ไทยจับตาใกล้ชิดโควิด 3 สายพันธุ์ สธ.การันตียังไม่พบตัวร้ายหลบภูมิ BA.2.12.1 และสายพันธุ์ผสมเจาะเข้าไทย ยกข้อมูล GISAID สำทับ ยังไม่มีการประกาศยืนยัน ขณะที่อธิบดีกรมควบคุมโรค ประกาศลดระดับเตือนภัยเป็นระดับ 3 ทั่วประเทศ เข้าสู่มาตรการเตรียมพร้อมโรคประจำถิ่นเร็วกว่าที่คาดไว้
เมื่อวันจันทร์ ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศไทย พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 6,488 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 6,482 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 6,461 ราย มาจากการค้นหาเชิงรุก 21 ราย มาจากเรือนจำ 2 ราย เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 4 ราย หายป่วยเพิ่มขึ้น 12,755 ราย อยู่ระหว่างรักษา 84,957 ราย อาการหนัก 1,522 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 738 ราย เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 55 ราย เป็นชาย 30 ราย หญิง 25 ราย เป็นผู้เสียชีวิตที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป 39 ราย มีโรคเรื้อรัง 15 ราย ไม่มีประวัติโรคเรื้อรัง 1 ราย
ทั้งนี้ มียอดผู้ติดเชื้อสะสมยืนยันตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 4,331,338 ราย มียอดหายป่วยสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 4,217,238 ราย ยอดผู้เสียชีวิตสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 29,143 ราย ขณะที่สถานการณ์โลกมียอดผู้ติดเชื้อสะสม 517,260,241 ราย เสียชีวิตสะสม 6,276,465 ราย
ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แถลงความคืบหน้าการเฝ้าระวังสายพันธุ์โควิด-19 ในไทยว่า ช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาไวรัสโควิด-19 ที่พบในประเทศไทยเป็นสายพันธุ์โอมิครอนทั้งหมดแล้ว โดยเป็นสายพันธุ์ย่อย BA.2 สัดส่วน 97.6% สำหรับสายพันธุ์ผสมนั้นปัจจุบันหน่วยงานฐานข้อมูลกลางโควิดโลก หรือ GISAID ยังไม่ประกาศยืนยันว่าตัวอย่างที่ไทยส่งไปให้ทดสอบเป็นสายพันธุ์ผสม ทั้งนี้ที่ผ่านมาประเทศไทยส่งตัวอย่างต้องสงสัยไปยัง GISAID จำนวน 12 ตัวอย่าง แบ่งเป็น XM 8 ตัวอย่าง XN 3 ตัวอย่าง และ XE 1 ตัวอย่าง
“ขณะนี้หน่วยงานของไทยโฟกัสการเฝ้าระวังไวรัสโควิด-19 จำนวน 3 สายพันธุ์ คือ BA.4, BA.5 และ BA.2.12.1 เช่นเดียวกับหน่วยงานสาธารณสุขทั่วโลก เนื่องจากสายพันธุ์ BA.4 และ BA.5 มีข้อมูลว่าแม้เคยติดเชื้อสายพันธุ์ BA.1 แล้ว ภูมิคุ้มกันในร่างกายจะไม่สามารถป้องกัน 2 สายพันธุ์นี้ได้รวมถึง BA.2 ด้วย เว้นแต่กรณีเคยติดเชื้อสายพันธุ์ BA.1 และได้รับวัคซีนด้วยจึงจะพอป้องกันได้ โดยในไทยเคยพบผู้ติดเชื้อ BA.5 จำนวน 1 ราย เมื่อเดือน เม.ย.65 เป็นชาวบราซิล ปัจจุบันรักษาหายและเดินทางกลับประเทศแล้ว” นพ.ศุภกิจระบุ
