ไม่หวั่นไหวทำดีที่สุด บิ๊กตู่เมินล้มเก้าอี้นายกฯ รัฐบาลมั่นใจคุมเสียงอยู่

"ประยุทธ์-ประวิตร" เล่นบทเตมีย์ใบ้เรื่องนายกฯ สำรอง ลุงตู่แค่ยักคิ้ว  ส่วนลุงป้อมบอกอาจารย์วิษณุอธิบายแล้ว "นายกฯ" ส่ายหัวเรื่องเงินซื้อ ส.ส. 5-30 ล้านบาทล้มเก้าอี้ ลั่นไม่หวั่นไหวจะทำให้ดีที่สุด ชี้พรรคการเมืองต้องไม่ทำสิ่งไม่ถูกต้อง "สมศักดิ์" อัดราคาเว่อร์วังไม่เข้ากับเวลาที่เหลืออยู่ "สันติ" โผล่เปิดข้อมูลท่อส่งน้ำอีอีซี กก.ยุทธศาสตร์ พปชร.สั่งเร่งตีปี๊บผลงานช่วงโค้งสุดท้าย  5 พ.ค.เตรียมหารือกรณี "พิเชษฐ"

เมื่อวันอังคารที่ 3 พฤษภาคม ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ประจำสัปดาห์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ปฏิเสธตอบคำถามสื่อมวลชนกรณีสบายใจหรือยังที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ยืนยันสนับสนุนให้เป็นนายกฯ ต่อ และได้พูดคุยกันหรือไม่ โดย พล.อ.ประยุทธ์หันมาทักทายว่า สวัสดีจ้ะ พร้อมยักคิ้วให้สื่อมวลชน

ขณะที่ พล.อ.ประวิตรปฏิเสธตอบคำถามกรณีหาก พล.อ.ประยุทธ์ต้องพ้นจากตำแหน่งกรณีดำรงตำแหน่งเกิน 8 ปี พล.อ.ประวิตรสามารถเป็นนายกฯ รักษาการได้ โดยไม่ได้หันมามองผู้สื่อข่าว และได้เดินขึ้นห้องประชุม ครม.ทันที

ต่อมาหลังประชุม พล.อ.ประวิตรตอบสั้นๆ ถึงเรื่องนายกฯ รักษาการหากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองกับ พล.อ.ประยุทธ์ว่า "อาจารย์วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีบอกแล้ว" และเมื่อถามต่อว่าได้พูดคุยกับ พล.อ.ประยุทธ์ในเรื่องนี้หรือเคลียร์ใจกันหรือยัง พล.อ.ประวิตรไม่ตอบ ก่อนขึ้นรถเดินทางกลับทันที

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ในฐานะรองหัวหน้าพรรค พปชร. กล่าวในเรื่องนายกฯ สำรองว่า ยังไม่มีการประชุมพรรค พปชร. จึงไม่ได้มีการพูดคุยเรื่องนี้ และตามรัฐธรรมนูญก็ไม่มีเรื่องนี้อยู่แล้ว ส่วนกรณีเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองกับ พล.อ.ประยุทธ์ในการดำรงตำแหน่ง 8 ปีนั้น ตามกลไกรัฐธรรมนูญก็มีเรื่องรักษาการ ซึ่งเป็นเรื่องที่นายกฯ และรองนายกฯ พูดคุยกันแล้ว ถือเป็นเรื่องปกติของการบริหารราชการแผ่นดิน แต่หากเกิดเหตุการณ์หรืออุบัติเหตุทางการเมืองส่วนตัวคิดว่าก็ต้องมาคุยกัน เพราะเรื่องดังกล่าวเป็นอำนาจของสมาชิกรัฐสภา ที่ต้องมาหาทางออกร่วมกัน ไม่ใช่เรื่องของพรรค พปชร.หรือพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง อย่าลืมว่าต้องมีสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ร่วมด้วย ส่วนตัวคิดว่าเร็วเกินไปที่จะมาพูดหรือตัดสินใจในเรื่องนี้ คงต้องรอดูเหตุการณ์ตอนนั้นและพูดคุยร่วมกันของสมาชิกรัฐสภา

