชิงเทรา 138 ราย

 นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงแนวโน้มการเตรียมประกาศลดระดับการเตือนภัยสุขภาพกรณีโรคโควิด-19 จากระดับ 3 เป็น ระดับ 2 ว่าในการประกาศเตือนภัยสุขภาพเหลือระดับ 2 จะพิจารณาสิ่งที่ห้ามทำ และไม่ห้ามทำ โดยจะสอดคล้องกับมาตรการในภาพรวมที่ต้องเสนอต่อที่ประชุม ศบค. ซึ่งจะทันในวันที่ 20 พ.ค.นี้หรือไม่ อยู่ระหว่างการหารือกับกรมควบคุมโรค

นพ.เกียรติภูมิกล่าวว่า สำหรับการดูแลรักษาอาการลองโควิดในผู้ที่เคยติดเชื้อโควิด-19 และหายแล้วนั้น สายพันธุ์โอมิครอนพบอาการลองโควิดมีไม่มาก ซึ่ง สธ.ได้เตรียมการดูแลไว้แล้ว แต่จะเป็นลักษณะคลินิกเฉพาะหรือไม่นั้น จะต้องหารือกับกรมการแพทย์ เพื่อศึกษาว่าอาการลองโควิดจะเป็นนานหรือไม่ หรือมีอาการมากกว่าปกติอย่างไร เพราะหากส่วนใหญ่มีอาการป่วยที่ไม่มาก ก็สามารถใช้คลินิกปกติดูแลให้บริการได้

“อาการลองโควิดส่วนใหญ่ไม่ถึงกับป่วยหนัก ประชาชนสามารถสังเกตอาการเพื่อดูแลตัวเองได้ ซึ่งหากพบว่ามีอาการลองโควิด ก็สามารถติดต่อไปที่โรงพยาบาล (รพ.) ตามสิทธิ เพื่อรักษาโดยไม่มีค่าใช้จ่าย" นพ.เกียรติภูมิกล่าว

ถามว่า การเตือนภัยโควิดในระดับ 2 มีแนวโน้มจะผ่อนคลายกิจการ/กิจกรรม โดยเฉพาะในกลุ่มสถานบันเทิง ผับบาร์ คาราโอเกะในเร็วๆ นี้หรือไม่ ปลัด สธ.กล่าวว่า บุคคลทั่วไปจะสามารดำเนินกิจกรรม/กิจการได้เกือบทั้งหมด ยกเว้นกลุ่ม 608 คือ 1.ไปสถานที่เสี่ยง กลุ่ม 608 คือผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว หญิงตั้งครรภ์ ผู้ที่ได้รับวัคซีนไม่ครบตามเกณฑ์ งดเข้าสถานบันเทิง เลี่ยงเข้าสถานที่ระบบปิด/แออัด 2.ร่วมกิจกรรมที่มีคนจำนวนมาก กลุ่ม 608 ที่ได้รับวัคซีนไม่ครบตามเกณฑ์ เลี่ยงร่วมกิจกรรมที่รวมกลุ่มจำนวนมาก 3.เดินทางข้ามพื้นที่/ข้ามจังหวัด กลุ่ม 608 ที่ได้รับวัคซีนไม่ครบตามเกณฑ์ เลี่ยงโดยสารขนส่งสาธารณะทุกประเภท และ 4.เดินทางเข้า-ออกประเทศ กลุ่ม 608 ที่ได้รับวัคซีนไม่ครบตามเกณฑ์ เลี่ยงเดินทางไปต่างประเทศ เข้าประเทศ กักตัว

ด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเตรียมมาตรการป้องกันโควิดช่วงเปิดภาคเรียนที่จะเป็นรูปแบบ On-site ว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ขอให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามมาตรการทางสาธารณสุขในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด ย้ำความสำคัญในการสวมหน้ากากอนามัยและการฉีดวัคซีนทุกคนในโรงเรียนให้ครอบคลุม รวมทั้งแสดงความห่วงใยเรื่องการเดินทางไปโรงเรียนของนักเรียน โดยเฉพาะการเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชน ทั้งรถเมล์โดยสาร รถไฟ รถไฟฟ้า เรือโดยสาร จึงสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมพร้อมอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยในการบริการรองรับผู้โดยสารที่จะมีมากขึ้นในช่วงเปิดเทอม

นอกจากนี้ นายกฯ ได้ติดตามสถานการณ์การอำนวยความสะดวกให้แรงงานต่างชาติกลับเข้ามาทำงานในประเทศไทยเพื่อแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงานอย่างใกล้ชิด พร้อมกำชับกระทรวงแรงงานให้เตรียมพร้อมแนวทางการดูแลแรงงาน และดำเนินการให้สอดคล้องกับมาตรการด้านสาธารณสุขในการเดินทางเข้าประเทศไทย หลังจากเมื่อวันที่ 10 พ.ค.ที่ผ่านมากระทรวงแรงงานได้นำแรงงานสัญชาติเมียนมา จำนวน 287 คน

“ก่อนเดินทางเข้าไทย แรงงานต้องแสดงเอกสารหลักฐานที่ยืนยันหรือแสดงว่ามีนายจ้างหรือผู้รับอนุญาตให้นำแรงงานต่างชาติเข้ามาทำงาน ซึ่งได้รับการรับรองโดยกระทรวงแรงงานว่าเป็นผู้รับแรงงานเข้ามาทำงานในราชอาณาจักร พร้อมแสดงหลักฐานการได้รับวัคซีนโควิด-19 กรมธรรม์ที่คุ้มครองการรักษาโรคโควิด-19 ครอบคลุมความคุ้มครอง ในวงเงินไม่น้อยกว่า 4,000 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งในกรณีรับวัคซีนครบโดส ให้นายจ้างแจ้ง วัน เวลาเดินทางที่ศูนย์แรกรับเข้าทำงานและสิ้นสุดการจ้างล่วงหน้า ส่วนกรณีรับวัคซีนไม่ครบโดส และไม่มีผลตรวจ RT-  PCR ใน 72 ชั่วโมง แจ้งกำหนดวันเดินทางเข้ามาในประเทศ หลักฐานการยืนยันว่ามีสถานที่กักตัวอย่างน้อย 5 วัน” โฆษกประจำสำนักนายกฯ ระบุ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง