จ่อแก้กม.ล้างคาวดงขมิ้น

“วิษณุ” ระบุ พศ.ไม่ได้นิ่งเฉยเรื่องฉาววงการสงฆ์ เผยกำลังพิจารณานำกฎหมายเก่าเอาผิดทั้ง “พระ-ผู้หญิง” เสพเมถุนต้องติดคุกมาใช้หรือเขียนใหม่ให้ดีกว่า ย้ำศาสนาไม่เสื่อม ขอทุกฝ่ายช่วยกัน แย้มรอดู “คดีเงินทอนวัด”โผล่อีก “ตำรวจ ปปป.” เร่งสอบเส้นทางเงินอดีตพระกาโตะ พร้อมตามตัว “พระดอน” คนกลางจ่ายเงิน “ผู้รับเหมาเมืองคอน” โผล่แจ้งความ “พระดอน” เบี้ยวจ่ายเงิน 1 แสนค่าจ้างสร้างกุฏิ

ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 6 พ.ค. นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เรียกเข้าหารือเรื่องอื้อฉาวในวงการสงฆ์ตอนนี้หรือไม่ว่า  นายกฯ ไม่ได้ฝากเรื่องอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ตนได้บังเอิญเจอนายสิปป์บวร แก้วงาม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) จึงได้คุยกัน โดยได้ถาม ผอ.พศ.ว่านายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กำลังเสนอให้มีการแก้ไขกฎหมายอยู่ ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ จะว่าอย่างไร ซึ่งทาง ผอ.พศ.ก็รับว่าจะไปศึกษาเรื่องนี้ดู

 “ผมเข้าใจว่าเขากำลังดำเนินการอยู่ รอให้ทางสำนักพุทธฯ เป็นคนพูดเองดีกว่า แต่ขออย่าเพิ่งไปคิดว่าวงการสงฆ์เสื่อมอะไรขนาดนั้น แค่นิดเดียวจะเสื่อมได้อย่างไร ก่อนหน้านี้มีตั้งเยอะแยะ” นายวิษณุกล่าว

ถามว่าเป็นห่วงจะกลายเป็นโดมิโนที่ลามไปในหลายๆ วัดหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่น่าวิตกจริงๆ แต่จะทำอย่างไรเดี๋ยวลองคิดกันดู ซึ่งในอดีตปี 2500 เราเคยมีกฎหมายที่มีการระบุว่า พระที่ทำปาราชิกโดยเสพเมถุนกับผู้หญิง ไม่ว่าหญิงผู้นั้นจะสมัครใจหรือไม่ก็ตาม ถือว่าพระสงฆ์มีความผิด และผู้หญิงก็มีความผิด แต่ต่อมาเห็นว่าควรยกเลิก ซึ่งปัจจุบันกฎหมายนี้ไม่มีแล้ว

“ก็ต้องไปดูว่าเหตุผลที่ยกเลิกกฎหมายฉบับนี้ไปเพราะอะไร การมาเรียกร้องให้มีกฎหมายลงโทษแบบนี้ ต้องบอกว่าไม่ใช่เรื่องใหม่ เคยมีมาแล้วแต่เราก็ยกเลิกไปแล้ว วันนี้ถ้าจะเอามาใช้อีกก็ไม่ขัดข้อง ถ้าเราคิดว่าสมควรก็เป็นหน้าที่ของสำนักพุทธฯ และอาจจะต้องมีกระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมการศาสนาและนักกฎหมายมาร่วมกันพิจารณาด้วยว่าสมควรที่จะเอากฎหมายฉบับเก่ากลับมาใช้ใหม่หรือไม่ หรือจะเขียนใหม่ให้ดีกว่าเดิมอย่างไร เพราะถ้าไปดูเหตุผลที่ทำไมยกเลิกในตอนนั้น ก็จะพบว่ามันจำเป็นต้องยกเลิกในตอนนั้นจริงๆ วันนี้เราพึ่งพาประชาชนและสื่อมวลชนดีที่สุด” รองนายกฯกล่าว