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการวิเคราะห์หรือไม่ทำไมจึงมีข่าวเกิดขึ้นในช่วงก่อนเปิดการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายชัยวุฒิกล่าวว่า ถือเป็นเรื่องธรรมดา ก่อนเปิดการอภิปรายไม่ไว้วางใจก็ต้องมีฝ่ายค้านและฝ่ายตรงข้ามที่ต้องประโคมข่าว และสร้างประเด็นข่าวหรือสร้างกระแสกดดันรัฐบาลให้เกิดความไม่เชื่อมั่น จึงอยากฝากสื่อมวลชนไปถึงประชาชนว่า รัฐบาลยังคุมเสียงได้ ยังสามารถผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจไปได้แน่นอน และคงทำงานได้ต่อไป

ชัชชาติลั่นไม่เอาเวทีใหญ่

ขณะที่นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) ยืนยันว่า จะไม่กลับไปเล่นการเมืองสนามใหญ่ หลังนายวิษณุระบุว่านายชัชชาติเป็นผู้มีรายชื่ออยู่ในบัญชีนายกฯ ซึ่งไม่ทราบวิธีเอารายชื่อออก แต่มาทางการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ชัดเจนแล้ว จึงขอมุ่งเน้นไปที่สนามผู้ว่าฯ กทม.

รายงานข่าวจากทำเนียบฯ แจ้งว่า ก่อนประชุม ครม. พล.อ.ประยุทธ์, พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ได้เข้าไปหารือกันในห้องพักรับรอง ซึ่งติดกับห้องประชุม ครม.ครู่หนึ่ง และมีการเข้าไปในห้องรับรองอีกครั้งในช่วงพักการประชุม ซึ่งบรรยากาศการประชุม ครม.เป็นไปอย่างราบรื่น พล.อ.ประยุทธ์ค่อนข้างอารมณ์ดี เดินทักทายรัฐมนตรีทั่วห้อง มีการเกาะกลุ่มพูดคุยกับรัฐมนตรีอย่างเป็นกันเอง พร้อมกับบอกว่า รู้สึกดีที่ได้กลับมาประชุมที่นี่อีกครั้ง และก่อนจะรับประทานอาหารกลางวัน พล.อ.ประยุทธ์ยังได้เอ่ยปากชักชวนรัฐมนตรีให้ร่วมรับประทานอาหารกันที่ห้องอาหาร แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า พล.อ.ประวิตรไม่ได้อยู่ร่วมรับประทานอาหารด้วย

นอกจากนี้ ในช่วงท้ายการประชุม ครม. พล.อ.ประยุทธ์ได้อ่านคำถามที่สื่อมวลชนที่ส่งมาถามให้ที่ประชุมฟัง โดย พล.อ.ประยุทธ์ระบุว่า "เดี๋ยวให้โฆษกประจำสำนักนายกฯ ไปพูด ผมไม่พูดหรอก" ทั้งนี้ เมื่ออ่านมาถึงคำถามเรื่องซื้อตัว ส.ส. 5-30 ล้านบาท และมีกระแสข่าวล็อบบี้พรรคเล็กนั้น พล.อ.ประยุทธ์พูดว่า "ผมไม่หวั่นไหว จะทำให้ดีที่สุด ส่วนเรื่องนายกฯ คนนอก รองวิษณุบอกไปแล้ว ผมไม่ได้ตอบอะไร"

ทั้งนี้ หลังประชุม ครม. พล.อ.ประยุทธ์ตอบคำถามถึงกระแสข่าวซื้อเสียง ส.ส.ในสภาเพื่อล้มเก้าอี้นายกฯ มีความหวั่นไหวหรือไม่ โดย พล.อ.ประยุทธ์ส่ายหัวก่อนระบุว่า “ไปหาหลักฐานมาสิ ใครจะพูดอะไรก็พูดได้” เมื่อถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่ซื้อเสียง ส.ส.วงเงินตั้งแต่ 5-30 ล้านบาท พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่มี เพราะไม่เคยทำ

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า แสดงว่าเป็นเพียงการปั่นราคาของ ส.ส.เพื่อปลุกกระแสตอนนี้ ไม่มีการล้มเก้าอี้จริงใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ตอบคำถาม พร้อมหันไปไหว้ศาลพระภูมิเจ้าที่และศาลตายายประจำทำเนียบฯ ซึ่งเป็นจังหวะพอดีที่เดินผ่าน และเมื่อรุกถามอีกว่า สถานการณ์อะไรก็ยังไม่เกิด ทำไมจึงมีกระแสข่าวการล้มนายกฯ เกิดขึ้น และนายกฯ อ่านสถานการณ์อย่างไร พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ก็ไปถามเขาสิ เออ ไม่อ่านละ”

เมื่อถามอีกว่า จะต้องสืบสาวราวเรื่องอีกหรือไม่ว่าใครเป็นคนปลุกกระแสเรื่องเหล่านี้ขึ้นมา พล.อ.ประยุทธ์ย้อนว่า "ข่าวมาจากไหนล่ะ" ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้คุยเรื่องนี้กับ พล.อ.ประวิตรหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ก็คุยกันอยู่ทุกวัน” ก่อนเดินขึ้นไปยังห้องทำงานบนตึกไทยคู่ฟ้าทันที

   พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวหลังประชุม ครม.อีกว่า ยืนยันว่าวันนี้ทำอย่างไรให้ประเทศของเราเข้มแข็งที่สุด มีความรักและความสามัคคี ซึ่งทุกคนต้องทราบดีว่า วันนี้มีหลายปัญหาที่อยู่นอกการควบคุมของเรา ซึ่งทำไม่ได้มากนักในการแก้ปัญหาให้เร็วขึ้น แต่เราก็ต้องพยายามหามาตรการและวิธีการที่เหมาะสม ทำอย่างไรให้ทั่วถึง และดูแลประชาชนได้เพียงพอ อาจไม่ได้อย่างที่ทุกคนต้องการ แต่เราก็พยายามจะดูแลให้ได้มากทุกกลุ่ม

ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า เรื่องอื่นๆ ที่เป็นปัญหาที่มีคนพูดตรงนู้นตรงนี้ เดี๋ยวก็ชี้แจงไปแล้วกัน ทุกอย่างนายกฯ ไม่เคยปล่อยผ่าน ถ้ามีปัญหาข้อสงสัยอะไรต่างๆ ก็สอบข้อเท็จจริงมาก็แล้วกันว่าใครได้ประโยชน์ เสียประโยชน์ ใครทุจริตตรงไหน ได้สั่งการไปหมดแล้ว นั่นคือหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี ถ้าตรวจสอบแล้วมันผิดมันถูกก็ว่าไปตามข้อเท็จจริง แค่นั้นเอง

ขณะที่นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกฯ ตอบคำถามผู้สื่อข่าวตามที่นายกฯ มอบหมายถึงกรณีขบวนการจ่ายค่าหัว ส.ส. 5-30 ล้านบาท เพื่อโหวตล้มนายกฯ ว่านายกฯ ชี้แจงว่าให้ช่วยกันติดตามว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ เป็นสิ่งที่ทุกพรรคการเมืองต้องไม่ดำเนินการในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง

นายธนกรยังตอบคำถามกรณีกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง เซ็นสัญญาสัมปทาน 30 ปีกับบริษัทเอกชนรายหนึ่ง ในโครงการท่อน้ำในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) มูลค่า 2.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งมีการยื่นร้องว่าการประมูลดังกล่าวไม่โปร่งใสว่า นายกฯ ได้สั่งการให้กระทรวงการคลังตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว โดยให้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบโดยเร็วในทุกขั้นตอน ส่วนที่ถามว่า ฝ่ายค้านเตรียมนำเรื่องนี้อภิปรายไม่ไว้วางใจในสภาในเรื่องนี้ เนื่องจากเกิดความเสียหาย นายกฯ ชี้แจงว่า ทราบดีอยู่แล้ว ซึ่งจะหาข้อเท็จจริงใครได้ใครเสียด้วยความเป็นธรรม ส่วนที่กรมธนารักษ์ขอเลื่อนลงนามในสัญญาออกไปก่อนนั้น นายกฯ ระบุว่า ขอให้รอผลตรวจสอบข้อเท็จจริง