นพ.ศุภกิจระบุว่า ส่วนสายพันธุ์ BA.2.12.1 นั้น ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลมากพอ แต่จากตำแหน่งการกลายพันธุ์อาจทำให้สามารถหลบภูมิคุ้มกันได้ดีขึ้น อีกทั้งแนวโน้มการระบาดทั่วโลกยังเพิ่มขึ้น โดยมีผู้ติดเชื้อประมาณ 1.2 หมื่นราย ส่วนในไทยยังไม่พบผู้ติดเชื้อ มีเพียงผู้ติดเชื้อสายพันธุ์ BA.2.12 จำนวน 2 ราย เมื่อเดือน เม.ย.65 เป็นชาวอินเดียและแคนาดา โดยได้อัปเกรดศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ 15 แห่งทั่วประเทศ ให้สามารถตรวจแยกสายพันธุ์ได้โดยไม่ต้องส่งตัวอย่างมาที่ส่วนกลาง และโฟกัสการเก็บตัวอย่างจากชาวต่างชาติมากเป็นพิเศษ” นพ.ศุภกิจระบุ
วันเดียวกัน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุขลดระดับเตือนภัยโควิด-19 จากระดับ 4 เป็นระดับ 3 ทุกจังหวัดทั่วประเทศ เนื่องจากจังหวัดส่วนใหญ่ของประเทศเริ่มมีแนวโน้มพบผู้ติดเชื้อลดลง โดยเริ่มเปลี่ยนผ่านจากระยะ Plateau (23 จังหวัด) เข้าสู่ระยะ Declining (54 จังหวัด) ตามเกณฑ์พิจารณาเปลี่ยนผ่านสู่ระยะ Post-pandemic หรือโรคโควิด-19 กลายเป็นโรคติดต่อทั่วไป/โรคประจำถิ่น หลังสงกรานต์แนวโน้มพบผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยกำลังรักษาไม่เพิ่มขึ้น ผู้ป่วยหนักเริ่มมีแนวโน้มลดลงในหลายจังหวัด การลดระดับเป็นระดับ 3 เป็นการเตือนภัยของกระทรวงสาธารณสุข ไม่เกี่ยวข้องกับมาตรการของ ศบค.แต่อย่างใด
“ขณะเดียวกันให้ทุกจังหวัดจัดทำแผนปฏิบัติการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ระยะ Post-pandemic (Endemic approach) เพื่อการมีส่วนร่วมของสถานประกอบการ หน่วยงานภาครัฐ และประชาชน ในมิติด้านเศรษฐกิจและสังคม เร่งบริหารจัดการและเตรียมความพร้อมตามมาตรการการเข้าสู่โรคประจำถิ่นที่มีแนวโน้มเร็วกว่าที่คาดไว้ล่วงหน้า จากความร่วมมือของประชาชนทุกคน ทั้งนี้แต่ละจังหวัดสามารถเข้มมาตรการเพื่อเตรียมพร้อมให้ไทยเข้าสู่การเป็นโรคประจำถิ่นได้" นพ.โอภาส กล่าว
นพ.โอภาสกล่าวว่า สำหรับการเลือกตั้งที่ใกล้จะถึงนี้ กรมควบคุมโรคจะใช้วิธีการและหลักการเดียวกันกับการจัดการควบคุมโรคโควิดของการจัดสอบเข้ามหาวิทยาลัย คือผู้ที่ติดเชื้อโควิด-19 ที่มีอาการไม่หนัก และผู้ที่มีความเสี่ยงสูง สามารถเดินทางไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งได้ อย่างไรก็ดี จะมีการหารือกับสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในรายละเอียดต่อไป
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม พอใจจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางหลั่งไหลเข้าประเทศไทยเพิ่มขึ้น หลังครบ 1 สัปดาห์ที่รัฐบาลและ ศบค.คลายล็อกรับเปิดประเทศเต็มรูปแบบ 1 พ.ค.65 ทั้งนี้ คาดการณ์ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-กันยายน 2565 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติทยอยเดินทางเข้ามาไม่น้อยกว่าเดือนละ 3 แสนคน ขณะที่ปลายปีตั้งแต่เดือนตุลาคมถึงธันวาคม ซึ่งถือเป็นช่วง High Season ก็คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศไทยไม่น้อยกว่าเดือนละ 1 ล้านคน
วันเดียวกัน เครือข่ายผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวและบริการ ร้านค้า ร้านอาหาร สถานบริการ ผับ บาร์ คาราโอเกะ โดยนายสง่า เรืองวัฒนกุล นายกสมาคมผู้ประกอบธุรกิจถนนข้าวสาร เป็นตัวแทนเข้ายื่นหนังสือ ข้อเสนอเพื่อการฟื้นฟูและบูรณาการพัฒนาการท่องเที่ยวครบวงจร ปลอดภัย และยั่งยืน ส่งเสริมศักยภาพการแข่งขันของการท่องเที่ยวไทยในระดับภูมิภาคต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม และนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ทั้งนี้นายมงคลชัย สมอุดร รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับเรื่อง
นายสง่ากล่าวว่า การยื่นหนังสือต่อนายกฯ และ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา มีประเด็นสำคัญคือ การขอให้ยืนยันการประกาศให้โควิดเป็นโรคประจำถิ่นทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.65 พร้อมเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ โดยพิจารณาการบูรณาการการใช้กฎหมายปกติอย่างมีประสิทธิภาพ ยกเลิกมาตรการลงทะเบียนใน Thailand Pass สำหรับผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทยในทุกช่องทาง รวมถึงประชาสัมพันธ์เป็นการล่วงหน้าก่อนการเปิดประเทศ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและจูงใจให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงและกลุ่มไมซ์กลับมาเยือนประเทศไทยอีกครั้ง
“รวมถึงอนุญาตให้เปิดกิจการสถานบริการ ผับ บาร์ คาราโอเกะ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน SHA Plus หรือ Thai Stop COVID 2 Plus และผ่านการตรวจประเมินโดยคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร หรือคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด โดยระยะทดลอง ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.65 เฉพาะในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว 28 จังหวัด โดยแบ่งเป็นเปิดให้บริการได้ทั่วทุกพื้นที่ 16 จังหวัด และเปิดในบางพื้นที่ 12 จังหวัด รวมทั้งเปิดดำเนินการทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.65 เป็นต้นไป” นายสง่าระบุ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เร่งเบิกงบลงทุน ขีดเส้นให้ได้80% กระตุ้นเศรษฐกิจ
นายกฯ อิ๊งค์นั่งหัวโต๊ะประชุมหัวหน้าส่วนราชการ บี้เร่งรัดเบิกจ่ายงบลงทุน 9.6 แสนล้าน
‘เวชระเบียน’หลอนทักษิณ โยนรพ.ตำรวจมอบให้ปปช.
นายกฯ พยักหน้ารับปม "ป.ป.ช." ทวงถามเวชระเบียนรักษาตัว
เพิ่มข้อหาแชร์ลูกโซ่18บอส จ่อหมายจับ‘ตั้ม’โกงเจ๊อ้อย
"ดีเอสไอ" แจ้งข้อหาเพิ่ม 18 บอสดิไอคอน คดีแชร์ลูกโซ่-ขายตรง
หึ่ง!เปลี่ยน‘พงษ์ภาณุ’แทน‘โต้ง’
“คปท.-ศปปส.-กองทัพธรรม” ลุกฮือ ยื่นหนังสือค้านคัดเลือกประธานบอร์ดแบงก์ชาติ
กอดMOUเจรจาเขมร ‘อิ๊งค์’หวั่นโดนฟ้องยันเดินหน้าแบ่งเค้ก/กต.แจงมีข้อดีกว่าเสีย
นายกฯ อิ๊งค์ลั่นเป็นคนไทย 100% ประเทศต้องมาก่อน ยืนยันจะรักษาแผ่นดินไทยไว้อย่างเต็มที่
คลั่งชาติปลุกต้านขายชาติ!
นายกฯ เรียกพรรคร่วมถกปมเกาะกูด "นพดล" โต้เดือดไม่ได้ขายชาติ