นายวิษณุยืนยันว่า พศ.ไม่ได้นิ่งนอนใจ ทำงานอยู่ มีการติดต่อประสานกับเจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราชเพื่อตรวจสอบอยู่ เพราะเมื่อยอมรับก็เท่ากับว่าปาราชิกโดยเสพเมถุน และเมื่อต้องปาราชิก ก็เหมือนตาลยอดด้วนอย่างที่พระพุทธเจ้าตรัส คือไม่สามารถบวชได้อีกตลอดชีวิต และนี่คือเหตุผลว่าทำไมปี 2500 จึงมีการยกเลิกกฎหมายฉบับนี้ เพราะถือว่ารับโทษทางวินัยของพระสงฆ์ไปแล้ว หากจะมาติดคุกอีกก็อาจจะแปลกนี่คือตามกฎหมายในอดีต

 “การจะเรียกศรัทธาคืนเราต้องช่วยกันทั้งประเทศ โดยสำนักพุทธฯ อาจจะมีบทบาทมากหน่อย ขอให้เขารวบรวมข้อมูลความชัดเจนให้ได้สักหน่อยก่อนแล้วค่อยออกโรงมาชี้แจง” นายวิษณุกล่าว

ถามว่าปัญหาเรื่องของเงินทอนวัดยังคงมีอยู่อีกหรือไม่ นายวิษณุย้อนถามว่า "คุณไม่รู้หรือ" เมื่อถามว่ากรณีเงินทอนวัดมีอีกหรือ นายวิษณุกล่าวว่า รอดูอีกสักพักแล้วกัน พอซักว่ารอดูใคร นายวิษณุ กล่าวว่า ก็รอดูแล้วกัน

ขณะที่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ผบก.ปปป.) กล่าวถึงคดีนายพงศกร จันทร์แก้ว หรืออดีตพระกาโตะ กับสีกาตอง ที่มีการนำเงิน 600,000 บาท จากบัญชีของวัดเพ็ญญาติ จ.นครศรีธรรมราชไปใช้ว่า ขณะนี้ชุดสืบสวนสอบสวน กก.5 บก.ปปป. อยู่ระหว่างการลงพื้นที่สอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรรมการวัด, ไวยาวัจกร และพระลูกวัดเพ็ญญาติ จ.นครศรีธรรมราช และเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อดูข้อมูลรายละเอียดต่างๆ รวมถึงกฎข้อบังคับเกี่ยวกับการบริหารจัดการเงินของวัด คาดว่าจะมีความชัดเจนภายใน 2 วันนี้ว่ามีใครเข้าข่ายความผิดและผิดข้อหาใดบ้าง

“การเบิกจ่ายเงินวัดของอดีตพระกาโตะถือเป็นความผิดที่สำเร็จแล้ว แม้จะมีการนำเงินมาคืนก็ตาม เพราะถือว่าเงินวัดเป็นของส่วนรวม ไม่สามารถให้ใครนำไปใช้ส่วนตัวได้ เรื่องดังกล่าวเป็นคดีอาญาแผ่นดิน เป็นการกระทำความผิดของเจ้าพนักงานตาม พ.ร.บ.สงฆ์ เบื้องต้นเข้าข่ายความตามมาตรา 147 คือเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ นอกจากนี้ยังต้องตรวจสอบว่ามีใครให้การสนับสนุนอดีตพระกาโตะในการนำเงินดังกล่าวออกมาหรือไม่” พล.ต.ต.จรูญเกียรติกล่าว

ผบก.ปปป.กล่าวว่า ในส่วนพระครูวินัยธรสุวิจักขณ์ ปญญวโร หรือพระดอน ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดวังตะวันออก ที่เป็นตัวกลางรับเงินไปจ่ายให้สีกาตองและนักข่าว เป็นพยานสำคัญที่ต้องนำตัวมาสอบปากคำด้วย ซึ่งอยู่ระหว่างการติดตามตัว รวมทั้งทราบว่าพระดอนยังมีหมายจับในคดีฉ้อโกงด้วย

วันเดียวกัน พ.ต.อ.สมศักดิ์ เนียมเล็ก ผกก.5 ปปป. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปปป. เข้าพบนางพัทยา ทองเสภี ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา จ.นครศรีธรรมราช เพื่อสอบถามและตรวจสอบประวัติของอดีตพระกาโตะและเส้นทางการเงินของอดีตพระกาโตะ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปปป.ได้เดินทางเข้าพบ เจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร เพื่อกราบนมัสการและสอบถามรายละเอียดต่างๆ นอกจากนี้ยังเดินทางไปสอบปากคำพระและชาวบ้านที่วัดเพ็ญญาติ ต.กะเปียด อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช และสอบปากคำนายบำรุง ยอดมณี นายก อบต.กะเปียด โดยเน้นสอบสวนเรื่องเส้นทางการเงินของอดีตพระกาโตะเป็นหลัก