ส่วนนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.การคลัง และเลขาธิการพรรค พปชร. กล่าวถึงนายพิเชษฐ สถิรชวาล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พปชร. เตรียมนำประเด็นการประมูลโครงการท่อส่งน้ำในพื้นที่อีอีซีมาร่วมอภิปรายไม่ไว้วางใจกับฝ่ายค้านว่า  คงไม่มีอะไร กรมธนารักษ์ได้ทำทุกอย่างตามขั้นตอนแล้ว การให้ข้อมูลที่ไม่ใช่ความจริง ถ้าพูดแบบส่วนตัวก็ว่าไป ยืนยันรัฐบาลไม่ได้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัท อีสวอเตอร์ จำกัด (มหาชน) เพราะการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ถือหุ้นอยู่ 40% ดังนั้นจึงเป็นบริษัทเอกชน ไม่ใช่รัฐวิสาหกิจ เลยไม่สามารถไปเอื้ออะไรได้ การแข่งขันราคาก็เห็นโดยชัดเจนว่า บริษัทที่แพ้ประมูลได้ให้ประโยชน์กับรัฐในระยะเวลา 30 ปี ประมาณ 24,000 ล้านบาท ส่วนบริษัทที่ชนะประมูลให้ผลประโยชน์กับรัฐ 25,600 ล้านบาท จากนี้จะดำเนินการอย่างไรก็เป็นสิทธิที่จะทำ

'สันติ'เปิดข้อมูลตอบโต้

 “กรมธนารักษ์เห็นกระแสความไม่เข้าใจ คงจะไปตรวจสอบดูอีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้เกิดความเข้าอกเข้าใจ เพราะต้องเข้าใจว่าตลอด 30 ปีที่ผ่านมา บริษัทที่ได้รับสัมปทานจ่ายผลประโยชน์ให้รัฐ 552 ล้านบาท เมื่อกรมธนารักษ์เปิดประมูลใหม่ บริษัทที่แข่งขันให้ผลประโยชน์กับรัฐ 25,000 ล้านบาท แตกต่างกันมากกว่ากี่เท่าก็คำนวณไม่ถูก ต้องถามบริษัทที่แพ้ประมูลว่าในอดีต 30 ปีที่ผ่านมา เงินเหล่านี้ไปไหนหมด ซึ่งเป็นข้อสำคัญที่เราไปตรวจสอบ” นายสันติกล่าว

เมื่อถามถึงกรณีนายพิเชษฐเป็น ส.ส.พรรค แต่กลับมาตรวจสอบเลขาธิการพรรค นายสันติกล่าวว่า นายพิเชษฐเพิ่งมาอยู่ใหม่ การที่มาระบุว่าเป็นหัวหน้ากลุ่มนั้นกลุ่มนี้ ทั้งที่ พปชร.ไม่มีกลุ่ม จึงไม่อยากไปวิจารณ์ ส่วนจะมีบทลงโทษอย่างไรหรือไม่ เรื่องนี้อยู่ที่กรรมการบริหารพรรค ยังไม่รู้จะนำเข้าที่ประชุมเมื่อใด

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ในฐานะ กก.บห.พรรค พปชร. และประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค พปชร. กล่าวถึงกระแสข่าวพรรคเล็กไปรับประทานอาหารกับพรรคเพื่อไทย (พท.) ทำให้ถูกตั้งข้อสังเกตว่าอาจหารือเรื่องล้มรัฐบาล ว่าถ้าทบทวนดูจะเห็นว่าปีสุดท้ายของรัฐบาลจะเป็นแบบนี้ เพราะฝ่ายค้านก็จะต้องติดตามงานของรัฐบาล ขณะที่เราก็ต้องเร่งงานของเราให้ออกมาเป็นรูปธรรม ส่วนพรรคเล็กถ้าเขาไม่ออกมาพูดหรือมีบทบาทในช่วงปีสุดท้ายเพื่อทำให้มีราคา เขาก็ไม่มีราคา

เมื่อถามถึงกระแสข่าวถึงค่าหัวของ ส.ส.จำนวน 5-30 ล้านบาท เพื่อล้ม พล.อ.ประยุทธ์ นายสมศักดิ์กล่าวว่า คงไม่ใช่อย่างนั้น จะใช้อะไรมากมายขนาดนั้น การจะล้มรัฐบาลหรือล้มใคร 30 ล้านบาทมากเกินไปกับเวลาของรัฐบาลที่เหลือไม่กี่เดือน เป็นไปไม่ได้ โมเมไปเอง ย้ำว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะตัวเลขไม่สอดคล้องกับช่วงเวลาของรัฐบาลจากวันนี้ไปถึงวันอภิปรายไม่ไว้วางใจ หรือวันที่อาจจะมีปัญหาใดเกิดขึ้นในวันข้างหน้า ก็เหลือไม่กี่เดือน จะไปจ่ายอะไรตั้ง 30 ล้าน จากประสบการณ์ดูแล้วไม่ใช่ และไม่น่าเชื่อ และไม่น่าจะมี

ด้านนายชัยุวฒิกล่าวประเด็นนี้ว่า ต้องไปถามคนที่ให้ข่าวเรื่องนี้ จึงไม่ทราบ  แต่ยังไม่ถึงเวลาที่รัฐบาลจะต้องเช็กเสียง ส.ส. วันนี้ยังไม่ถึงเวลาโหวต จึงยังไม่ทราบ แต่การพูดถึงเรื่องเงินเรื่องทองในลักษณะนี้ก็ฟังมาโดยตลอด แต่ก็ไม่เห็นมีข้อเท็จจริงอะไร ส่วนกรณีนายพิเชษฐเดินสายไปรับประทานอาหารร่วมกับพรรคฝ่ายค้านนั้น ก็เป็นเรื่องส่วนตัวของนายพิเชษฐ ซึ่งมีสไตล์เป็นแบบนี้ ท่านอาจชอบไปคุยกับคนโน้น สังสรรค์กับคนนี้ ซึ่งคิดว่าเป็นเรื่องส่วนตัว อย่าไปมองเป็นเรื่องของพรรคหรือปัญหาทางการเมือง

นายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ พรรค พปชร. ในฐานะประธานกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ยืนยันว่า มั่นใจและยืนยันว่าเสียงสนับสนุนรัฐบาลยังแน่นปึ้ก

5 พ.ค.ถกกรณีพิเชษฐ

ด้านนายสุรสิทธิ์ นิธิวุฒิวรรักษ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พปชร. ในฐานะวิปรัฐบาล กล่าวว่า วิปรัฐบาลนัดประชุมวันที่ 17 พ.ค. เพื่อหารือถึงวาระประชุม โดยมีวาระร่างกฎหมายของรัฐบาลที่เตรียมเสนอต่อสภาประมาณ 5 ฉบับ ส่วนกรณีของกลุ่มนายพิเชษฐนั้น เบื้องต้นในวันที่ 5 พ.ค. คณะกรรมการยุทธศาสตร์ของพรรคจะหารือ และคาดว่าจะนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมเพื่อแก้ไขปัญหา

"กรณีของนายพิเชษฐ ผมเชื่อว่าไม่มีปัญหา หากมีการลงมติในวาระสำคัญๆ ผู้ใหญ่สามารถพูดคุยกันได้ โดยเป็นสภาพทั่วไป ส่วนกรณีที่ไปพูดคุยกับพรรคฝ่ายค้านนั้น ผมมองว่า ส.ส.แต่ละคนมีพรรคพวก เพื่อนฝูงการรับประทานอาหารเป็นเรื่องปกติ วาระโหวตในเรื่องสำคัญๆ ที่เกิดขึ้นในอนาคต เชื่อว่าไม่ปล่อยวาง ต้องคุยให้ชัดเจน” นายสุรสิทธิ์กล่าว

เมื่อถามว่า กรณีที่กลุ่ม ส.ส.16 ระบุว่าจะโหวตสนับสนุนฝ่ายค้านไม่ไว้วางใจรัฐบาล นายสุรสิทธิ์กล่าวว่า เชื่อว่าไม่ถึงขนาดนั้น และไม่เป็นแบบนั้น

วันเดียวกัน มีการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค พปชร. โดยนายสมศักดิ์กล่าวภายหลังเป็นประธานว่า ได้หารือกับรัฐมนตรีของพรรคว่าต้องรีบนำเสนอผลงานให้ประชาชนได้รับรู้ว่ามีผลงานใดบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพิจารณากฎหมายต่างๆ งานที่กำลังทำใกล้จะเสร็จ และผลงานใดที่เป็นประโยชน์กับประชาชน รวมถึงผลงานที่กำลังจะทำในระยะ 10 เดือนหลังจากนี้ ให้รีบนำมาเสนอต่อประชาชน ซึ่งทั้งหมดถือเป็นผลงานรัฐบาลด้วย

 “ให้รัฐมนตรีของพรรครีบโชว์ผลงาน และรีบบอกและจะได้คิดของใหม่ นโยบายใหม่สำหรับเวทีการเลือกตั้งในวันข้างหน้า เพราะปีสุดท้ายหลีกเลี่ยงไม่ได้หรอก” นายสมศักดิ์กล่าว