ที่ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช พระธวัฒน์พล หรือพระย้อย อายุ 35 ปี และนายไพฑูรย์ อินทศิลา ผู้สื่อข่าวอาวุโสประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช เข้าให้ปากคำกับตำรวจ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ในคดีที่นายยุทธนา แต่งวงศ์ นายกสมาคมสื่อมวลชนนครศรีธรรมราช แจ้งความดำเนินคดีกับอดีตพระกาโตะที่กล่าวระบุผ่านรายการโหนกระแสว่า ได้จ่ายเงินให้นักข่าวเพื่อปิดการเปิดโปงคลิปฉาวกามกับสีกาตอง

ต่อมาเวลา 14.00 น. นายสุเมธ มากรักษ์ อายุ 45 ปี อาชีพรับเหมาก่อสร้าง ได้เดินทางมาที่ สภ.นครศรีธรรมราช นำเอกสารหลักฐานสัญญารื้อหลังคาศาลาทรงไทย และต่อเติมหลังคากุฏิของพระครูวินัยธรสุวิจักขณ์ หรือหลวงพี่ดอน ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดวังตะวันออก ภายในวัดวังตะวันออก ต.คลัง อ.เมืองฯ จ.นครศรีธรรมราช พร้อมกับนำบันทึกแจ้งความที่ลงวันที่ 29 มิ.ย.63 เข้าแจ้งความเพิ่มเติมกับ พ.ต.ท.สมเชิญ ทองใหญ่ รอง ผกก.สอบสวน สภ.เมืองนครศรีธรรมราช

นายสุเมธกล่าวว่า เมื่อปี 2563 หลวงพี่ดอน พระคนกลางของอดีตพระกาโตะได้ว่าจ้างรับเหมารื้อต่อเติมหลังคาทรงไทยภายในวัดวังตะวันออก ด้วยเงินค่ารับเหมาก่อสร้างจำนวน 2 แสนบาท โดยมีการตกลงทำสัญญาเมื่อวันที่ 27 ก.พ.63 กระทั่งงานรับเหมารื้อต่อเติมศาลาทรงไทยแล้วเสร็จ แต่ทางพระอาจารย์ดอนยังคงค้างเงินเหมางานอีก 1 แสนบาท จนถึงวันนี้พระอาจารย์ดอนยังไม่จ่ายเงินค่ารับเหมาที่ค้างอีก 1 แสนบาท ซึ่งที่ผ่านมาตนพยายามทวงถาม แต่กลับถูกพระอาจารย์ดอนบ่ายเบี่ยงเรื่อยมา กระทั่งพบว่าพระอาจารย์ดอนตกเป็นข่าวฉาวเป็นพระคนกลางกรณีอดีตพระกาโตะ จึงตัดสินใจเดินทางมาแจ้งความเพิ่มเติมเพื่อทวงเงินที่เหลืออีก 1 แสน

อย่างไรก็ตาม ทางพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ได้พิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นคดีนี้เกี่ยวกับทางแพ่งที่ไม่จ่ายค่าจ้างกันตามสัญญา ไม่สามารถแจ้งความได้ แค่ลงบันทึกประจำวันไว้เท่านั้น และแนะนำให้ทางผู้เสียหายไปฟ้องเรียกค่าเสียหายจากพระครูวินัยธรสุวิจักขณ์ หรือหลวงพี่ดอนกันเอง.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

พ่อนายกฯขู่เช็กบิล! พรรคร่วมโดดประชุมครม.-นักร้อง/ขอพระเจ้าอยู่ต่ออีก17ปี

"เพื่อไทย" คึก! 3 นายกฯ ร่วมทีมขึ้นรถไฟสัมมนาพรรคที่หัวหิน "นายกฯ อิ๊งค์" ขอ  สส.ไม่แบ่งขั้ว-อายุ ยอมรับ 3 เดือนโฟกัสงานรัฐบาล