นายชัยวุฒิกล่าวเช่นกันว่า ที่ประชุมได้ให้เร่งประชาสัมพันธ์ผลงานรัฐบาลในช่วงโค้งสุดท้าย เพราะเหลือเวลาอีกไม่ถึงปี ส่วนเป้าหมายของพรรคยังคง 150 ที่นั่งเหมือนเดิม หรือจะเพิ่มเป็น 200 แต่​ 150​ พอแล้ว​ เพราะเป็นจำนวนที่สามารถตั้งรัฐบาลได้

เมื่อถามว่า​ พรรคเพื่อไทยมั่นใจว่าจะได้ 250 เสียง​ แลนด์สไลด์แน่นอน นายชัยวุฒิกล่าวว่า ต้องดูช่วงใกล้ๆ ตอนนี้ดูไม่ออก เพราะยังไม่ถึงเวลาเลือกตั้ง และเป็นสิทธิ์ของแต่ละพรรคที่จะตั้งเป้าหมาย ส่วนจะสำเร็จหรือไม่นั้น อยู่ที่ประชาชนจะให้ความไว้วางใจมากน้อยแค่ไหน

สูตรไหนก็ถึงศาล รธน.

ขณะเดียวกัน นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. (ฉบับที่…) พ.ศ….. กล่าวถึงวิธีการคำนวณ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ว่าจะต้องหาร 100 หรือหาร 500 ว่าหากตีความตามรัฐธรรมนูญที่แก้ไขไปแล้ว มีความชัดเจนคือ ต้องหารด้วย 100 แต่ถ้าใครเห็นต่างต้องไปยื่นที่ศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัย ซึ่งไม่เกี่ยวกับการพิจารณาในชั้น กมธ. และคาดว่าจะพิจารณาในสัปดาห์หน้า

 นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังธรรมใหม่ ในฐานะ กมธ. กล่าวว่า สูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ คาดว่าจะได้พิจารณาวันที่ 11 พ.ค. ส่วนประเด็นสูตรคำนวณที่ใช้ตัวเลข 100 หารเพื่อหาคะแนนเฉลี่ยของ ส.ส.พึงมี 1 คน ส่วนตัวมองว่าเป็นความเห็นของ กมธ. 2-3 คนเท่านั้น แต่ส่วนใหญ่สนับสนุนให้ใช้ตัวเลข 500 หาร ซึ่งในรายละเอียดนั้น ในฐานะผู้เสนอหลักจะขอไปต่อสู้ในชั้น กมธ.

 “ไม่ว่าแนวทางที่ถูกเห็นชอบจะเป็นหารด้วยจำนวน 100 หรือ 500 ต้องถึงศาลรัฐธรรมนูญทั้งหมด เนื่องจากขัดต่อเจตนารมณ์และบทหลักของรัฐธรรมนูญ กล่าวคือ หากหารด้วยจำนวน 100 จะขัดต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญว่าด้วยส.ส.พึงมี รวมถึงมาตรา 93 และมาตรา 94 ส่วนกรณีหารด้วยจำนวน 500 แม้จะขัดกับมาตรา 91 แต่สอดคล้องกับมาตรา 93 มาตรา 94 และสอดคล้องกับเจตนารมณ์ ส.ส.พึงมี ดังนั้นไม่ว่าสูตรคำนวณจะออกมาอย่างไร ล้วนไม่ตรงกับข้อกฎหมาย ต้องถูกส่งไปศาลรัฐธรรมนูญ” นพ.ระวีกล่าว และยืนยันว่า การส่งเรื่องตีความ ไม่ใช่การยื้อกฎหมาย เพราะมีกรอบทำงาน 6 เดือน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ฟ้องต้นตอหมอคางดำ

สภาทนายความฯ เตรียมฟ้องแพ่งบิ๊กเอกชน-หน่วยงานรัฐ ต้นตอ "เอเลี่ยนสปีชีส์"

‘เนวิน’รวมใจชาวบุรีรัมย์ จัดมิวสิคัลเทิดพระเกียรติ

“เนวิน” รวมใจชาวบุรีรัมย์ จัดเทิดพระเกียรติ 72 พรรษา แสดง แสง สี เสียง มิวสิคัล “ลมหายใจของแผ่นดิน” โดยบุรีรัมย์ออร์เคสตรา แสดงความจงรักภักดี 28-30 ก.ค.2567 สนามช้างอารีนา บุรีรัมย์